CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

กระบี่จงมา Sword of Coming - บทที่ 857.2 สองสามเรื่อง

  1. Home
  2. กระบี่จงมา Sword of Coming
  3. บทที่ 857.2 สองสามเรื่อง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ลู่​จือ​กล่าว​ “ลงมือ​ครั้งนี้​ ได้​กำไร​มาไม่น้อยหรือ​?”

คน​ทั้ง​กลุ่ม​มาปราก​ฎตัว​ที่​ประตู​ภูเขา​แห่ง​นี้​ เรื่อง​เกิดขึ้น​ฉุกละหุก​จึงเป็นเหตุให้​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ตน​นั้น​ไม่ทัน​ไป​เยือน​คลังสมบัติ​ แม้จะบอ​กว่า​คนตาย​เพราะ​โลภ​ใน​ทรัพย์สิน​ นก​ตาย​เพราะ​อาหาร​ แต่​เมื่อ​ถึงช่วงเวลา​ที่​ชีวิต​แขวน​อยู่​บน​เส้นด้าย​จริงๆ​ ก็​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ลังเล​อีกแล้ว​ คน​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ ไม่ว่า​จะเป็น​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​หรือ​ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​แห่ง​ป่า​เขา​ ล้วน​เข้าใจ​หลักการ​ตื้นเขิน​ข้อ​นี้​ดี​ เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ที่​ตาย​อยู่​ใน​กอง​เงิน​นั้น​น่า​อัดอั้น​ขัด​เคืองใจ​ที่สุด​แล้ว​

“ของ​ทั้งหลาย​รวมกัน​ก็​ไม่น้อย​จริงๆ​ จะบอ​กว่า​ได้​กำไร​เป็นกอบเป็นกำ​ก็​ไม่เกิน​จริง​ เพราะ​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​รากฐาน​ของ​สำนัก​แห่ง​หนึ่ง​ ต่อให้​ไม่พูดถึง​ยันต์​ชำระ​กระบี่​สามแผ่น​นั้น​ก็​ยัง​ได้​กำไร​เยอะ​อยู่ดี​”

ฉีถิงจี้ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “พวก​นักพนัน​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​เคย​พูด​กัน​ไว้​มาตั้ง​นาน​แล้ว​ไม่ใช่หรือว่า​ ร่วมมือ​กับ​อิ่น​กวาน​เป็น​เจ้ามือ​ คิด​จะขาดทุน​ก็​ยัง​ยาก​ ต่อให้​นอน​อยู่​ก็​ยัง​ได้​กำไร​”

ลู่​จือ​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อันเป็น​นัก​บัญชี​ที่​คิด​คำนวณ​ได้​อย่าง​ละเอียด​รอบคอบ​นะ​”

ฉีถิงจี้พยักหน้า​ “เดี๋ยว​กลับ​ไป​แล้ว​นับ​ผล​เก็บเกี่ยว​ที่​ได้​จาก​การ​มาเยือน​นคร​ป่าย​ฮวา​ก็​จะแบ่ง​ให้​อิ่น​กวาน​สัก​…สี่ส่วน​?”

คิดไม่ถึง​ว่า​ลู่​จือ​จะเอ่ย​ว่า​ “สี่ส่วน​? เขา​ไม่ได้​ออกแรง​เสียหน่อย​ แบ่ง​ให้​เขา​สอง​ส่วน​ก็​ถือว่า​มีน้ำใจ​มาก​แล้ว​”

ฉีถิงจี้เอ่ย​อย่าง​ปลาบปลื้ม​ว่า​ “ในที่สุด​ก็​พอ​จะมีท่าที​ของ​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​บ้าง​แล้ว​”

ลู่​จือ​พูด​ “ชุด​คลุม​ไม่เลว​ เป็น​ของ​ข้า​ วันหน้า​ข้า​จะได้​เอา​ไป​มอบให้​แม่นาง​น้อย​อู๋​ม่าน​เหยียน​ผู้​นั้น​”

ฉีถิงจี้หยิบ​ชุด​คลุม​อาคม​ชิงถงตัว​นั้น​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ โยน​ให้​ลู่​จือ​

ลู่​จือ​ยื่นมือ​ไป​รับ​มา สะบัด​ชุด​คลุม​อาคม​เบา​ๆ แล้ว​เอ่ย​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​ “เรื่อง​อย่าง​การ​นั่งลง​แบ่ง​ของโจร​นี้​ ดูเหมือนว่า​พอได้​ทำ​แล้ว​ชักจะ​ติดใจ​แล้ว​นะ​”

ฉีถิงจี้พยักหน้า​รับ​ “ข้า​เอง​ก็​เพิ่งจะ​ค้นพบ​เหมือนกัน​”

ลู่​จือ​เบ้​ปาก​ เมื่อก่อน​ตอน​อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ผู้ฝึก​กระบี่​ล้วน​ไม่มีนิสัย​นี้​ นี่​ถือเป็น​นิสัยเสีย​ๆ ที่​ถูก​อิ่น​กวาน​ชักนำ​ปลูกฝัง​มาหรือไม่​?

จากนั้น​คน​ทั้งสอง​ก็​จับมือ​กัน​มาเยือน​ภาพมายา​ภูเขา​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ยันต์​สามภูเขา​ หนิง​เหยา​ได้​ออก​ไป​จาก​ซาก​ปรัก​สนามรบ​โบราณ​แห่ง​นี้​แล้ว​ ดูเหมือนว่า​หลังจาก​ส่งกระบี่​ออก​ไป​แล้ว​นาง​ก็​ไม่สน​ว่า​จะเหลือ​ปราณ​กระบี่​ทิ้ง​ไว้​หรือไม่​ เป็นเหตุให้​ซาก​ปรัก​สนามรบ​ในเวลานี้​ยังคง​มีปราณ​กระบี่​น่าสะพรึงกลัว​ คอย​บดขยี้​เข่นฆ่า​ผี​กองทัพ​หยิน​ที่​แตกฉานซ่านเซ็น​อยู่​สี่ทิศ​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​

หลังจาก​ฉีถิงจี้จุด​ธูป​คารวะ​แล้วก็​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ ว่า​ “ยาก​จะจินตนาการ​ได้​ว่า​ หาก​ยัง​ไร้​พันธนาการ​อยู่​แบบนี้​ ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​นับว่า​พอ​จะต่อสู้​ได้​อย่าง​พวกเรา​ อยู่​ใน​ใต้​หล้า​แห่ง​นี้​จะอยู่​ร่วมกับ​คนอื่น​อย่างไร​”

การดำรงอยู่​ของ​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​ แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ที่​ยิ่งใหญ่​โอฬาร​ ก็​คล้าย​กับ​ว่า​มีคน​สามคน​ยึดครอง​กระแสน้ำ​ไหล​ กัก​ขวาง​มหา​นที​ ทั้ง​สามท่าน​นี้​ไม่ต้อง​พูด​หรือ​ทำ​อะไร​แม้แต่น้อย​ เพราะ​การดำรงอยู่​ของ​พวกเขา​ก็​เป็นการ​สยบ​ขวัญ​ที่​ยิ่งใหญ่​อย่างหนึ่ง​อยู่แล้ว​

ต่อให้​จะเป็น​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​วิถี​ทางโลก​วุ่นวาย​อลหม่าน​แห่ง​นี้​ ก็​ยังมี​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ไม่อย่างนั้น​หาก​พูดถึง​แค่​จูเยี่ยน​บรรพบุรุษ​เผ่า​พันธ์​ย้าย​ภูเขา​ ถ้าร่วมมือ​กับ​อดีต​ผู้​ครอง​ลำคลอง​เย่ลั่ว​อย่าง​หย่า​งจื่อ​ แล้ว​ยัง​ดึง​เอา​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​อีก​ตน​หนึ่ง​มาเป็น​พวก​ได้​ ก็​สามารถ​เดินกร่าง​ไป​ทั่ว​ใต้​หล้า​ได้​แล้ว​ คาด​ว่า​จนถึง​ท้ายที่สุด​ก็​คงจะ​มีปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่และ​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​รวม​แล้ว​ไม่ถึงยี่สิบ​ตน​ด้วยซ้ำ​ที่​ได้​แบ่งสรร​ใต้​หล้า​กัน​ไป​ หยุด​มือ​ชั่วคราว​ จากนั้น​ก็​เข่นฆ่า​กัน​ต่อ​ ฆ่ากัน​จนถึง​ท้ายที่สุด​เหลือ​เพียงแค่​ขอบเขต​สิบ​สี่เพียง​หยิบมือ​กลุ่ม​สุดท้าย​

ฉีถิงจี้หยิบ​ธงผืน​หนึ่ง​ออกมา​ โยน​ไป​ไว้​ใน​พื้นที่​ใจกลาง​ของ​สนามรบ​โบราณ​ ธงพลัน​ปัก​ตั้ง​ตระหง่าน​ ประหนึ่ง​เปิด​ประตู​บาน​ใหญ่​ เพียง​ไม่นาน​ก็​รวบรวม​เอา​กองทัพ​หยิน​หลาย​หมื่น​ตน​ที่​สติปัญญา​ขุ่นมัว​มาจาก​สี่ด้าน​แปด​ทิศ​ ราวกับว่า​ได้รับ​โองการ​คำสั่ง​อย่างหนึ่ง​ ประหนึ่ง​กองทัพ​ใหญ่​ที่​เป่าแตร​หยุด​รบ​สั่งให้​กองทัพ​กอง​แล้ว​กอง​เล่า​ถอยทัพ​กลับมา​ กรู​กัน​เข้าหา​ธงผืน​นั้น​อย่าง​บ้าคลั่ง​ นอกจากนี้​ตัว​ของ​ธงผืน​นี้​ก็​ยัง​ควบ​อยู่​ระหว่าง​ถ้ำสวรรค์​กับ​พื้นที่​มงคล​ คือ​สถาน​ประกอบ​พิธีกรรม​เซิน​หลัว​ (ปราก​ฎการณ์​อัน​มากมาย​หลากหลาย​) แห่ง​หนึ่ง​ที่​เหมาะ​แก่​การ​ฝึก​ตน​ของ​ภูตผี​ ทว่า​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ แม่ทัพ​ผี​เซียน​ดิน​บางส่วน​ที่​เดิมที​ได้​แบ่งแยก​ดินแดน​มาตั้งตัว​เป็นอิสระ​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​ไม่ยินดี​พึ่งพิง​อยู่​ใต้​ชายคา​ของ​ผู้อื่น​ สูญเสีย​อิสรภาพ​ที่​มีอยู่​ไป​ แต่ละ​ตน​จึงพา​กัน​เก็บงำ​ลมปราณ​ พยายาม​ที่จะ​หลบ​ซ่อนตัว​

ผล​คือ​ฉีถิงจี้หยิบ​ของ​ชิ้น​หนึ่ง​จาก​ใน​บรรดา​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​มากมาย​หลาย​ชิ้น​ พอ​เรียก​ออกมา​แล้วก็​เห็น​เป็น​ปล้อง​ไม้ไผ่​สีทอง​ที่​ซุกซ่อน​ปณิธาน​ที่​แท้จริง​ของ​เวท​อสนี​ เมื่อ​หล่น​ลง​ใกล้​กับ​ธง ปล้อง​ไม้ไผ่​ก็​หยั่งราก​ลง​สู่พื้นดิน​ เวลา​เพียง​ชั่วพริบตา​ บน​สนามรบ​โบราณ​ก็​คล้าย​กับ​มีป่าไผ่​สีทอง​แถบ​หนึ่ง​ที่​กิน​รัศมี​หลาย​ร้อย​ลี้​ ตลอดทั้ง​พื้นดิน​เต็มไปด้วย​สายฟ้า​ที่​ถัก​ทอ​แปลบปลาบ​ อีก​ทั้ง​ป่าไผ่​ยัง​อาศัย​ปล้อง​ไม้ไผ่​ที่​แผ่ขยาย​ไป​ต่อเนื่อง​ด้าน​ใต้​พื้นดิน​ ทำให้เกิด​เป็น​แสงทอง​ทอ​ประกาย​ระยิบระยับ​เป็น​จุด​ๆ ล้วน​เป็น​หน่อ​ไผ่​สีทอง​ที่​ผุด​พ้น​พื้นดิน​ออกมา​อย่าง​ว่องไว​ จากนั้น​ก็​กลาย​เป็นต้น​ไผ่​ต้น​แล้ว​ต้น​เล่า​ แสงสีทอง​ของ​ป่าไผ่​ส่อง​ประกาย​วับ​วาว​ ใบไม้​แต่ละ​ใบ​ล้วน​ซุกซ่อน​ท่วงทำนอง​แห่ง​วิชา​อสนี​เอาไว้​ส่วนหนึ่ง​ เป็นเหตุให้​เบื้อง​ใต้​ป่าไผ่​ที่อยู่​บน​พื้นดิน​ได้​เกิด​เป็น​สายฟ้า​บ่อ​หนึ่ง​ขึ้น​มา

ไม่ว่า​จะเป็น​เวท​อสนี​แห่ง​มหา​มรรคา​หรือ​ตัว​วัสดุ​ของ​ปล้อง​ไผ่​เอง​ ทั้งสอง​อย่าง​ล้วน​เป็น​วัตถุ​ที่​สามารถ​กำราบ​ภูตผี​มาได้​ตั้ง​แต่กำเนิด​อยู่แล้ว​

สุดท้าย​บน​ซาก​ปรัก​ก็​หลงเหลือ​เพียง​เส้นทาง​สี่เส้น​ที่​ทอด​ยาว​ไป​สู่ธงผืน​นั้น​ นอกจากนี้​แล้วก็​ไม่เหลือ​เส้นทาง​ใดๆ​ ให้​พวก​ภูตผี​ได้​เดิน​กัน​อีก​

ลู่​จือ​มอง​ธงเรียก​วิญญาณ​ที่อยู่​ห่าง​ไป​ไกล​แวบ​หนึ่ง​ เอ่ย​ถามอย่าง​สงสัย​ว่า​ “เจ้ายัง​ทำ​เรื่อง​นี้​เป็น​ด้วย​หรือ​?”

ฉีถิงจี้อธิบาย​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เมื่อก่อน​ตอน​อยู่​บน​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ทุกครั้งที่​พวกเรา​ส่งกระบี่​ออก​ไป​จะต้อง​ถูก​เล่นงาน​ แน่นอน​ว่า​ไม่อาจ​เอ้อระเหย​ลอยชาย​ได้​ จึงไม่มีเวลา​มาก​พอให้​ข้า​ได้​ร่าย​ใช้วิธีการ​ที่​มีลวดลาย​ฉูดฉาด​พวก​นี้​”

พูด​ง่ายๆ​ ก็​คือ​ เวท​คาถา​วิชา​อภินิหาร​นับ​พัน​หมื่น​ก็​ล้วน​มิอาจ​สู้แสงกระบี่​ที่​เปล่ง​วูบ​ทีเดียว​ได้​

เว้น​จาก​วิถี​กระบี่​แล้ว​ หาก​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​เชี่ยวชาญ​วิชา​นอกลู่นอกทาง​ก็​จะตก​เป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​ไม่เป็นโล้เป็นพาย​ ไม่ทำ​อะไร​เป็นการเป็นงาน​ พอๆ กับ​บัณฑิต​คน​หนึ่ง​ที่​เชี่ยวชาญ​ด้าน​การ​ตี​เหล็ก​ผ่า​ฟืน​

ลู่​จือ​อยู่​ว่าง​ไม่มีอะไร​ทำ​จึงหยิบ​กระบี่​ที่​เหลือ​อีก​สอง​เล่ม​ออก​มาจาก​กล่อง​กระบี่​ เถียวเจี่ย​ ถึงกับ​เป็น​คราบ​ร่าง​ที่​ล้ำค่า​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง สามารถ​นำมา​ทำเป็น​ชุด​คลุม​อาคม​ที่​คล้ายคลึง​กับ​เม็ด​เสื้อเกราะ​ของ​สำนัก​การทหาร​ได้​ สามารถ​ทำให้​ผู้ฝึก​ตน​กลายเป็น​คน​ที่​เข้าใจ​ได้​โดย​ไม่ต้อง​มีอาจารย์​สั่งสอน​ ครอบครอง​เวท​ลับ​ชั้นสูง​สอง​ชนิด​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง หนึ่ง​โจมตีหนึ่ง​ป้องกัน​ แต่กลับ​ทำให้​ลู่​จือ​รู้สึก​อึดอัด​อย่าง​ถึงที่สุด​ จึงโยน​กระบี่​เล่ม​นี้​กลับ​เข้าไป​ไว้​ใน​กล่อง​กระบี่​

กลับเป็น​ ‘หนัน​หมิง​’ เล่ม​นั้น​ที่​พอ​ถือ​ไว้​ใน​มือ​ก็​สามารถ​มีค่าย​กล​ประหลาด​เพิ่ม​มาแห่ง​หนึ่ง​ ลู่​จือ​ค้นพบ​ว่า​ดูเหมือน​ตนเอง​จะมายืน​อยู่​ใจกลาง​สระ​สวรรค์​ที่​ผืนน้ำ​กว้างใหญ่​ มอง​ดูเหมือน​อยู่​ห่าง​จาก​ฉีถิงจี้ที่อยู่​ข้าง​กาย​แค่​ไม่กี่​ก้าว​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ห่างไกล​กัน​เป็น​พัน​ลี้​ เหมาะ​แก่​การ​นำมา​รับมือ​กับ​อาวุธ​หนัก​ที่​ใช้ใน​การ​โจมตี​ซึ่งเป็น​สมบัติ​ก้น​กรุ​ทั้งหลาย​ แน่นอน​ว่า​สามารถ​นำมา​รับมือ​กับ​กระบี่​บิน​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​เป็น​ศัตรู​ได้​เหมือนกัน​

ส่วน​โหย​วเริ่น​เล่ม​นั้น​ก็​มหัศจรรย์​มาก​เหมือนกัน​ ลู่​จือ​ถือ​กระบี่​ยาว​ไว้​ใน​มือ​ ข้าง​กาย​ก็​มีภาพมายา​ของ​สัตว์​วิเศษ​ที่​มีรูปร่าง​เป็น​ปลา​มังกร​ตัว​หนึ่ง​ปราก​ฎขึ้น​มา ปลา​สีเขียว​ตัว​ใหญ่​นี้​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​แล้ว​ว่าย​ล้อ​มวน​ไป​รอบกาย​ของ​ลู่​จือ​

ลู่​จือ​รู้สึก​ว่า​มอง​แล้ว​ถูกชะตา​อย่าง​มาก​ จึงไม่ได้​เก็บ​กระบี่​ยาว​โหย​วเริ่น​เล่ม​นี้​กลับ​ไป​

อีก​ทั้ง​หลังจาก​ที่สอง​มือ​แยกกัน​ถือ​หนัน​หมิง​และ​โหย​วเริ่น​แล้ว​ เพียง​ไม่นาน​ลู่​จือ​ก็​ต้อง​รู้สึก​ตกตะลึง​อีกครั้ง​ ที่แท้​ปลา​สีเขียว​ที่​สะบัด​หาง​ว่า​ยวน​อยู่​ข้าง​กาย​ตัว​นั้น​สามารถ​สร้าง​ให้​มีจาก​ไม่มี ถึงกับ​ดึง​เอา​โชคชะตา​น้ำ​ของจริง​มาจาก​น้ำ​ใน​สระ​สวรรค์​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​นาง​ที่​เดิมที​เป็น​ภาพมายา​ นำมา​เสริมสร้าง​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​กับ​ตัวเอง​ได้​

ลู่​จือ​กล่าว​ “มรรค​กถา​ของ​ลู่​เฉิน​ค่อนข้าง​น่าสนใจ​”

ฉีถิงจี้พูด​อย่าง​อ่อนใจ​ “คน​เขา​จะดี​จะชั่ว​ก็​เป็น​ถึงเจ้าลัทธิ​สามของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงเชียว​นะ​”

ลู่​จือ​กล่าว​ “ช่วยไม่ได้​ เวลา​ที่​ลู่​เฉิน​อยู่​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เหมือนกับ​…เป็น​แค่​ลูกจ้าง​ใน​ร้าน​ที่​คอย​วิ่ง​ทำงาน​จุกจิก​ให้​คนอื่น​ ยาก​ที่​ข้า​จะเอา​เขา​ไป​คิด​รวม​กับ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่คน​หนึ่ง​ได้​”

ฉีถิงจี้หลุด​หัวเราะ​พรืด​

ลู่​จือ​ไม่มัว​คุย​เล่น​อีก​ ถือโอกาส​ที่​ยังมี​เวลา​เหลือ​อีก​เกือบ​ครึ่ง​ก้านธูป​เริ่ม​หลอม​กระบี่​ หรือ​ควรจะ​พูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​หลอม​ยันต์​ชำระ​กระบี่​ที่​ได้​มาจาก​นค​รอ​วี้​ซูแผ่น​นั้น​

ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​ยันต์​ใหญ่​ซึ่งมีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั้ง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ธรณีประตู​ใน​การ​วาด​ยันต์​สูงยิ่ง​ ทว่า​ยาม​ที่​คนนอก​หลอม​ขึ้น​มากลับ​ว่องไว​อย่าง​มาก​

ยันต์​ชำระ​กระบี่​สามแผ่น​ที่​มีมูลค่า​ควร​เมือง​ หา​กลู่​จือ​เอา​มาใช้ขัดเกลา​คม​ของ​กระบี่​บิน​ ‘เป่ย​โต้​ว’​ ทั้งหมด​ ผลลัพธ์​ที่​ได้​จะเด่นชัด​อย่างยิ่ง​ ระดับ​ความคม​ของ​กระบี่​บิน​ที่​ลู่​จือ​ประเมิน​ไว้​ล่วงหน้า​ก็​สามารถ​เพิ่ม​ขึ้นไป​ได้​อีก​ขั้น​หนึ่ง​

ยันต์​ชำระ​กระบี่​ทำให้​ลู่​จือ​ประหยัดเวลา​การ​ฝึก​ตน​ไป​อย่าง​น้อยที่สุด​เกือบ​หกสิบ​ปี​ ไม่ได้​หมายถึง​เวลา​หกสิบ​ปี​ที่​กาลเวลา​หมุนเวียน​เปลี่ยน​ผ่าน​ไม่มีหยุดพัก​ แต่​หมายถึง​เวลา​ที่​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ตั้งใจ​ฝึก​ตน​ มุ่งมั่น​อยู่​แต่​กับ​การหลอม​กระบี่​อย่าง​เดียว​ การ​ฝึก​ตน​หลาย​สิบ​ปี​หลาย​ร้อย​ปี​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​กล่าว​ถึงกัน​นั้น​ ล้วน​เป็นการ​ตั้งสมาธิ​มุ่งมั่น​ นั่ง​เข้าฌาน​ ปิด​ด่าน​นั่ง​นิ่ง​ ขัดเกลา​จิงชี่เสิน​ออกมา​ทีละเล็กทีละน้อย​ นี่​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​ ‘หนึ่ง​ขวบ​ปี​’ ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ เป็น​อายุ​ที่​แท้จริง​ ไม่อย่างนั้น​แล้วก็​จะถือเป็น​ ‘อายุ​ลวง​’ ที่​ใช้เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​เสียเปล่า​ทั้งสิ้น​

ดังนั้น​หนึ่ง​ขั้น​นี้​จึงไม่ถือว่า​น้อย​แล้ว​จริงๆ​ เส้นทาง​ของ​การหลอม​กระบี่​บิน​นี้​ เดินทาง​หนึ่งร้อย​ลี้​ เดิน​ไป​ได้​เก้า​สิบ​ลี้​ถึงเพิ่งจะ​ถือว่า​มาถึงครึ่งทาง​ (เปรียบเปรย​ว่า​ยิ่ง​ใกล้​จะทำสำเร็จ​ความ​ยาก​ยิ่ง​มากขึ้น​) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ ‘เป่ย​โต้​ว’​ เล่ม​นี้​ของ​ลู่​จือ​ที่​ต่อให้​จะอยู่​ห่าง​จาก​ความ​สมบูรณ์แบบ​แค่​เสี้ยว​เดียว​เท่านั้น​ แต่​ก็​ยัง​ยาก​ที่จะ​ใช้กระบี่​ตัดหัว​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ใน​ครั้ง​เดียว​ได้​ แต่​หากว่า​นาง​ก้าว​ข้าม​ธรณีประตู​นั้น​ไป​ได้​ ถ้าอย่างนั้น​พลัง​พิฆาต​ของ​กระบี่​บิน​ลู่​จือ​ ต่อให้​จะเป็น​ใน​ประวัติศาสตร์​หมื่น​ปี​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ก็​ยัง​ถือว่า​อยู่​ใน​ยอด​บนสุด​

ขอ​แค่​ระดับ​ขั้น​ของ​กระบี่​บิน​เป่ย​โต้​ว​ได้​ถูก​หล่อหลอม​จนถึง​ขอบเขต​ที่​ไร้​จุดบกพร่อง​ สมมต​ว่า​ในอนาคต​นาง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ได้​สำเร็จ​ นี่​ก็​หมายความว่า​หาก​คนนอก​คิด​จะสังหาร​ลู่​จือ​ก็​ต้อง​ให้​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​สอง​คน​ร่วมมือ​กัน​ จากนั้น​ก็​ต้อง​ยอม​มอบ​สอง​ชีวิต​มาให้​เสียแต่​โดยดี​

ฉีถิงจี้รู้เรื่อง​นี้​ชัดเจน​ดี​ ใน​อดีต​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ไม่เคย​คาดหวัง​เรื่อง​การ​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ของ​เขา​กับ​เฉิน​ซี มีเพียง​กับ​ลู่​จือ​ที่​มิอาจ​ฝ่าทะลุ​คอขวด​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ได้​เสียที​ที่​เขา​เห็นดี​ นอกจากนี้​ก็​เป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ฮู่ และ​ยังมี​โฉว​เหมียว​ที่​ภายหลัง​ไป​อยู่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ ส่วน​หนิง​เหยา​ คาดหวัง​อะไร​ ไม่จำเป็น​ ใน​สายตา​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ นั่น​มัน​เป็นเรื่อง​แน่นอน​อยู่แล้ว​

ลู่​จือ​เงยหน้า​ขึ้น​ อยู่ดีๆ​ ก็​เอ่ย​ออกมา​ว่า​ “อันที่จริง​คน​ผู้​นั้น​ หาก​ไม่พูดถึง​ความถูก​ความผิด​แล้ว​ล่ะ​ก็​ เขา​ก็​ร้ายกาจ​อย่าง​มาก​”

นาง​กำลัง​พูดถึง​โจว​มี่ที่​ถูก​ขนานนาม​ว่า​เป็น​มหาสมุทร​ความรู้​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ เป็น​จิ้งจอก​เฒ่าผู้​มีฝีมือ​สูงส่งเทียมฟ้า​

นับถือ​ก็​ส่วน​นับถือ​ แน่นอน​ว่า​ไม่ถ่วง​รั้ง​ลู่​จือ​ตอน​อยู่​บน​สนามรบ​ หาก​สามารถ​ฟัน​โจว​มี่ให้​ตาย​ได้​นาง​ต้อง​ฟัน​แน่​ ไม่มีทาง​ใจอ่อน​ออม​มือ​เด็ดขาด​

ฉีถิงจี้กล่าว​ “ลู่​จือ​ การ​ที่​ตอนนั้น​ข้า​อยาก​คิดผิด​คำสาบาน​ เร่งรุด​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​แห่ง​ที่​ห้า​ ก็​เพราะ​ใจหวัง​ว่า​จะยัง​โชคดี​ จะพยายาม​อาศัย​โชควาสนา​บน​มหา​มรรคา​ที่​ช่วงชิง​มาได้​จาก​การ​เป็น​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ ใช้หิน​ของ​ภูเขา​ลูก​อื่น​มากลึง​เป็น​หยก​ ช่วย​ให้​ข้า​ฝ่าทะลุ​คอขวด​ที่​ใหญ่​เทียมฟ้า​นั้น​ เพราะ​ข้า​หวัง​ว่า​จะอาศัย​สิ่งนี้​มาบอกกล่าว​ความจริง​เรื่อง​หนึ่ง​แก่​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ เฉิน​ชิงตู​มอง​ฉีถิงจี้ผิด​ไป​แล้ว​”

ลู่​จือ​ไม่ถนัด​เรื่อง​การ​พูดจา​แลกเปลี่ยน​ความในใจ​กับ​คนอื่น​ อันที่จริง​ฉีถิงจี้ก็​ยิ่ง​ไม่ชอบ​พูดคุย​เรื่อง​ใน​ใจกับ​ใคร​ วันนี้​เอ่ย​ประโยค​นี้​ออกมา​นับว่า​ผิดแผก​จาก​สามัญไป​มาก​แล้ว​

ลู่​จือ​ลืมตา​ขึ้น​ นาง​ไม่เคย​พูดจา​อ้อมค้อม​วกวน​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ไม่อยู่แล้ว​ ยัง​จะงัดข้อ​อะไร​กับ​เขา​อีก​ อีก​อย่าง​ต่อให้​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​จะยังอยู่​บน​โลก​ ได้​เห็น​เจ้าเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ใน​ใต้​หล้า​ห้า​สีกับ​ตา​ตัวเอง​ก็​มีแต่​จะยิ่ง​ผิดหวัง​ ยิ่ง​ดูแคลน​ฉีถิงจี้”

ฉีถิงจี้รู้สึก​เสียใจ​เล็กน้อย​ “ข้า​กลับ​หวัง​ว่า​จะยัง​มีโอกาส​ที่​เขา​จะผิดหวัง​ใน​ตัว​ข้า​”

สำหรับ​การ​จากไป​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ ความรู้สึก​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​รุ่นเยาว์​ของ​นคร​บิน​ทะยาน​ใน​ทุกวันนี้​ กับ​ความรู้สึก​อัน​ซับซ้อน​ของ​พวก​คน​เฒ่าคนแก่​อย่าง​ฉีถิงจี้ กลับ​ไม่ค่อย​เหมือนกัน​

ฉีถิงจี้พลัน​เอ่ย​อย่าง​ขำ​ๆ ปน​ฉุน​ “นคร​บิน​ทะยาน​หลังจากนี้​ คน​บน​โต๊ะ​สุรา​คุย​กัน​ไป​คุย​กัน​มา ไม่ว่า​จะชมเชย​หรือ​ก่น​ด่า​ ถึงอย่างไร​ก็​หนี​ไม่พ้น​อิ่น​กวาน​ของ​พวกเรา​ท่าน​นี้​ พอ​คิด​มาถึงตรงนี้​ก็​ทำให้​คน​หงุดหงิด​ใจนัก​”

ลู่​จือ​เอ่ย​โน้มน้าว​ “เป็น​ถึงเจ้าสำนัก​แล้ว​ ใจกว้าง​หน่อย​เถอะ​”

ฉีถิงจี้ถอนหายใจ​ “ขอร้อง​เจ้าว่า​วันหน้า​อย่า​เกลี้ยกล่อม​คนอื่น​อีก​เลย​”

ลู่​จือ​หัวเราะ​ร่า​ “ข้า​คน​นี้​ฟังคำ​เกลี้ยกล่อม​ของ​คนอื่น​ได้ดี​ที่สุด​แล้ว​ล่ะ​”

ขุน​เขาใหญ่​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ตรงหน้า​ลูก​นี้​มีชื่อว่า​ภูเขา​ชิงซาน​

ยันต์​สามภูเขา​ส่วน​แรก​ที่​ผู้ฝึก​กระบี่​สี่คน​มีอยู่​ใน​มือ​ ท่าเรือ​ของ​ภูเขา​มายา​สามลูก​แบ่ง​ออก​เป็น​นคร​ป่าย​ฮวา​ ซาก​ปรัก​สนามรบ​โบราณ​ มหา​บรรพต​ชิงซาน​

หลังจากที่​หนิง​เหยา​จุด​ธูป​คารวะ​ซาน​ซาน​จิ่ว​โหว​ที่​ตีนเขา​ก็​ไม่ได้​เดินทาง​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​ถัดไป​ แต่​เดิน​เลียบ​เส้นทาง​เทพ​เดิน​ขึ้น​บันได​ไป​

ฐานะ​ของ​ภูเขา​ลูก​นี้​สูงส่ง คือ​ขุน​เขาใหญ่​ที่​มีชื่อเสียง​ซึ่งมีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ เป็น​ข้อยกเว้น​ที่​ได้​ครอบครอง​ภูเขา​ทายาท​จำนวน​สอง​มือ​นับ​ ส่วน​ชื่อ​ ‘ชิงซาน​’ ของ​ขุน​เขาใหญ่​ลูก​นี้​ก็​ยิ่ง​มีเพียง​หนึ่งเดียว​

ด้านใน​ตำหนัก​ใหญ่​ของ​ศาล​ซาน​จวิน​ตั้ง​วาง​เทวรูป​ลงสี​เอาไว้​ ริ้ว​แสงสีทอง​กระเพื่อม​เป็น​ระลอก​ มีผู้เฒ่า​คน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​ ใน​มือถือ​ลูกประคำ​เนื้อไม้​ เหมือน​คน​จำพวก​ที่​ชอบ​กินเจ​สวดมนต์​ หน้าตา​ธรรมดา​สามัญ เรือน​กาย​ผ่ายผอม​ ผิว​หยาบ​เหมือน​เปลือกไม้​ของ​ต้นสน​ที่​ขึ้น​ริมน้ำ​

ซาน​จวิน​แห่ง​ขุน​เขาใหญ่​ท่าน​นี้​มีฉายา​ว่า​ปี้​อู๋​ เกิด​มาพร้อม​อาการ​ประหลาด​ รูม่านตา​สองชั้น​เปล่งประกาย​แปด​แสง สวม​เสื้อ​สีแดงเข้ม​ปล่อย​ผม​สยาย​ สวม​รอง​เท้าสาน​คู่​หนึ่ง​

สัมผัส​ได้​ถึงปราณ​กระบี่​ส่วน​นั้น​ ปี้​อู๋​ซาน​จวิน​ก็​รีบร้อน​ออกมา​ต้อน​รับแขก​ พอ​เห็น​ผู้ฝึก​กระบี่​หญิง​คน​นั้น​ก็​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ตกตะลึง​ “หนิง​เหยา​?!”

หนิง​เหยา​ผงกศีรษะ​ “ไม่มีอะไร​ ข้า​แค่​มาเดินเล่น​เท่านั้น​”

ความคิด​แรก​ของ​ปี้​อู๋​ก็​คือ​ ใต้​หล้า​ไพศาล​ยกทัพ​ตี​มาถึงหน้า​ประตู​ภูเขา​บ้าน​ตน​แล้ว​หรือ​ ได้​แต่​หัวเราะ​หยัน​ตัวเอง​ เหตุใด​ถึงได้​บุก​มาเร็ว​ขนาด​นี้​ อีก​อย่าง​หาก​แม้แต่​ภูเขา​ชิงซาน​ก็​ยัง​รักษา​ไว้​ไม่อยู่​ นั่น​ก็​หมายความว่า​อย่าง​น้อยที่สุด​ดินแดน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ล้วน​ตกเป็นของ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​หมด​แล้ว​

ปี้​อู๋​กุม​หมัด​เอ่ย​ “เทพ​ภูเขา​ปี้​อู๋​คารวะ​เซียน​กระบี่​หนิง​”

ได้​เจอ​กับ​ซาน​จวิน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ท่าน​นี้​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ได้​เห็น​ลูกประคำ​บน​ข้อมือ​ของ​อีก​ฝ่าย​ หนิง​เหยา​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​เหตุใด​ภูเขา​ชิงซาน​ถึงยัง​ปลอดภัย​ดี​

คิด​แล้ว​หนิง​เหยา​ก็​แค่​พอ​จะนึกถึง​ฉายา​ ขอบเขต​ของ​ปี้​อู๋​ขึ้น​มาได้​อย่าง​เลือนราง​ จำได้​ว่า​เขา​ได้​ครอบครอง​สมบัติ​หนัก​ตระกูล​เซียน​ที่​มีระดับ​ขั้น​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชิ้น​หนึ่ง​อย่าง​ รถ​อัคคี​สาย​ฟ้าแลบ​ เล่าลือ​กัน​ว่า​ความมหัศจรรย์​ของ​รถ​คัน​นี้​นั้น​อยู่​ที่​แกะสลัก​คำ​ว่า​ ‘กอง​บัญชา​การณ์​ประกาย​ฟ้า’

นอกจากนี้​ซาน​จวิน​ผู้​นี้​ยัง​ศรัทธา​ใน​พุทธศาสนา​จาก​ใจจริง​ จึงสร้าง​อาราม​เห​วิน​ซูซึ่งคล้ายคลึง​กับ​ ‘ศาล​ประจำ​ตระกูล​’ ขึ้น​มา

ส่วน​ที่​มากกว่า​นี้​ นาง​ก็​ไม่รู้​แล้ว​ คิดดู​แล้ว​เฉิน​ผิง​อัน​ต่างหาก​ที่​น่าจะ​รู้​กระจ่าง​ชัด​เหมือน​สมบัติ​ใน​บ้าน​ตัวเอง​

ได้ยิน​ประโยค​เกรงใจ​ของ​หนิง​เหยา​ ปี้​อู๋​ก็ได้​แต่​ยิ้ม​จืด​เจื่อน​ มิใช่ว่า​กังวล​ถึงความปลอดภัย​ของ​ตัวเอง​ อยู่​ใน​ถิ่น​ของ​ตัวเอง​ ต่อให้​เผชิญหน้า​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ ก็​ใช่ว่า​จะไม่เหลือ​เรี่ยวแรง​ให้​ต่อสู้​เอา​เสีย​เลย​ ต่อ​ให้โอกาส​ชนะ​จะน้อย​นิด​แค่​ไหน​ แต่​รักษา​ชีวิต​รอด​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​ ลอง​ชั่งน้ำหนัก​ดู​แล้ว​ ภูเขา​บ้าน​ตน​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ไม่เคย​มีบุญคุณ​ความแค้น​ต่อกัน​ เพียงแต่​ถึงอย่างไร​หนิง​เหยา​ก็​คง​ไม่น่าจะ​ถึงกับ​บุก​เดี่ยว​มาเข่นฆ่า​ถึงที่​แห่ง​นี้​หรอก​กระมัง​?

ปี้​อู๋​ถามหยั่งเชิง​ “อิ่น​กวาน​เดินทาง​มาพร้อมกับ​เซียน​กระบี่​หนิง​ด้วย​หรือไม่​?”

หนิง​เหยา​เงียบ​ไม่ตอบ​

ปี้​อู๋​ลังเล​เล็กน้อย​ สุดท้าย​ก็​ยัง​ปิดปาก​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​ กลืน​ถ้อยคำ​ที่​อาจ​ทำให้​ตก​เป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​คิด​จะตีสนิท​กลับ​ลงท้อง​ไป​อย่าง​รู้​กาลเทศะ​

กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​กับ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​เป็น​ศัตรู​คู่อาฆาต​กัน​มานับ​หมื่น​ปี​ ทั้งสองฝ่าย​เจอ​หน้า​กัน​ ไหน​เลย​จะยัง​ต้อง​รอ​ให้​ ‘พูด​ไม่เข้าหู​กัน​คำ​เดียว​’ อะไร​นั่น​ แค่​เจอ​หน้า​ก็​ฟัน​กัน​ได้​แล้ว​ ไม่ต้อง​ใช้เหตุผล​อะไร​ด้วยซ้ำ​

หนิง​เหยา​เดิน​ขึ้น​เขา​ไป​อีก​ครู่หนึ่ง​ก็​ถามว่า​ “ซาน​จวิน​รู้จัก​เขา​หรือ​?”

ปี้​อู๋​ที่​เดิน​มาเป็นเพื่อน​ตลอดทาง​ยิ้ม​เอ่ย​ “คน​ผู้​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​ภูเขา​มานาน​ไม่เคย​ออก​ไป​ไหน​ จะรู้จัก​อิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ได้​อย่างไร​ เพียงแต่ว่า​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​มีสหาย​รัก​คน​หนึ่ง​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​เผ่า​พันธ์​น้ำ​ของ​บึง​ใหญ่​ เคย​ตั้งใจ​ไปเที่ยว​ชมซาก​ปรัก​ของ​ภูเขา​ห้อย​หัว​โดยเฉพาะ​ บางครั้ง​เห็น​อิ่น​กวาน​ยืน​อยู่​ริม​หน้าผา​ก็​เลย​วาดภาพ​เขา​ขึ้น​มา สหาย​รัก​กลับ​มาถึงบ้านเกิด​ เดิน​ทางผ่าน​ที่​แห่ง​นี้​จึงมอบ​ม้วน​ภาพ​นั้น​ให้​แก่​ข้า​”

หนิง​เหยา​เอ่ย​ “เมื่อครู่นี้​เขา​ก็​มาแล้ว​ แต่​เจ้าไม่สังเกตเห็น​เท่านั้น​”

ปี้​อู๋​ไม่รู้สึก​ว่า​หนิง​เหยา​กำลัง​พูด​ข่มขู่​ให้​เขา​ตกใจกลัว​แม้แต่น้อย​ เขา​ทอดถอนใจ​อย่า​งอด​ไม่ได้​ “คาดไม่ถึง​ว่า​มรรค​กถา​ของ​อิ่น​กวาน​ก็​จะลี้ลับ​มหัศจรรย์​เช่นนี้​ ยอด​ฝีมือ​ที่​แท้จริง​ไม่เปิดเผย​ตัวตน​จริง​เสีย​ด้วย​”

หนิง​เหยา​เอ่ย​เตือน​ “ถือ​เสีย​ว่า​พวกเรา​ไม่เคย​มาเยือน​”

ปี้​อู๋​พยักหน้า​ เอ่ย​อย่าง​เข้าใจ​ “วันนี้​ใน​ภูเขา​ยังคง​ไม่มีเรื่อง​ใด​เกิดขึ้น​ ก็​แค่​แวะ​มาดู​ก้อน​เมฆม้วนตัว​คลายตัว​ บุปผา​ผลิบาน​บุปผา​ร่วงโรย​เท่านั้น​”

เห็น​ว่า​หนิง​เหยา​เตรียม​จะจากไป​ ซาน​จวิน​ปี้​อู๋​ก็​ถามหยั่งเชิง​ “เซียน​กระบี่​หนิง​จะไม่ดู​ภาพวาด​สักหน่อย​หรือ​?”

หนิง​เหยา​ที่​ถือ​ยันต์​ออก​เดินทางไกล​ถามอย่าง​กังขา​ “คน​ตัว​เป็น​ๆ ไม่มอง​ จะไป​มองดู​ภาพวาด​ทำไม​กัน​”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 857.2 สองสามเรื่อง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์