กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 729 ไม่เขินอายเลย
“เรื่องที่ซางหยูกลับไปเรียนแล้วไง” ลูกสาวของผู้อำนวยการได้ยินเรื่องมาจากผู้อำนวยการเองเลย
หลังจากที่รู้เรื่อง เธอก็รีบโทรมาหาซ่งหย่าซินทันที
ซ่งหย่าซินแข็งทื่อไปทั้งตัว ซางหยูกลับมาแล้ว?
นั่นก็หมายความว่า สิ่งที่เสิ่นเผยซวนพูดเป็นความจริง ผู้หญิงที่อยู่ในรถไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา
ที่เขาเลิกกับเธอ และตรวจสอบประวัติในอดีตของเธอ
ก็เป็นเพราะซางหยูกลับมาเหรอ?
ตัวของซ่งหย่าซินสั่นไปหมด เธอโกรธ และโมโหมากๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดไปแล้ว ว่าเธออยากให้ตัวเองได้คบกับเสิ่นเผยซวน แต่อยู่ดีๆ ก็มาปรากฏตัวตอนนี้ เธอต้องการจะสื่ออะไร?
อยากเจอแกล้งเธอเล่นเหรอ?
ยิ่งนึกถึงซ่งหย่าซินก็ยิ่งโมโห
“ฉันรู้แล้ว” ถ้าเก็บความโกรธไว้ก่อนจะตอบคนในสาย
ลูกสาวของผู้อำนวยการยิ้ม “ฉันแค่อยากจะบอกเธอ ทำไมเสิ่นเผยซวนถึงได้เลิกกับเธอ ฉันว่าเธอก็ยอมแพ้เถอะ ผู้ชายมีมากมาย ถึงแม้ว่าเสิ่นเผยซวนจะเก่งมาก แต่คนที่เก่งก็ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว”
ลูกสาวของผู้อำนวยการรู้สึกว่า การคบกับผู้ชายที่แข็งทื่อมันไม่มีความสุขอยู่แล้ว สู้ยอมแพ้จะดีเสียกว่า
ซ่งหย่าซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันรู้แล้ว”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันวางก่อนนะ”
สายถูกตัดไป ซ่งหย่าซินขับรถจากไปด้วยความโกรธ
เสิ่นเผยซวนขับรถกลับไปที่บ้านพัก ทุกคนยังไม่ได้นอน ในห้องอาหารเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว จงฉีเฟิงกำลังสอนการบ้านจงเหยียนซีอยู่ ส่วนจงเหยียนเฉินก็อยู่เป็นเพื่อนจวงจื่อจิ่น
เสิ่นเผยซวนเดินเข้าไปในห้องครัว ซางหยูกำลังหั่นผลไม้อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยู่ที่บ้านพักได้ไม่นาน แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอก็เข้าใจถึงความเคยชินของคนในบ้าน
หลังจากทานอาหารเสร็จจะต้องทานผลไม้ เธอเห็นว่าป้าหยูอายุเยอะแล้ว และคนก็อยู่เยอะมาก ดังนั้นอะไรที่เธอสามารถทำได้ เธอก็จะเข้าไปทำ จะได้แบ่งเบาภาระของป้าหยู
ซางหยูเห็นเสิ่นเผยซวนที่เดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าฉินยากำลังยอมแพ้ ปกติคู่รักที่กำลังคบหากัน ควรจะมีท่าทีที่อยากจะตัวติดกับอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ?
เหมือนพวกเขามีเรื่องอยู่ภายในใจ
เสิ่นเผยซวนไม่ได้ตอบออกไปตรงๆ เขาไม่อยากจะปิดบังซางหยู แต่ปัญหาระหว่างซูจ้านกับฉินยา ก็เพราะฉินยาไม่สามารถมีลูกได้ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของฉินยาโดยตรง ดังนั้น เขาไม่รู้จะพูดกับซางหยูยังไงดี
“ก็ทะเลาะกันแหละ”
ซางหยูเป็นเข้าใจง่าย เธอก็เลยไม่ได้ถามต่อ เธอยิ้มและบอกกับเขาว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปเรียนอย่างเป็นทางการแล้วนะ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “อืม ตั้งไจเรียนล่ะ”
ซางหยูไม่ชอบใจ รู้สึกเหมือนเขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังสอนเธออยู่ โดยเฉพาะตอนที่เขาลูบหัวของเธอ เหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยอยู่เลย ซางหยูขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดว่า “ห้ามจับหัวฉันอีก”
เสิ่นเผยซวนชะงักไป เพราะท่าทีของตัวเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความก้าวร้าวเหรอ?
เขารีบชักมือกลับ ก่อนจะพูดอธิบาย “ซางหยู ผมไม่ได้จะ…”
“คุณเห็นฉันเป็นเด็กน้อยเหรอ?” คำอธิบายของเขายังไม่ทันพูดจบ ซางหยูก็ตัดบทเขา
เธอไม่ได้สังเกตท่าทีที่ดูระมัดระวังของเขา
เสิ่นเผยซวนมองดูใบหน้าที่แรกแย้มรูปนั้น “คุณเป็นเด็กน้อยแต่แรกอยู่แล้วนี่”
“เสิ่นเผยซวน” ซางหยูตีไปที่หน้าอกของเขา “อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิ
เสิ่นเผยซวนพูดเสียงต่ำ “คุณก็ไม่ได้โตอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว…”
“งั้นคุณจะคบกับเด็กน้อยหรือเปล่า?” ซางหยูจับหน้าผากไว้ เธอทั้งโมโหทั้งตลก ทำไมคนคนนี้ถึงไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเลยนะ?
เสิ่นเผยซวนเงียบไปทันที
ใช้เวลานานกว่าเขาจะหาหัวข้อสนทนาอันใหม่ “คุณกำลังหั่นอะไรอยู่?”
ซางหยูมองดูสัปปะรดที่อยู่ข้างล่างมีดปลอกผลไม้ เธอกระพริบตา “คุณรู้จักไหมสัปปะรด?”
เสิ่นเผยซวน “…”
ถ้าเขาไม่รู้จักก็คงจะเป็นคนโง่แล้ว เขาก็แค่อยากจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกก็เท่านั้นเอง คิดไม่ถึงเลย แค่เปิดปากพูดมันก็ทำให้เขารู้สึกเขินอายอีกแล้ว
ซางหยูยิ้ม ก่อนจะยื่นผลไม้ชิ้นหนึ่งไปที่ริมฝีปากของเขา “คุณลองชิมสิ”
เสิ่นเผยซวนอ้าปากด้วยท่าทีที่แข็งทื่อ
ซางหยูยิ้มหวาน ก่อนจะถามว่า “อร่อยไหม?”
“หวาน” เสิ่นเผยซวนพูด
ซางหยูมองดูริมฝีปากที่ขยับของเขา แล้วเธอก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงหน้าประตู เธอจึงเขย่งเท้าขึ้นไปจูบตรงข้างริมฝีปากของเขา จากนั้นก็ถามว่า “ฉันหวาน หรือว่าสัปปะรดหวาน?”
เสิ่นเผยซวนรู้สึกแค่ว่าตรงข้างริมฝีปากยังยังมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่ สัมผัสที่นุ่มนวลยังไม่จางหาย ความตึงเครียดและการเต้นของหัวใจในตอนที่เธอจูบมันก็ยังไม่สงบลง เขาพูดตะกุกตะกักอยู่นาน สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออกมา
ซางหยูชอบดูท่าทีที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีของเขาแบบนี้เนี่ยแหละ ดูบื่อๆ แล้วก็ดูตลก
“ฉันหั่นเสร็จแล้ว” ซางหยูเอาผลไม้ที่หันเสร็จแล้ววางในจาน ก่อนจะยกไปวางไว้ในห้องอาหาร เธอเคยเห็นเชฟหลายคนจัดจานอาหาร ดังนั้นเธอก็เลยจัดเรียงผลไม้อย่างสวยงามเลย อีกอย่างจานในบ้านก็ดูสวย ดังนั้น เวลามองไปก็ดูสบายตา
เสิ่นเผยซวนพูด “คุณนี่เป็นหลายอย่างเลยนะ”
ซางหยูพูดติตตลกตัวเอง “ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นเผยซวนรู้ว่าเธอต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายในชีวิต ดังนั้นเธอก็เลยทำอะไรหลายๆ อย่างเป็น
เขายื่นมือไปจับที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะพูดด้วยความรักใคร่ “หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณเอง”
ซางหยูพยักหน้าอย่างแรง ก่อนจะพูดว่า “ฉันเชื่อคุณ”
“เฮ้ยเฮ้ย พวกคุณนี่ไม่รู้จักอายกันเลยนะ อยู่ในบ้านของคนอื่น พลอดรักกันแบบนี้มันเหมาะสมเหรอ?” ฉินยาพิงอยู่ตรงประตูห้องครัว แขนทั้งสองข้างกอดอกไว้ ก่อนจะพูดติดตลกกับพวกเขา
เสิ่นเผยซวนหันไปมองเธอ “ทำไมเธอถึงเป็นเหมือนกับซูจ้านเลย?”
เมื่อพูดถึงซูจ้าน ฉินยาก็รีบเดินจากไปทันที
ซางหยูยิ้ม
“พวกเราก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า
“ทุกคนทานผลไม้กันหน่อยนะ” ซางหยูและเสิ่นเผยซวนวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะ
ทุกคนสามารถพูดคุยกันไปด้วย แล้วก็ทานผลไม้ไปด้วย
“หนูจะทานอะไรหน่อย เดี๋ยวจะมาเขียนต่อ” จงเหยียนซีหาข้ออ้างได้แล้ว เธอรู้สึกว่าการเรียนเขียนตัวอักษรมันยากมาก ตอนนี้เขียนจนเจ็บมือไปหมดแล้ว
การบ้านที่คุณครูสั่งไว้ จงเหยียนเฉินทำเสร็จตั้งนานแล้ว มีแค่ของเธอที่ยังทำไม่เสร็จ
จงฉีเฟิงก็เอ็นดูหลานสาว เขาเลยพูดว่า “เอาสิ ไปทานอะไรหน่อย จากนั้นก็ค่อยมาเขียนต่อ”
“ขอบคุณคุณปู่ค่ะ” จงเหยียนซีจับใบหน้าของจงฉีเฟิงไว้ ก่อนจะหอมแก้มเขา
จงฉีเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยน
ในตอนนั้นเสียงกริ่งของประตูก็ดังขึ้น ฉินยาอยู่ใกล้มากที่สุด เธอก็เลยลุกขึ้น และพูดว่า “พวกคุณนั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเอง”
เธอเดินไปที่หน้าประตูและเปิดประตูออก เธอก็เห็นหญิงสาววัยชนาคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้ากำลังนั่งอยู่บนรถเข็น