กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 823.1 ยกภูเขา
เฉินผิงอัน จูเหลี่ยน เผยเฉียน ชุยตงซาน โจวหมี่ลี่ โจวเฝย หมี่อวี้ ฉางมิ่ง เฉินหลิงจวิน จ้งชิว สุยโย่วเปียน หงเซี่ย เพ่ยเซียง อวี๋เต้าเสวียน เว่ยจิ้น หนิงเหยา
ยอดเขาอีเซี่ยน ยอดเขาหม่านเยว่ ภูเขาชิวลิ่ง ยอดเขาสุ่ยหลง ยอดเขาโปอวิ๋น ยอดเขาเพียนเซียน ยอดเขาฉงจือ ยอดเขาอวี่เจี่ยว ภูเขาเดียวดายเล็กใหญ่ ยอดเขาจูอวี๋ ยอดเขาชิงอู้…
ภูเขาลั่วพั่วหนึ่งแห่งมาร่วมงานพิธีตามกลุ่มยอดเขาของภูเขาตะวันเที่ยง
นี่คือการร่วมงานพิธีที่บุกเบิกโฉมหน้าใหม่ ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีป ไม่แน่ว่านับแต่นี้ไปอีกร้อยปีพันปีก็ยังยากที่จะมีใครสามารถเลียนแบบการกระทำเช่นนี้ได้
จู๋หวงออกคำสั่งไปนานแล้ว บอกให้ปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำทั้งหมดของทุกยอดเขา อีกทั้งในมือของเขายังถือป้ายหยกควบคุมค่ายกลใหญ่ของภูเขาบรรพบุรุษด้วยตัวเอง เซียนเหรินที่เหมือนจำแลงมาจากวิถีกระบี่ของภูเขาตะวันเที่ยงตนนั้นกวาดสายตามองไปตามยอดเขาทั้งเก่าและใหม่ ขอแค่สายตามองไปก็จะมีปราณกระบี่ไร้รูปลักษณ์ทำลายบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำที่ผู้ฝึกตนของสถานที่อื่นร่ายออกมาให้แหลกสลายไปทั้งหมด นี่ก็เป็นการกระทำอย่างจนใจของจู๋หวงเหมือนกัน เรื่องน่าอายในบ้านไม่ควรป่าวประกาศออกไปภายนอก วันนี้สามารถปิดบังได้กี่ส่วนก็เท่านั้น
วานรเฒ่าชุดขาวจ้องเขม็งไปยังเจ้าสำนักที่อยู่ตรงหน้าประตู ถามเสียงทุ้มหนัก “เจ้าลองพูดอีกทีสิ”
ไม่เสียแรงที่จู๋หวงมีจิตใจที่เหี้ยมหาญเป็นอันดับหนึ่ง สีหน้าของเขานิ่งสงบมากเป็นพิเศษ เพียงยิ้มบางๆ ตอบมาว่า “ในเมื่อได้ยินไม่ชัด ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะพูดอีกรอบแล้วกัน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป หยวนเจินเย่จะถูกตัดชื่อออกจากทำเนียบศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยงเรา”
สองมือของวานรเฒ่าชุดขาวกำเป็นหมัดจนเส้นเลือดเขียวปูดโปนบนหลังมือ หัวเราะหยันเอ่ยว่า “จู๋หวง เจ้าจะทำเรื่องที่เนรคุณเช่นนี้จริงๆ หรือ? เพียงแค่เจอกับมรสุมเล็กน้อยก็จะทำลายรากฐานของสำนักด้วยมือตัวเองแล้ว? เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเศษสวะน้อยสองคนนี้จะทำทุกอย่างตามใจปรารถนาอยู่ที่นี่ได้?”
จู๋หวงถอนหายใจในใจเบาๆ หนึ่งที คนหนุ่มสองคนนี้ยังทำตามใจปรารถนาได้ไม่มากพออีกหรือ?
ปีนั้นที่ลงจากภูเขาไป ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาเช่นเจ้าช่วยปกป้องมรรคาให้กับเถาจื่อ ไปที่ถ้ำสวรรค์หลีจูด้วยกัน ในเมื่อเจ้าลงมือแล้ว ทำไมไม่ฆ่าเด็กหนุ่มสองคนในตอนนั้นให้ตายไปพร้อมกันทีเดียว? ดันทิ้งภัยแฝงไว้เบื้องหลัง เดือดร้อนลามมายังภูเขาตะวันเที่ยง? ผลคือตอนนี้ทั้งเฉินผิงอันและหลิวเสี้ยนหยางต่างก็เป็นเซียนกระบี่ที่พลังพิฆาตสูงอย่างถึงที่สุดแล้ว กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของหลิวเสี้ยนหยางระดับขั้นเป็นอย่างไร? ขนาดพวกเซี่ยหย่วนชุ่ยสามคนก็ยังขวางไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินผิงอันผู้นั้น เจ้าหยวนเจินเย่ไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ในศาลบรรพจารย์ที่อยู่ด้านหลัง คนหนุ่มนั่งลงดื่มชาแล้วปั่นหัวคนอื่นเล่นอยู่ในกำมืออย่างไร การถามกระบี่ในวันนี้ แน่นอนว่าหลิวเสี้ยนหยางน่ากลัวมาก แต่คนที่น่ากลัวยิ่งกว่ากลับเป็นเจ้าขุนเขาเฉินที่มองทุกอย่างด้วยรอยยิ้มตาหยีอยู่เบื้องหลังคนนี้ต่างหาก!
เจ้าสำนักของสำนักหนึ่ง กับผู้ถวายงานของภูเขาลูกหนึ่ง สองฝ่ายที่เดิมทีควรมีศัตรูคนเดียวกัน ควรรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากที่สุด ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ใช้เสียงในใจพูดคุย
หลิวเสี้ยนหยางที่ถามกระบี่เสร็จแล้วมานั่งลงข้างหลังโต๊ะ ดื่มเหล้าพลางกินแตงไปด้วย
เขารู้สึกเลื่อมใสจู๋หวงอย่างมาก หลิวเสี้ยนหยางรู้สึกว่าทั้งนิสัยใจคอและหนังหน้าของเจ้าหมอนี่คือวัตถุดิบที่ดีในการเกิดมาเป็นเจ้าสำนักจริงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่หอถิงเจี้ยน หลิวเสี้ยนหยางคนเดียวถามกระบี่ต่อเซียนกระบี่เฒ่าสามคนพร้อมกัน ไม่เพียงแต่ชนะแล้ว ยังลากเอาเซี่ยหย่วนชุ่ยมาที่ยอดกระบี่ด้วยกัน เวลานี้เซียนกระบี่ผู้เฒ่าเซี่ยนอนอาบแดดอยู่บนพื้นอย่างสบายอุรา ช่างยุ่งยิ่งนัก ด้านหนึ่งได้รับบาดเจ็บจึงแกล้งตาย ด้านหนึ่งก็แอบรักษาบาดแผลไปเงียบๆ หล่อเลี้ยงบำรุงปณิธานกระบี่ คาดว่าคงยังต้องใช้หัวสมองอย่างเต็มที่ คิดว่าต่อจากนี้ตนควรจะทำอย่างไร ควรจะหยิบหนังหน้าที่ตกลงอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างไร
บรรพจารย์เซี่ยหย่วนชุ่ยวางตัวอยู่นอกเหนือเรื่องราวแล้ว เถาแยนโปกับเยี่ยนฉู่ต่างอกสั่นขวัญกระเจิง รีบร้อนรุดมายังยอดกระบี่
ด้านหลังเซียนกระบี่ผู้เฒ่าทั้งสองมีแขกที่เข้าร่วมงานพิธีกลุ่มใหญ่ติดตามมาด้วย เพราะพวกเขาปรากฏตัวที่หอถิงเจี้ยนนานแล้ว จึงดูเหมือนว่าได้แต่เลยตามเลย หวังเพียงว่าภูเขาตะวันเที่ยงที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ครานี้จะสามารถผ่านด่านยากไปได้
ได้ยินว่าจู๋หวงจะลบชื่อหยวนเจินเย่ออกจากทำเนียบ ในใจเถาแยนโปก็เกิดลูกคลื่นถาโถม ไม่มัวมีเวลามาสนใจมารยาทอะไรอีก คำรามเดือดดาลเรียกชื่อของเจ้าสำนักออกมาโดยตรง “จู๋หวง เจ้าถูกผีบดบังจิตใจไปแล้วหรือไร?! พูดจาบ้าบอก็ควรให้มีขอบเขตบ้าง ถอยไปพูดหมื่นก้าว ต่อให้เจ้าคือเจ้าสำนักของภูเขาตะวันเที่ยง วันนี้ก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะตัดสินใจเพียงลำพัง ลบชื่อผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาออกเองโดยพลการ!”
จู๋หวงสีหน้าเป็นปกติ แต่ในใจกลับยิ้มจืดเจื่อน ยังจะเอากฎของศาลบรรพจารย์อะไรมาพูดอีก หากไม่ทันระวัง ศาลบรรพจารย์ด้านหลังข้านี้ก็จะไม่เหลืออยู่แล้ว
อีกอย่างในบรรดายอดเขาเก่าใหม่ก็มีเพียงภูเขาชิวลิ่งของเจ้าเถาแยนโปเท่านั้นที่ไม่ว่าจะตัดความสัมพันธ์อย่างไรก็ตัดสัมพันธ์กับผู้ถวายงานหยวนไม่ขาด ยอดเขาอีเซี่ยนกลับไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นนั้น
กระเทือนไปถึงเส้นเอ็นและกระดูกเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่าต้องเปลี่ยนเจ้าสำนัก ปล่อยให้พวกเจ้าเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดข้าจู๋หวงนั่งพิทักษ์ ภูเขาตะวันเที่ยงย่อมถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่อาจเป็นโล้เป็นพายอะไรได้อีก
รอกระทั่งคนชุดเขียวทะยานออกไปจากยอดเขาอีเซี่ยน ขี่กระบี่หยุดลอยอยู่นอกประตูภูเขา
ผู้ฝึกตนบางส่วนที่มาเข้าร่วมงานพิธีซึ่งเดิมทีอยากจะให้ความช่วยเหลือภูเขาตะวันเที่ยง ต่างก็รีบพากันหยุดเท้า ใครเล่าจะกล้าหาเรื่องซวยใส่ตัว?
เป็นเหตุให้ถึงท้ายที่สุดเหลือเพียงสวี่หุนคนเดียว จึงดูโดดเดี่ยวแปลกแยกมากเป็นพิเศษ เขาทะยานลมมาที่ภูเขาบรรพบุรุษ พลิ้วกายลงบนยอดกระบี่
นี่ทำให้จิตใจของเถาแยนโปและเยี่ยนฉู่รู้สึกสงบลงได้บ้าง วันนี้เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝันร้ายปรากฏไม่หยุด มารดามันเถอะ ในที่สุดก็มีข่าวดีเสียที
แม้ว่าสวี่หุนจะมาก็จริง แต่ก็ยากจะปิดบังสีหน้าเคร่งเครียดได้ เพราะการขึ้นเขาครั้งนี้ของเขาถือเป็นการทุ่มเดิมพันหมดหน้าตัก
นครลมเย็นกับภูเขาตะวันเที่ยง สองสำนักที่เลื่อนขั้นใหม่ของแจกันสมบัติทวีปช่วยเหลือกันและกัน มีความสัมพันธ์ที่หากใครรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ไปด้วยกัน พินาศก็พินาศวอดวายไปพร้อมกัน แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีเสื้อเกราะโหวจื่อบนร่างของสวี่หุนตัวนั้น มีงานแต่งงานระหว่างสวี่ปินเซียนบุตรชายของเขากับเถาจื่อแห่งภูเขาชิวลิ่ง บวกกับคำสั่งบางอย่างจากสกุลหยวนที่อยู่เบื้องหลัง ล้วนไม่อนุญาตให้สวี่หุนถือหมากไม่ยอมวาง ทำตัวเป็นหญ้าเหนือกำแพงในเวลาเช่นนี้
จู๋หวงยิ้มเอ่ยกับเถาแยนโป “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาประชุมศาลบรรพจารย์กันก่อนครั้งหนึ่ง แค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็จะได้ผลลัพธ์แล้ว”
จู๋หวงยิ้มเอ่ย “เจ้าขุนเขาเฉิน ช่วยรอสักครู่ได้หรือไม่? การถามกระบี่หลังจากนี้ หากเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงจริงๆ ภูเขาตะวันเที่ยงก็ยินดีรับกระบี่”
ตรงตีนเขา เฉินผิงอันเอาสองมือไพล่หลัง เท้าเหยียบอยู่บนกระบี่เย่โหยว พื้นรองเท้ายังห่างจากตัวกระบี่ยาวมาอีกหนึ่งฉื่อกว่า เขายิ้มบางๆ พยักหน้าให้ “ได้สิ ให้เวลาพวกเจ้ามากสุดหนึ่งก้านธูป เกินกว่านั้นจะไม่รอแล้ว”
จากนั้นจู๋หวงก็ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังเซียนกระบี่ตามยอดเขาทั้งหลาย ให้สมาชิกศาลบรรพจารย์ทุกคนของภูเขาตะวันเที่ยง ไม่ว่าจะเป็นเค่อชิงหรือผู้ถวายงานล้วนให้รีบมาที่ยอดกระบี่ ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทุกคนของแต่ละสายก็ต้องมารวมตัวกันที่หอถิงเจี้ยนด้วย
ผู้ฝึกกระบี่ของกลุ่มยอดเขาที่อยู่บนเส้นทางยอดเขาอีเซี่ยนซึ่งขัดขวางไม่ให้หลิวเสี้ยนหยางเดินขึ้นเขาก่อนหน้านี้ เวลานี้ต่างก็ฟื้นคืนสติกันแล้ว ใครที่ลุกขึ้นเองไม่ไหวก็มีผู้อาวุโสหรือไม่ก็เพื่อนร่วมสำนักช่วยประคองขึ้นมา เมื่อครู่นี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักจู๋หวง หากไม่ต้องไปประชุมที่ยอดกระบี่ก็ต้องไปรวมตัวกันที่หอถิงเจี้ยน
แสงกระบี่แต่ละเส้นส่องประกายเจิดจ้าขึ้นมาตามยอดเขาทั้งหลาย งูมีทางของงู นกก็มีทางของนก การขี่กระบี่เป็นไปตามกฎที่ศาลบรรพจารย์ระบุไว้ บ้างสูงบ้างต่ำ ไล่ไปตามวิถีโคจรของตัวเอง พากันรุดหน้าไปยังภูเขาบรรพบุรุษ เพียงแต่ว่าพวกผู้ฝึกกระบี่ต่างก็ไม่มีอารมณ์ผ่อนคลายเหมือนเวลาปกติอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรกลางอากาศสูงเหนือภูเขาของพวกเขาก็ยังมีสายตาที่หลุบมองต่ำจากบุคคลที่หากไม่ใช่เซียนกระบี่ก็เป็นปรมาจารย์ใหญ่วิถีวรยุทธ ทำให้รู้สึกว่าหากไม่ถูกใจพวกเขาก็จะมีแสงกระบี่ฟันลงมา หรือไม่ก็มีปณิธานหมัดแหวกอากาศพุ่งมาเหมือนสายรุ้ง ต่อยให้พวกเขาพลัดหล่นลงพื้น มีแต่จะตายโดยที่ไม่รู้ตัว
ในบรรดานั้นก็มีเหวยเยว่ซานผู้ดูแลท่าเรือป๋ายลู่ หนีเยว่หรงแห่งหอกั้วอวิ๋นที่ทะยานลมไปยังยอดเขาอีเซี่ยนอย่างระมัดระวัง ศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคน ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยปรองดองเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นนี้มาก่อน
เหลิ่งฉี่บรรพจารย์หญิงของยอดเขาฉงจือยิ่งกระอักกระอ่วนเกินกว่าใคร หมี่อวี้ผู้นั้นแผ่ปราณกระบี่ดุจค่ายกล มืดฟ้ามัวดินไปหมด นางรู้ตัวเองดีว่าไม่อาจฝ่าปราณกระบี่แสงเรืองรองพวกนั้นไปได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับที่หากเรียกกระบี่ออกมาก็ไม่เท่ากับว่าถามกระบี่ต่อเซียนกระบี่ใหญ่หมี่หรอกหรือ? เนื้อหาบนจดหมายกระบี่บินที่ส่งมาก่อนหน้านี้ทำให้นางขวัญผวามากพอแล้ว ภายหลังเซียนกระบี่เฉาจวิ้นยังปล่อยกระบี่ใส่ยอดเขาอย่างส่งเดชอีกสามที ฟาดฟันจนสถานที่งดงามซึ่งเป็นพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลสามแห่งของยอดเขาฉงจือเต็มไปด้วยหลุมด้วยบ่อ ไม่เหลือมาดของตระกูลเซียนอีกแม้แต่นิดเดียว
ทว่าเดิมทีนางก็เป็นสมาชิกของศาลบรรพจารย์ ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของยอดเขาฉงจือก็ต้องรีบขี่กระบี่ไปที่หอถิงเจี้ยน หากมัวรีรออยู่ในภูเขาจะเข้าท่าแล้วหรือ?
หมี่อวี้รู้สึกลังเลใจอยู่บ้างว่าควรจะปล่อยสตรีผู้นั้นไปร่วมการประชุมดีหรือไม่ หากปล่อยไปก็เสียหน้า ไม่ปล่อยไปก็ดูเหมือนจะไม่เป็นลูกผู้ชายสักเท่าไร เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างความลำบากใจให้สตรี ดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกลำบากใจเป็นทบทวี ได้แต่ใช้เสียงในใจสอบถามโจวอันดับหนึ่ง ขอกลยุทธที่ดีจากอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
เจียงซ่างเจินหัวเราะร่าใช้เสียงในใจเสนอความเห็น “หมี่อันดับรอง นี่จะมีอะไรยากกัน ไม่สู้เปิดช่องทางเล็กๆ สักช่อง อนุญาตให้ผ่านไปได้แค่ทีละคน ไม่ต้องสูงเท่าตัวคน สกุณาในภูเขาบินล้ออ้อยอิ่ง ก้มหัวเดินลอดไล่ตามกันมา ดุจนกน้อยบินเกาะกิ่งไม้ จะไม่ใช่ภาพวาดภูเขาสายน้ำที่ยากจะพบเห็นได้หรอกหรือ?”
หมี่อวี้กระจ่างแจ้งโดยพลัน ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่ได้ครองอันดับหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าอันดับรองเช่นตนมากนัก หากทำตามคำกล่าวของโจวเฝย ภาพนั้นก็ชวนให้คนสงสารทะนุถนอมได้จริงๆ
ขณะเดียวกันหมี่อวี้ก็หรี่ดวงตาทั้งคู่ลง ตรวจสอบพวกแขกที่มาร่วมงานพิธีซึ่งอยู่บนยอดเขาฉงจือและยอดเขาใกล้เคียง มองว่ามีพวกคนที่รักบุปผาถนอมหยก จึงเผยความโกรธเคืองบนสีหน้า รู้สึกอยุติธรรมแทนเหล่าเทพธิดาบนยอดเขาฉงจือ รู้สึกว่าตนกำลังรังแกคนอื่นอยู่หรือไม่
ในใจเถาแยนโปร้อนรนถึงขีดสุด เซียนกระบี่ผู้เฒ่าของภูเขาชิวลิ่งที่ดูแลคลังสมบัติเช่นเขา ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจู๋หวงจะจัดประชุมศาลบรรพจารย์จริงๆ อีกทั้งยังตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะประชุมกันข้างนอกศาล นี่มันสมควรแล้วหรือ? ไร้กฎไร้ระเบียบ ไร้ขื่อไร้แป จัดการประชุมที่ขายหน้าผู้คนแบบนี้ จู๋หวงถึงขั้นกล้าทำ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!
เถาแยนโปทั้งเจ็บแค้นทั้งมีโทสะ ชิงชังในความไร้น้ำใจของจู๋หวงวันนี้ ยิ่งเคียดแค้นพวกแขกที่มาร่วมงานที่ต่างก็ไร้สัจจะไร้คุณธรรม มาร่วมงานแล้วก็จากไป ยังไม่ได้ดื่มเหล้าสักถ้วย ยังไม่เดินขึ้นภูเขามาแม้แต่ครึ่งก้าว เห็นว่าภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเราเป็นห้องส้วมหรือไร?!
เพียงแต่ว่าดูเหมือนคนที่ท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาภของภูเขาตะวันเที่ยงท่านนี้เคียดแค้นจะมีมากเกินไป เถาแยนโปจำต้องเลือกออกมาด่ากราดให้สาแก่ใจ เพราะคนอย่างเฉาผิงทูตผู้ตรวจการที่กุมอำนาจใหญ่ จิ้นชิงซานจวินขุนเขากลางที่อยู่ใกล้กับสำนักเบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยง หลิวเหล่าเฉิงเจ้าสำนักขอบเขตเซียนเหรินของสำนักเจินจิ้ง เถาแยนโปถึงขั้นไม่กล้าด่าในใจด้วยซ้ำ ได้แต่นินทาสองสามประโยคเท่านั้น
การมาเข้าร่วมงานพิธีของเฉาผิง หากว่ากันในระดับใหญ่แล้ว เดิมทีจะเท่ากับการมาร่วมอวยพรของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉาผิงยังมาจากสกุลของเสาค้ำยันแคว้น หากจะพูดว่าล่างภูเขาของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ ใครที่มีชื่อเสียงมากที่สุด? อันที่จริงไม่ใช่ซ่งจ่างจิ้ง ไม่ใช่ฮ่องเต้ของราชวงศ์ต้าหลี ถึงขั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาคนใด แต่เป็นบรรพจารย์เฉาหยวนสองตระกูล เพราะอาณาเขตของทวีปหนึ่ง นับตั้งแต่จักรพรรดิไปจนถึงขุนนางผู้สูงศักดิ์ แล้วก็ไปถึงยุทธภพ ไปถึงหมู่บ้านชนบท บนบานประตูของแต่ละครอบครัวล้วนแปะภาพเหมือนลงสีของเทพทวารบาลบุ๋นบู๊สองท่านนี้ไว้ทั้งสิ้น
แคว้นมากมายทางทิศใต้ที่หลุดพ้นจากการเป็นแคว้นใต้อาณัติของต้าหลี พวกชาวบ้านยังคงเคยชินที่จะติดภาพเทพทวารบาลของสองท่านนี้ ราชสำนักและจวนที่ว่าการในท้องถิ่น ต่อให้มีความคิดบางอย่างก็ไม่กล้าบังคับให้ชาวบ้านเปลี่ยนภาพเทพทวารบาลที่เป็นวิญญาณวีรบุรุษในศาลบุ๋นบู๊ของบ้านตัวเอง
เสากลางกระแสน้ำในกองทัพชายแดนที่สกุลหยวนประคับประคองขึ้นมา ไม่ใช่ลูกหลานของสกุลหยวน แต่เป็นซูเกาซานแม่ทัพใหญ่ที่ในสงครามใหญ่ครั้งนั้นได้อาศัยผลงานการสู้รบอันเกริกก้องเลื่อนขั้นเป็นทูตผู้ตรวจการคนแรกของต้าหลี น่าเสียดายที่ซูเกาซานรบตายในสนามรบ ทว่าเฉาผิงกลับยังมีชีวิตอยู่
เทียนจวินฉีเจินและสำนักโองการเทพ อย่างมากสุดก็แค่ไม่ชอบหน้าภูเขาตะวันเที่ยงเท่านั้น ในอนาคตไม่มีทางที่จะคิดเล็กคิดน้อยอะไรจริงจังกับภูเขาตะวันเที่ยง
ทว่าสำนักเจินจิ้งของทะเลสาบซูเจี่ยน จิ้นชิงซานจวินขุนเขากลางกลับแน่ชัดแล้วว่าจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับภูเขาตะวันเที่ยง
นี่หมายความว่าการที่ภูเขาตะวันเที่ยงเลือกที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างอยู่ในอาณาเขตของจูอิ๋งเก่าจะกลายมาเป็นความไม่ราบรื่นอย่างถึงที่สุด จะถูกคนปัดแข้งปัดขา ถูกคนหาเรื่องเล่นงาน
เมื่อเทียบกับอาการร้อนใจราวไฟลนของเถาแยนโปแล้ว เยี่ยนฉู่ผู้คุมกฎที่อยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง คิดไปคิดมา นอกจากจะเป็นกังวลแล้วก็ยังเกิดความคิดดีๆ ขึ้นมา มีความรู้สึกว่าเหมือนเดินฝ่าดงต้นหลิวและดอกไม้จนได้พบหนทางมุ่งสู่หมู่บ้าน (เปรียบเปรยว่าผ่านความยากลำบากมาแล้วได้พบเจออนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า) ฟ้าถล่มลงมาก็มีคนตัวสูงกว่าแบกรับไว้ก่อน ยกตัวอย่างเช่นเจ้าสำนักจู๋หวง อาจารย์ลุงเซี่ยหย่วนชุ่ย ผู้ถวายงานหยวน
นอกจากนี้ภูเขาชิวลิ่งและภูเขาลั่วพั่วก็มีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่อย่างถึงที่สุด วันนี้ไม่มีโอกาสที่เรื่องจะจบลงด้วยดีแล้ว ทว่ายอดเขาสุ่ยหลงของตนไม่เคยมีความแค้นใดๆ กับเฉินผิงอัน หลิวเสี้ยนหยาง กับภูเขาลั่วพั่วหรือสำนักกระบี่หลงเฉวียน เรื่องมาถึงขั้นนี้ อันตรายรายล้อมอยู่รอบด้าน สุดท้ายแล้วจะปิดฉากเรื่องนี้อย่างไรก็ยังไม่มีตัวแปรใดที่แน่นอน ความรู้สึกราวกับว่าสำนักใกล้จะล่มสลายลงเต็มที แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ขุนเขาเขียวยังคงอยู่ก็ไม่ต้องกลุ้มว่าจะไม่มีฟืนเผาไฟ การเข้าร่วมงานพิธีครั้งนี้ของภูเขาลั่วพั่ว ต่อให้จะบีบคั้นคนอื่นขนาดไหน ต่อให้จะรื้อศาลบรรพจารย์บนยอดกระบี่อย่างที่หลิวเสี้ยนหยางพูดไว้จริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ถึงกับทุบทำลายยอดเขาเก่าใหม่ให้แหลกเละไปทั้งหมดจริงๆ หรอกกระมัง? ถ้าอย่างนั้นจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะวางแผนให้เหมาะสม ช่วยให้ยอดเขาสุ่ยหลงบ้านตน รวมไปถึงภูเขาหลายสายที่ใกล้ชิดกับตนได้รับโชคดีหลังเคราะห์ร้าย?
——