กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 722.4 ป๋ายเหย่จากไป
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกกระบี่ ยามนี้ก็ได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อแจกันสมบัติทวีปเล็กๆ ซึ่งในความทรงจำแค่รู้สึกว่าดีกว่าธวัลทวีปเล็กน้อยแห่งนี้ไปมาก
คนที่กล้าตายก็กล้าตายจริงๆ คนที่ต่อสู้เก่งก็สู้ได้ดีจริงๆ เมื่อก่อนไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าเพื่อนบ้านเล็กๆ ที่อยู่ทางทิศใต้แห่งนี้จะ…เหมือนอุตรกุรุทวีปของข้าถึงเพียงนี้! เหมือนมากที่สุดในตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล เป็นเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีหนึ่งใน!
สำนักเจินจิ้งแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน เหวยอิ๋งเจ้าสำนัก หลิวเหล่าเฉิงผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง ผู้ถวายงานหลิวจื้อเม่า สำนักแห่งหนึ่งที่มีห้าขอบเขตบนมากถึงสามคน ได้จับมือกันเดินทางไปหาสกุลเจียงอวิ๋นหลินที่อยู่ริมมหาสมุทร
นอกจากนี้แล้วยังมีเซี่ยสือเทียนจวินลัทธิเต๋าที่พาผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีปกลุ่มใหญ่ซึ่งไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่เดินทางมาหาสกุลเจียงอวิ๋นหลิน หนึ่งในนั้นก็มีหยวนหลิงเตี้ยนที่เมื่ออยู่ในทวีปใหญ่อันเป็นบ้านเกิดซึ่งมีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ผู้คนก็ยังให้การยอมรับว่าเป็น ‘ขอบเขตหยกดิบที่มีพลังการสู้รบเทียบเท่ากับขอบเขตเซียนเหริน’ ศิษย์เอกของฮว่อหลิงเจินเหริน บรรพจารย์ผู้บุกเบิกขุนเขาสายจื่อเสวียน
และยังมีสำนักที่ทั้งๆ ที่เห็นกันอยู่ว่าเป็นสำนักตระกูลเซียน แต่กลับมีฉายาในยุทธภพว่าพรรคหมัดเทพไร้เทียมทาน เจ้าประมุขพรรคผู้เฒ่าจึงได้เจอกับหลิวเหล่าเฉิงสหายเก่า ขอบเขตหยกดิบที่เคยเป็นผู้ฝึกตนอิสระเพียงหนึ่งเดียวในทะเลสาบซูเจี่ยน ทุกวันนี้ได้กลายมาเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักเจินจิ้ง คำว่าเรื่องราวทางโลกยากจะคาดการณ์ก็เป็นเช่นนี้เอง
พอได้เจอกับสหายรักหลิวเหล่าเฉิง เจ้าประมุขพรรคผู้นั้นก็ยังคงมีมาดของยุทธภพ ดื่มเหล้าร่วมกันไปหลายครั้ง
การดื่มเหล้าครั้งสุดท้าย หลิวเหล่าเฉิงอดไม่ไหวจริงๆ จึงเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสสวินกลับจากไปทั้งอย่างนี้”
เกาเหมี่ยนเจ้าประมุขพรรคผู้เฒ่ากระดกเหล้ากรอกปากอึกใหญ่ “ทวนหนึ่งฉื่อผู้นั้นความสามารถมีไม่มาก แต่ความกล้าหาญกลับมีไม่น้อย แล้วยังโชคไม่ดีพอ ยังจะทำอย่างไรได้อีกเล่า”
ผู้เฒ่าเงียบงันไปนาน ก่อนจะยกกาเหล้าขึ้น เทเหล้าหันไปทางทิศใต้ พลางพึมพำว่า “น้องชาย ทวนหนึ่งฉื่อแห่งใบถงทวีปเช่นเจ้า ยามอยู่ต่อหน้าหนุ่มน้อยหน้าหยกเช่นข้าผู้อาวุโสล้วนไม่เคยทำตัวแข็งกระด้าง คิดไม่ถึงว่ากลับต้องมาตายอย่างแข็งทื่อเช่นนี้ หากรู้อย่างนี้แต่แรกเมื่อก่อนคงยิ้มให้เจ้าบ่อยๆ พูดดีๆ กับเจ้าหลายๆ คำแล้ว”
เมืองหลวงต้าหลี
สำนักโม่แผ่นดินกลางที่เข้ามาร่วมสถานการณ์เร็วยิ่งกว่าสำนักการค้า สายหลักสายรองต่างทยอยกันวางเดิมพันไว้บนตัวผู้ฝึกตนสำนักโม่ของแจกันสมบัติทวีป ยังคงช่วยราชวงศ์ต้าหลีสร้างเรือข้ามฟากใหญ่เท่าขุนเขาและเรือกระบี่ลำแล้วลำเล่า
ราชวงศ์ต้าหลีเก่งกาจด้านการหาเงิน อาจารย์ฟ่านก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
ในอดีตเจ้ากรมครัวเรือนต้าหลีซึ่งเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดเคยถูกเย้าว่าเป็นเจ้ากรมมะพลับนิ่มที่ไม่ว่าใครก็กล้าบีบเล่น ตอนนี้กลับกลายมาเป็นคนที่นิสัยเจ้าอารณ์ที่สุดในราชสำนักต้าหลีแล้ว ขนาดเจ้ากรมอาญาก็ยังกล้าด่า ดูจากท่าทางแล้วเจ้ากรมกลาโหมที่ถูกมองไม่ต่างจากศัตรูคู่อาฆาต อย่าว่าแต่ด่าเลย แม้แต่ตีก็ยังกล้า ทุกครั้งที่เจอหน้าปรึกษาหารือกับเจ้ากรมกลาโหมที่มีระดับขุนนางเท่าเทียมกัน แค่เขาได้เห็นหน้าก็จะต้องด่ากราดเสียจนไม่เหลือชิ้นดี พอคุยธุระเป็นงานเป็นการเสร็จค่อยด่าอีกรอบ ทว่าฝ่ายหลังมักจะลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆ จากไปก่อนนานแล้ว
เดิมทีที่ว่าการหกกรมของเมืองหลวงต้าหลีแค่ตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ทว่าตอนนี้ได้บุกเบิกพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งขึ้นมาชั่วคราวเพื่อรวมที่ว่าการทั้งหมดให้รวมกลุ่มเป็นเพื่อนบ้านกัน ต่างฝ่ายต่างไปมาสู่กันได้สบาย ขุนนางของแต่ละกรมที่ขอแค่มีงานหลวงติดตัว การติดต่อกันจึงเป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น
หลิ่วชิงเฟิงกับกวนอี้หรานที่ในอดีตต่างก็เคยเป็นขุนนางผู้ตรวจการลำน้ำใหญ่เหมือนกันจึงได้พบเจอกันบ่อยครั้ง ในฐานะหลานชายคนโตของนายท่านผู้เฒ่ากวน กวนอี้หรานเพียงแค่เข้ามารับตำแหน่งสำรองในกรมครัวเรือนเท่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่ได้เลื่อนขั้น ตามกฎในราชสำนักของต้าหลีก็ล้วนไม่ถือว่าเป็นการเลื่อนขั้นอย่างโจ่งแจ้งหรือการเลื่อนขั้นแบบลับๆ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ที่อยากช่วยทวงความเป็นธรรมให้กับสกุลกวนจึงมีอยู่เยอะมาก
หลิ่วชิงเฟิงที่มีชาติกำเนิดมาจากขุนนางของแคว้นใต้อาณัติได้เลื่อนขั้นเป็นรองเจ้ากรมฝ่ายขวาของกรมกลาโหม แต่กวนอี้หรานที่มีชาติกำเนิดจากสกุลกวนต้าหลี ทั้งยังควบตำแหน่งผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ กลับได้แค่เข้ามารับตำแหน่งสำรองที่ขาดแคลนของกรมครัวเรือนเท่านั้น ไม่เพียงเท่านี้ ดูเหมือนว่าหลังจากเจ้ากรมผู้เฒ่ากวนจากไป กวนอี้หรานก็จงใจตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างตัวเองและกรมขุนนาง ทุกช่วงเทศกาลปีใหม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเยือนผู้อาวุโสท่านอาท่านลุงทั้งหลายที่รับหน้าที่สำคัญในกรมขุนนางเลย ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่คนรุ่นท่านปู่ กวนอี้หรานก็ยังวางมาดใหญ่โตอย่างยิ่ง ยังคงไม่ไปทักทายถามไถ่ ว่ากันว่ามีอดีตรองเจ้ากรมผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ออกจากกรมขุนนางไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ก่อนจะปลดประจำการได้ย้ายไปเป็นเจ้ากรมในกรมอื่นสามปี เขาเห็นกวนอี้หรานเป็นดั่งหลานชายแท้ๆ ของตัวเองมาโดยตลอด พักผ่อนอยู่ในบ้านที่เมืองหลวงนานหลายปี เจ้าลูกกระต่ายใจจืดใจดำกวนอี้หรานผู้นี้ก็ยังไม่เคยไปเยี่ยมเยียน ทำเอาวันที่สองของเดือนหนึ่งผู้เฒ่าที่มายืนคอยอยู่หน้าประตูใหญ่บ้านตัวเองนานแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ได้เห็นหน้าคนหนุ่มที่ชอบยิ้มทะเล้นหน้าเป็นไม่เคยมีมาดเอาจริงเอาจังผู้นั้นเสียที จึงโมโหจนกระแทกไม้เท้าลงกับพื้นแรงๆ ด่ากวนอี้หรานดังลั่นว่าไม่ใช่คน เจ้าตะพาบน้อยช่างไร้จิตสำนึกยิ่งนัก
ตอนที่ผู้เฒ่าหมุนตัวกลับ ในใจกลับตำหนิเจ้ากรมผู้เฒ่ากวนว่าช่างอำมหิตนัก ใจร้ายเหลือเกิน มีใครที่ไหนบ้างที่รังแกลูกหลานในบ้านตัวเองเช่นนี้
ตรอกอี้ฉือ ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ปลดประจำการจากตำแหน่งขุนนางมานานหลายปี ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ต่างก็ยุ่งอยู่กับการหยอกล้อลูกหลาน ถึงอย่างไรในบ้านก็มีเด็กรุ่นหลังอยู่แค่ไม่กี่คน นับว่ายังพอเป็นโล้เป็นพายอยู่บ้าง ไม่ทำให้อับอายขายหน้าเท่าใดนัก เวลาที่เดินอยู่ในตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร์ก็ไม่ต้องคอยก้มหน้าหดคอ
วันนี้ผู้เฒ่าพาหลานคนหนึ่งมาเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ด้วยกัน เด็กชายที่เพิ่งจะรู้จักตัวอักษรจากอาจารย์ของโรงเรียนในบ้านพลันพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสากับผู้เฒ่าว่า “ท่านปู่ พวกเรามีเทพเซียนบนภูเขามากมายขนาดนั้น สัตว์เดรัจฉานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็มีปีศาจใหญ่มากมายขนาดนั้น ทั้งสองฝ่ายจะมีแค่เทพเซียนที่ตีกันอยู่บนฟ้าไม่ได้หรือ? รอให้ตีกันบนฟ้าเสร็จแล้วค่อยลงมาตีกันบนดิน ถึงเวลานั้นยามที่ต่อสู้กัน ข้าเรี่ยวแรงน้อยเกินไป จะให้ช่วยเหลือก็คงไม่ไหวหรอก กรมครัวเรือนขาดเงินไม่ใช่หรือ ข้าก็จะเอาเงินยาสุ้ยบริจาคไปให้ ท่านพ่อข้ามักจะโดนนายท่านผู้เฒ่ากรมครัวเรือนด่าบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ พอเอาเงินให้แล้วเขาคงไม่กล้าด่าท่านพ่อข้าอีกแล้วกระมัง? ตั้งยี่สิบตำลึงเงินเชียวนะ!”
ความรู้ในเรื่องนี้ใหญ่มากและเยอะมาก ผู้เฒ่าจึงได้แต่เลือกพูดในส่วนที่เด็กน้อยพอจะฟังเข้าใจ บอกว่าสงครามไม่ใช่การเล่นพ่อแม่ลูก ฝ่ายของพวกเราไม่เพียงแต่เทพเซียนบนภูเขาเท่านั้นที่ไม่อาจกลัวตาย แม้แต่คนล่างภูเขาก็ยิ่งไม่ควรกลัว ใครก็ล้วนกลัวตายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นใบถงทวีปแห่งที่สอง ถึงเวลานั้นพวกเราสองปู่หลานคงต้องย้ายบ้านกันแล้ว
อาจจะต้องย้ายบ้านจริงๆ เอาทรัพย์สมบัติบางส่วน เอาตำราอริยะปราชญ์บางส่วนไปด้วย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเอาหัวย้ายบ้าน (เปรียบเปรยว่าถูกฆ่า/ถูกตัดหัว)
เพียงแค่ว่าประโยคสุดท้ายนี้จะพูดกับเด็กคนหนึ่งไปทำไม อย่าว่าแต่พูดแล้วจะทำให้เด็กตกใจกลัวเลย ตัวเขาเองที่พอคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นทุกวันก็ยังตกใจกลัวเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ตกใจจนต้องดื่มเหล้าหลายอึกเพื่อระงับความตกใจเลยไม่ใช่หรือ?
ทุกวันนี้ต้าหลีอนุญาตให้ขุนนางลาออก ซึ่งจะต้องเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งยกให้เป็นของหลวง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง หากมากพอจะจ่ายค่าเรือข้ามทวีป ก็สามารถขึ้นเรือไปหลบภัยที่อุตรกุรุทวีปได้เลย ตามแต่ใจปรารถนา ต้าหลีจะไม่ขัดขวางเด็ดขาด คนที่เงินไม่พอก็สามารถยืมได้ เสมียนกรมครัวเรือนและผู้ฝึกตนติดตามกองทัพจะมาเยือนถึงบ้านแล้วตรวจสอบบัญชีทั้งหมด ใครที่กล้าปิดบังหรือรายงานไม่ครบถ้วน ขอแค่เกินจากหนึ่งส่วนของทรัพย์สินที่แท้จริง ก็ขอโทษด้วย ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในบ้านจะต้องถูกริบเข้าเป็นของหลวงโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าคนแก่หรือเด็กล้วนต้องถูกเนรเทศไปไกล ทุกวันนี้ต้าหลีอยู่ในช่วงที่ต้องใช้ทั้งเงินและใช้ทั้งคน จึงขาดทั้งเงินแล้วก็ขาดทั้งคน
สถานที่ต่างๆ ในแจกันสมบัติทวีปที่ยังไม่ถูกไฟสงครามลามมาโดน ทั้งยุทธภพและในหมู่ชาวบ้าน ผู้ที่ชักนำให้คนเกินสิบคนต่อสู้ตะลุมบอนกัน จะถูกตัดหัวประหารชีวิตทันทีโดยไม่สอบถามต้นสายปลายเหตุจากทั้งสองฝ่าย ผู้ฝึกตนที่สร้างความวุ่นวายในพื้นที่ก็ถูกสังหารทันทีเช่นกัน
ด้านล่างภูเขาที่เกิดความวุ่นวายโดยที่ไม่มีผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจมาเข้าร่วม ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินจัดการได้ไม่ดีพอ ขุนนางในท้องถิ่นจะต้องถูกจับขังคุก จากนั้นจับตัวเจ้ากรมอาญาของแคว้นใต้อาณัติแห่งนั้นส่งไปขังยังห้าขุนเขาหรือภูเขาทายาทที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยตรง
การเข่นฆ่าทั้งหมดที่มีผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจเข้าร่วมด้วย จะอิงตามระดับขั้นของตระกูลเซียนและสำนักที่แตกต่างกัน ภูเขาตระกูลเซียนทุกแห่งจะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ จากต่ำไปสูง แบ่งออกเป็นอาณาเขตสามร้อยลี้รอบพื้นที่การปกครอง อาณาเขตพันลี้และอาณาเขตสามพันลี้ ไม่ว่าพบเจอหรือยังไม่พบเจอความวุ่นวาย หากไม่สามารถจับหรือสังหารตัวการที่ก่อความวุ่นวายได้ก็จะถูกจับขังคุกไปรับโทษเช่นกัน กลัวว่าจะเกิดหายนะที่มาเยือนโดยไม่ทันรู้ตัว? ถ้าอย่างนั้นก็กระจายตัวเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลทั้งหมดบนภูเขาออกไป คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบสำนักทั้งกลางวันกลางคืน! ไม่ต้องไปลงสนามรบเข่นฆ่าแล้ว หรือว่าแม้แต่ความปลอดภัยในบริเวณใกล้เคียงกับประตูภูเขาบ้านตัวเองก็ยังดูแลไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เทพเซียนบนภูเขาที่เป็นเช่นนี้ ไม่ต้องมีก็ช่าง
ผู้ฝึกตนอิสระทั้งหมดในหนึ่งทวีป สามารถไปรับป้ายตรวจตราที่กรมอาญาต้าหลีเป็นผู้แกะสลักชิ้นหนึ่งมาจากห้าขุนเขา เทพภูเขาของขุนเขาทายาทหรือกรมพิธีการของแคว้นใต้อาณัติแต่ละแห่งได้ ไม่ว่าจะขอบเขตสูงหรือต่ำ เมื่อได้รับป้ายหยกแผ่นนี้ จะสามารถเดินอยู่ในอาณาเขตของตัวเองได้อย่างไร้ความยำเกรงโดยอิงจากระดับขอบเขตสูงต่ำ แล้วก็สามารถตรวจสอบหาช่องโหว่ของเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลได้เช่นกัน หากได้ผลเก็บเกี่ยวก็จะได้รับเงินเทพเซียน ขอแค่สะสมจำนวนบนเอกสารลับได้มากพอก็จะเอามาแลกเปลี่ยนเป็นคุณความชอบทางการทหารจากต้าหลีได้ ถึงเวลานั้นจะรับตำแหน่งขุนนางของกรมพิธีการแคว้นใต้อาณัติหรืออาศัยสิ่งนี้ถอยไปอยู่อุตรกุรุทวีปก็ล้วนมีอิสระในการตัดสินใจ
ผู้ฝึกตนอิสระ คนที่ไม่ยินดีเข้าสู่สนามรบ กองทัพม้าเหล็กต้าหลีและแคว้นใต้อาณัติของแต่ละแห่ง ล้วนห้ามบังคับขืนใจ
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำของแต่ละสถานที่ที่กล้าออกจากหน้าที่โดยพลการ นับตั้งแต่กษัตริย์แคว้นใต้อาณัติไปจนถึงตลอดทั้งกรมขุนนาง ล้วนจะต้องถูกซักไซ้เอาความผิดทั้งหมด
เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขาที่ลบชื่อตัวเองออกจากทำเนียบโดยพลการ หากต้าหลีและแคว้นใต้อาณัติตรวจสอบพบว่าเป็นความจริง ศาลบรรพจารย์ของภูเขาจะต้องถูกจับเข้าคุก บรรพจารย์ผู้คุมกฎถูกประหารทันที ผู้ฝึกตนคนอื่นล้วนถูกเนรเทศไปอยู่อาณาเขตของขุนเขาใต้
ซ่งเหอฮ่องเต้ต้าหลี
การประชุมเล็กเพิ่งจะจบลงก็รีบเข้ามาหลับตาพักผ่อนในห้องทรงพระอักษร อีกเดี๋ยวจะต้องเจอกับขุนนางใหญ่ของหกกรมอีกหลายกลุ่ม แต่ละคนต่างก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องให้เขาเป็นผู้ตัดสินใจในท้ายที่สุด จากนั้นก็ป่าวประกาศราชโองการให้แก่ราชสำนักต้าหลี
ซ่งเหอนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งของชุยฉานที่เป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งราชครู
การไม่แยแสความไร้น้ำใจ และการจงใจเข้มงวดกับแคว้นใต้อาณัติทุกอย่างของชุยฉานแห่งต้าหลีในทุกวันนี้ วันหน้าฝ่าบาทแค่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผ่อนการปกครองให้ยืดหยุ่นขึ้นหน่อย ในอนาคตก็จะเป็นจุดที่ช่วยรวบรวมจิตใจของปวงประชาสกุลซ่งต้าหลี
จะปล่อยให้ฝ่าบาทสูญเสียแผ่นดินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งไปแล้ว แล้วยังไม่ได้รับถ้อยคำดีๆ จากประวัติศาสตร์ของแต่ละแคว้นไม่ได้
ทั้งในและนอกหนังสือจะมีแต่คำกล่าวขานที่ไพเราะ วางใจได้เลย
แคว้นไฉ่อีแคว้นใต้อาณัติของต้าหลี บริเวณใกล้เคียงกับเมืองแยนจือ
เรือนผีที่ในอดีตยามค่ำคืนจะมีฝนพร่างพรมบรรยากาศอึมครึมวังเวง ทุกวันนี้กลายเป็นสถานที่ที่ขุนเขาเขียวน้ำใส เป็นที่ตั้งของจวนตระกูลเซียน
นางยื่นมือไปคว้าชายแขนเสื้อของเขาแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพียงแต่ไม่อาจพูดถ้อยคำที่เห็นแก่ตัว ไม่อาจเอ่ยเหตุผลที่นางรู้ดีว่าไม่ถูกต้องเหล่านั้นออกมาได้
แต่นางไม่อยากให้เขาไปนครมังกรเฒ่าเลยสักนิด
เขาเอ่ยปลอบใจว่า ตบะน้อยนิดแค่นี้ของสามีเพียงพอหรือ? ไม่พอจะยัดซอกฟันของปีศาจใหญ่ด้วยซ้ำ ก็แค่ไปช่วยงานเบ็ดเตล็ด พยายามช่วยทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองสบายใจบ้างเท่านั้น ไหนเลยจะตัดใจจากไปโดยไม่หวนกลับมา ทิ้งให้เจ้าต้องอยู่คนเดียวได้ จะต้องกลับมาแน่ กลับมาแน่นอน
นางถึงได้พยักหน้ารับ เพียงแต่ว่ากุมมือของเขาไว้เบาๆ สรุปก็คือต่อให้นางไม่พยักหน้ายอมรับก็ยังไม่อาจรั้งสามีได้อยู่ดี
แคว้นเล็กใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่โชคดีตั้งอยู่ใจกลางภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป อาจารย์ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ปิดประตูไม่ต้อนรับแขกมานานหลายปี วันนี้กลับออกจากบ้านมาอาบแดดอย่างที่หาได้ยาก
เพียงแต่ว่าผู้เฒ่าที่สุภาพสง่างามเสมอมา วันนี้กลับผรุสวาทเสียงดังขรม บอกว่าโหดร้ายไร้ศีลธรรม เป็นการปกครองที่อำมหิตโหดเหี้ยมที่สุด! ผู้ที่สร้างความพินาศวอดวายให้กับมาตุภูมิของข้า อยู่ห่างจากหายนะและความพ่ายแพ้อีกไม่ไกลแล้ว
คนหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกอันธพาลในหมู่ชาวบ้านเดินทางผ่านมา คนที่เป็นหัวหน้าถามกุนซือหัวสุนัขที่เคยเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนมานานหลายปีว่า อาจารย์ผู้เฒ่าเจี่ยงกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ? นานๆ จะออกจากบ้านมาปรากฏตัวสักที ทำไมถึงทำเหมือนลูกชายที่รักถูกคนทุบตีเลยเล่า คนหนุ่มที่เคยเรียนหนังสือมาก่อนพูดเบาว่าๆ อาจารย์ผู้เฒ่ากำลังด่าที่คนเถื่อนต้าหลียุ่งวุ่นวายมากเกินไป เอะอะก็ชอบฆ่าคนไปเรื่อย คนหนุ่มที่ตั้งคำถามเอ่ยด้วยความสงสัย สรุปแล้วว่าเขาด่าอย่างมีเหตุผลหรือไม่? คนหนุ่มที่เคยเรียนหนังสือมาก่อนซึ่งไม่อาจถือว่าเป็นบัณฑิตได้เด็ดขาดคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมั่นใจนัก เพียงแค่บอกว่าคงจะมีเหตุผลกระมัง อาจารย์เจี่ยงของพวกเรามีความรู้ยิ่งใหญ่อย่างมาก
คิดมาถึงตรงนี้คนหนุ่มก็มองไปยังแผ่นหลังของอาจารย์ผู้เฒ่าเจี่ยงที่หันกลับไป
อาจารย์ผู้เฒ่ามีความรู้ยิ่งใหญ่ แต่ลูกชายของเขากลับไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ชอบเล่นพนัน ติดหนี้คนอื่นแล้วยังชอบแกล้งตาย มีครั้งหนึ่งบ่อนพนันโมโหมากแล้วจริงๆ จึงทุบตีเขาเสียน่วม จับบุตรชายเขามัดไว้ ยังคงเป็นเขาที่ไปช่วยขอร้องแทน ช่วยใช้หนี้ให้ เพราะหนึ่งในลูกศิษย์ของอาจารย์เจี่ยงเป็นอาจารย์ในโรงเรียนของเขาพอดี แม้จะเรียนหนังสือไม่ได้ดิบได้ดี แต่อาจารย์ของโรงเรียนคนนั้นทำให้เขารู้สึกนับถืออย่างมาก ปีนั้นถูกตีถูกด่ามาไม่น้อย ตอนเป็นเด็กหนุ่มยังโกรธเคือง รังเกียจที่เขาจุ้นจ้านมากเกินไป เพียงแต่พออายุมากเข้ากลับยิ่งรู้สึกผิดต่ออาจารย์ท่านนั้น ดังนั้นจึงเพิ่มความเคารพให้กับอาจารย์ของอาจารย์ไปอีกส่วนหนึ่งด้วย ทว่าบุตรชายของอาจารย์ผู้เฒ่าเจี่ยงกลับเป็นคนทุเรศจริงๆ อุตส่าห์ช่วยเหลือด้วยความหวังดี ภายหลังยังจะคอยตามติดตนแจอีก
สุดท้ายอันธพาลที่พยักหน้ากับตัวเองพูดว่าก็จริงนะ ตอนนี้พวกเราอยู่ระหว่างเดินทาง เวลาปกติที่เลี้ยงเหล้า พวกสุนัขรับใช้ขุนนางที่เรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับพวกเรา เวลานี้ยามมองพวกเราก็ราวกับป้องกันขโมยเสียอย่างนั้น เห็นแล้วชวนให้อัดอั้นเสียจริง