กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 873 พันหมื่นเหตุผล
หญิงสาวงงงวยในทันที และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองนั้นตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวก็คงสายเกินไป
เธอเอามือกุมบริเวณท้องที่ปวดแล้วค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมา จากนั้นก็กอดขาจงหยุนเฉียงเอาไว้ ” เขาวางแผนหลอกพวกเรา ”
ในตอนนั้นเธอตกใจมาก หลังจากที่ถูกช่วยออกมาเธอจะเอาเวลาไหนไปคิดว่ามันจะเป็นกับดัก?
” คุณเป็นถึงญาติมีศัดิ์เป็นลุงของเขา เขาคงไม่ทำอะไรคุณหรอก ” พอถึงตอนนี้ หญิงสาวก็อยากให้จงหยุนเฉียงถือไพ่ความเห็นอกเห็นใจขึ้นมา
กวนจิ้งที่อยู่อีกข้างก็ถอนหายใจเหอะ ” ตอนนี้นึกขึ้นได้แล้วหรอว่าเป็นญาติกัน? แล้วก่อนหน้านี้ไปไหนซะล่ะ? ทำไมตอนขโมยตัวลูกน้อยถึงไม่คิดถึงผลที่จะตามมา? ”
จงหยุนเฉียงมองไปที่กวนจิ้ง แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา ” ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่ใช่คนที่แกจะแตะต้องได้ไงง่ายๆหรอกนะ! ”
กวนจิ้งข้างนอกมา ” ยังไงฉันก็แตะต้องนายไม่ได้อยู่แล้วล่ะ แต่การลักพาตัวและขู่กรรโชก นั่นคือนายกำลังทำผิดกฎหมาย ฉันก็คงจะไม่อะไรกับนาย แต่กฎหมายก็คงจัดการนายอย่างแน่นอน ”
” พวกแกไม่มีหลักฐานนี่ ” หญิงสาวกอดขาจงหยุนเฉียงแน่น ตอนนี้เธอจะหลุดรอดจากความเสี่ยงทั้งหมดนี้ไปได้ คงต้องพึ่งจงหยุนเฉียงแล้ว
เธอไม่รู้เรื่องอะไรนี้ทั้งหมด จงหยุนเฉียงก็อย่าหวังว่าจะวางมือจากเรื่องนี้เลย
กวนจิ้งชายตามองผู้หญิงคนนั้น ” ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าหัวหน้าของพวกเราเวลาโมโหเป็นยังไงสินะ ”
เขาใช้ปลายเท้าเชยขากรรไกรล่างของหญิงสาวขึ้นมา ” ถ้าอยากจะให้เธอตายจริงๆ พวกเราก็สามารถหสพันหมื่นเหตุผลนั้นมาอ้างได้ ”
หญิงสาวเมื่อได้ยินแล้วก็ขนลุกขนชัน จนพูดไม่เป็นคำ ” ถึง ถึงแม้ฉันจะทำผิดกฎหมาย โทษก็ไม่ถึงตายหรอก! ”
ขณะที่พูดมือของเธอก็ออกแรงจับไปที่ขากางเกงของจงหยุนเฉียงมากขึ้นกว่าเดิม
จงหยุนเฉียงจับกางเกงของเขาไว้ แล้วตะคอกเสียงดัง ” เธอจะลนลานอะไร? ฉันไม่เชื่อเธอแล้ว เขาจะเอาชีวิตเธอจริงๆ! ”
” หยุนเฉียง ฉันพึ่งคุณได้แค่คนเดียวนะ ” ยังสาวยังคงกอดขาของจงหยุนเฉียงเอาไว้อย่างนั้น นี่คือความหวังสุดท้ายที่จะสามารถช่วยชีวิตเธอได้
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา และพูดด้วยน้ำเสียงเงียบขรึม ” พวกคนถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการถูกกรรโชก จึงต้องการได้รับการตรวจสอบครับ ”
จากนั้นเขาก็ให้ลูกน้องและคนที่จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้พาพวกเขากลับไป
” เพราะแกกล้าแตะต้องฉันเหรอ! ” เมื่อถึงตอนนี้ สองมือของจงหยุนเฉียงถูกไขว้ไว้ข้างหลัง จากนั้นก็ทำวางมาดว่าเป็นจงจิ่งห้าวญาติมีศัดิ์เป็นลุง ” ฉันเป็นคนของตระกูลจงเลยนะเว้ย ”
เสิ่นเผยซวนพูดตอบไป ” ในสมัยก่อนกษัตริย์ทำผิดยังต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับมวลประชาชน แล้วยิ่งในสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายแบบนี้ เมื่อนายทำผิดแล้วก็ต้องได้รับการตรวจสอบเช่นเดียวกันสิ มานี่ เอาตัวเขาไปได้! ”
” แกกล้าดียัง… ”
เขายังไม่ทันพูดจบประโยค ก็ทุกคนควบคุมตัวไป เจ้าหน้าที่ต่างทำงานได้วางไว้และเป็นระเบียบ เขาไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นใคร หากคุณทำผิดแล้วแล้วก็ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ
ถึงแม้ว่าร่างกายของจงหยุนเฉียงจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็ได้ใช้ชีวิตอยู่เหนือคนอื่นเสมอ ในตอนนี้อายุก็มากแล้ว แต่กลับโดนควบคุมตัว เรื่องขายหน้าไม่ต้องพูดถึง ตัวเขาเองเขาไม่เคยรับโทษเช่นนี้มาก่อน
” ฉันต้องการเจอจงจิ่งห้าว ! “จงหยุนเฉียงยังคงไม่ให้ความร่วมมือเช่นเดิม
” ถ้าคุณยังทำตัวไม่ดีอยู่แบบนี้ ผมจะให้โทษคุณในฐานะที่ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่! ” เสิ่นเผยซวนตะคอกออกมาเสียงดังและหนักแน่น
คนที่เป็นลูกน้องไม่กล้าออกตัว จึงนำเขาควบคุมตัวขึ้นไปบนรถ เมื่อเห็นว่าเสิ่นเผยซวนมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ หญิงสาวก็ไม่กล้าเปงเสียงพูดจาอะไรออกไป ได้แต่นั่งอัดเข้าไปบนรถนิ่งๆอย่างระมัดระวังตัว เมื่อขึ้นไปแล้วก็ไปนั่งเบียดอยู่ข้างๆตัวจงหยุนเฉียง
” ธุระที่เหลือก็ให้นายจัดการแล้วกัน ” กวนจิ้งทำท่าทางปัดฝุ่นบนร่างกายตัวเองทั้งที่ไม่มีฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า ก่อนขึ้นรถเขาก็โทรศัพท์หาใครบางคน แล้วค่อยขับออกไป
เหมือนหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ซางหยูไม่ได้พักผ่อนมาก่อน เธอเอาแต่ขลุกอยู่บนโซฟา ในใจมันมีเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้ รู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ทั้งวัน
ในตอนนี้ทุกคนได้หาลูกน้อยเจอ เสิ่นเผยซวนก็โทรหาเธอตั้งแต่ทีแรกที่พบเด็ก
เมื่อสายเรียกเข้ามา เธอเห็นว่าเป็นเบอร์ของเสิ่นเผยซวน ซางหยูทั้งคาดหวังและหวาดกลัว คาดหวังว่าจะหาตัวของลูกน้อยพบ แต่ก็กลัวว่าจะได้รับข่าวร้าย เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็รับสายแล้วแนบหู ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา ” ฮัลโหล ”
เสิ่นเผยซวนรู้ว่าซางหยูนั้นเป็นห่วง จึงพูดปลอบไป ” คุณไม่ต้องกังวลเลย เราเจอลูกน้อยแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ”
ซางหยูตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมาจนจมูกเจ็บแปล๊บๆ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ” จริงเหรอ ? ”
เสิ่นเผยซวนตอบ ” จริงสิ เรื่องนี้ผมจะหลอกคุณได้ยังไงล่ะ ”
ซางหยูยิ้มออกมา แต่นัยน์ตาก็ยังคงมีน้ำตาปริ่มๆ ” ดีจังเลยเนอะ ” ไม่นานเธอก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ” แล้วจับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกน้อยมาได้ไหม? ”
” จับได้แล้ว ”
” คุณต้องให้พวกเขารับโทษให้ได้นะ ! ” ซางหยูพูดออกมาอย่างเด็ดขาด ” พวกเขาเอาตัวเด็กไปได้ยังไง นี่มันไม่ใช่คนแล้ว! คนประเภทนี้ไม่สมควรที่จะเป็นคน ต้องให้พวกมันรับผิดให้รู้แล้วรู้รอด ”
” ผมรู้แล้ว พักผ่อนดีๆล่ะ ” เสิ่นเผยซวนพูดเบาๆ
ซางหยูตอบอืมไป จริงๆแล้วเธอไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ในเมื่อหาลูกน้อยเจอแล้ว ไม่รู้ว่าเด็กน้อยจะตกใจหรือเปล่า เธอจึงลุกขึ้นมาจากโซฟาไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากบ้าน
เธอนั่งแท็กซี่ไปยังคฤหาสน์ ก็เห็นว่าประตูทางเข้ามีรถของจงจิ่งห้าวจอดอยู่
เธอจ่ายเงินเสร็จแล้วก็ลงจากรถ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เธอก็หยุดชะงักไปสักพักนึง ไม่นานก็กลับมาอยู่ในสภาวะเดิมและก้าวขาเข้าไปเคาะประตู
เพียงไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก เมื่อฉินยาเห็นว่าเป็นซางหยูก็เอียงตัวเปิดทางให้เธอเข้ามา
” ลูกน้อยกลับมาแล้วเหรอ ” ซางหยูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง ก็เลยเริ่มถามประโยคนี้ออกมาก่อน
ฉินยาพยักหน้า ” กลับมาแล้วล่ะ ตอนนี้อยู่ชั้นบนน่ะ ไม่งั้นเธอรอก่อนสักพักค่อยขึ้นไปสิ ”
ซางหยูเข้าใจ เธอรู้ว่าตอนนี้จงจิ่งห้าวคงจะอยู่ข้างบนนั้น
” มานั่งก่อนสิ “ฉินยาลากเธอมานั่งที่โซฟา
ตอนนี้ที่ชั้นบน
หลินซินเหยียนปลอบอยู่นาน ถึงจะทำให้ลูกน้อยที่เอาแต่ร้องไห้งอแงนั้นหลับไป ยังหลับไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ แต่ร่างเลยน้อยๆนั้นก็กระตุกไปมา
เธอมองลูกชายด้วยความเจ็บปวดใจ เมื่อรู้ตัวว่าลูกน้อยได้หายตัวไป เธอก็อกสั่นขวัญแขวน รู้สึกเหมือนฟ้าแทบจะถล่มลงมา
ลูกเป็นดั่งชีวิตของพ่อแม่ ลูกมีความสุขพ่อแม่จึงจะมีความสุขเช่นเดียวกัน
” ตกลงเป็นใครกันแน่? ” หลินซินเหยียนหันหน้ามา ลูกตาของเธอออกเป็นสีแดงน้อยๆ แฝงแววตาเฉียบคมที่ยากเกินจะคาดเดา
ลูกน้อยหายตัวไปอย่างกะทันหันเกินไป บวกกับว่าพิธีศพเพิ่งจะเสร็จ เขาให้เธอมาที่คฤหาสน์ เธอเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย
จงจิ่งห้าวที่ยืนอยู่ข้างเตียง สายตาก็หลุบลงมามองบนตัวของลูกชาย ” ผมจะจัดการเอง ”
” ฉันถามว่าเขาเป็นใคร! ” ถ้าไม่ใช่เพราะลูกน้อยเพิ่งจะหลับไป เธอก็คงตะโกนออกมาเสียงดังแล้ว แต่ตอนนี้ทำได้แค่ถามด้วยเสียงที่กดลงมา
เธอแค่อยากรู้ให้แน่ชัด ว่าใครเป็นคนเอาตัวลูกชายของเธอ ไปแล้วเขาต้องการอะไร?
เผื่อวันหลังเธอจะได้เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้
ครั้งนี้มันทำให้เธอตกใจจนแทบบ้า
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่จงจิ่งห้าว ” เขาเป็นลูกชายของฉัน อยู่ในร่างกายของฉันสิบกว่าเดือน เลือดเนื้อก็มีฉันที่เกี่ยวดองกัน เมื่อลูกต้องเจออันตราย การที่ฉันจะรู้ว่าใครเป็นคนที่ทำร้ายเขา ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เหรอ? ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้จงใจที่จะปิดบังเธอ เพียงแต่เขาแค่ไม่อยากให้เธอต้องกังวลใจ เขาไม่นึกเลยว่าเธอจะกระวนกระวายขนาดนี้
เขาเดินเข้ามา ได้ยกมือขึ้นเตรียมที่จะปาดน้ำตาบนหน้าของเธอ แต่หลินซินเหยียนก็เบือนหน้าหนี
จงจิ่งห้าวสีหน้าขรึมลง และมองเธอนิ่งๆ
อีกคนนั่ง และอีกคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน หลินซินเหยียนสงบจิตใจลงไปไม่น้อยแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ” ขอโทษนะ….. ”
เธอรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกน้อย เขาก็คงรู้สึกเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน เธอเพียงแต่กลัวความรู้สึกนั้นมากเกินไป นี่มันแย่จริงๆ!
มันไม่มีทางที่จะทำให้เธอใจเย็นลงได้เลย
จงจิ่งห้าวยื่นมือมาโอบศีรษะเธอไว้ แล้วดันตัวให้มาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ศีรษะของหลินซินเหยียนอยู่ในตำแหน่งท้องของเขาพอดี เธอเอื้อมมือไปโอบกอดเอวของเขาไว้
มือของเขาสัมผัสไปที่เส้นผมของเธอ ” ผมไม่ใช่ไม่บอกคุณ แต่แค่ไม่อยากให้คุณต้องกังวลใจ ส่วนคนที่ทำเรื่องนี้ถูกเสิ่นเผยซวนจับไปเรียบร้อยแล้ว ”
ในตอนนี้หลินซินเหยียนก็ใจเย็นลงมากแล้ว จึงพูดในสิ่งที่ในใจได้คาดเดาไว้ ” จงหยุนเฉียงใช่ไหม ? ”
มีเพียงแค่คนคนนี้ที่หลังจากจงฉีเฟิงจากไป จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมา แล้วยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่เกิดเรื่องกับลูกน้อยอีก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยเขา
จงจิ่งห้าวตอบอืมไปสั้นๆ
” ทำไมล่ะ? ” หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้น ” ทำไมเขาต้องจับตัวลูกน้อยไปด้วย? คุณกับเขาเคยมีปัญหากันเหรอคะ? หรือว่าเมื่อก่อนพ่อกับเขาเคยมีปัญหากัน? “