กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1099
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1099
เมื่อซีคได้ยินดังนั้น เขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “นับเป็นเกียรติของผมที่ได้ทำงานรับใช้คุณครับ นายน้อย!”
หลังจากนั้น ซีคก็รีบพูด “นายน้อยเวดครับ วันนี้ผมนำพันธุ์ไม้มามากกว่าสองร้อยชนิดเลยครับ ถ้าเราจะปลูกทุกต้นภายในวันนี้ มันจะใช้เวลานานมากเลยนะครับ ให้ผมสั่งคนงานเริ่มงานเลยไหมครับ? ประมาณการว่า เราน่าจะต้องใช้เวลาทำงานจนถึงตีห้าหรือหกโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ครับ”
ชาร์ลีพยักหน้าแล้วพูด “โอเค ให้คนงานเริ่มงานได้เลยตอนนี้”
ซีครีบโบกมือให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และบอกเขาว่า “สั่งคนงานให้ลงมือเลยทันที บอกพวกลูกน้องให้ระวังด้วยนะ อย่าทำให้ต้นไม้เสียหายล่ะ โดยเฉพาะต้นเมล่อนกับผลของมัน ดูให้ดีอย่าให้ลูกเมล่อนร่วงล่ะ ถ้าพวกนายทำงานดี ฉันจะตบรางวัลเป็นซองแดงใส่เงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์ให้พวกนายทีละคนเลย แต่ถ้างานออกมาไม่ดี และทำให้นายน้อยไม่พอใจ พวกนายก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันที่ต้องเอาเรื่อง!”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบก้มหน้าก้มตาก่อนจะเดินไปหาพวกคนงานและพูดว่า “ทุกคน พวกเราต้องทำงานให้หนักและทำให้ดีด้วยนะ คุณไวท์บอกว่า หากทุกคนทำงานสำเร็จเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ เขาจะให้ซองแดงใส่เงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์กับพวกเราทุกคนเลย!”
คนงานทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินดังนั้น
ปกติแล้ว พวกเขาไม่สามารถหาเงินได้หนึ่งหมื่นดอลลาร์ต่อเดือนได้เลย แม้จะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ตาม พวกเขามักจะหาได้เพียงแค่ห้าพันดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น
ขณะนี้ ตราบใดที่พวกเขาทำงานคืนนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ดี พวกเขาก็จะหาเงินได้เท่ากับเงินเดือนสองเดือนรวมกันภายในคืนเดียวเท่านั้น สำหรับพวกคนงานแล้ว นี่คือของขวัญจากสวรรค์เลยทีเดียว
ดังนั้นพวกเขาจึงรีบลงมือทำงานโดยทันที
ชาร์ลีไม่คิดจะกลับไปนอนต่อแล้ว เขาต้องการที่จะดูคนงานระหว่างที่พวกเขาลงมือปลูกต้นไม้หลากหลายชนิดบริเวณสนามด้านหน้าวิลล่าด้วยตัวเขาเอง
วิลล่าที่ธอมป์สัน เฟิร์สมีพื้นที่สนามที่กว้างมาก ซึ่งถูกแบ่งเป็นสวนหน้าบ้านและสวนหลังบ้าน ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อยสี่หรือห้าเอเคอร์
ชาร์ลีสั่งให้คนงานทำงานใกล้กับฝั่งกำแพงเข้าไว้เพราะเขาจัดสรรพื้นที่หนึ่งเอเคอร์ไว้ให้คนงานใช้สำหรับปลูกผลไม้และต้นผัก หากแคลร์ภรรยาของเขาชอบมันจริง ๆ เขาก็จะสั่งคนให้จัดเตรียมเรือนกระจกสำหรับทำสวนผักให้ หลังจากนั้น เขาก็จะทำระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเอาไว้ภายในเรือนกระจกด้วย
วิธีนี้จะทำให้พวกเขาสามารถมีผลไม้และผักสด ๆ อยู่ในเรือนกระจกได้ แม้ว่าหิมะจะตกในฤดูหนาวก็ตาม
ในตอนนั้น แคล์ก็จะสามารถเก็บผลไม้และผักได้ด้วยตัวเองทุกวัน เธอจะต้องมีความสุขมาก ๆ อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูง แต่มันก็คุ้มค่าตราบใดที่เขาสามารถทำให้ภรรยามีความสุขได้
ถึงแม้ว่าจาค็อบและเอเลนจะแยกกันอยู่ แต่พวกเขาต่างก็รีบออกมาดูที่ระเบียงทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านล่าง ทั้งสองคนต่างก็มองเห็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่างเมื่อมองลงมายังสนามหน้าวิลล่าจากระเบียงห้องของตัวเอง
จาค็อบไม่รู้เลยว่าชาร์ลีกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนวิ่งลงมาข้างล่างแล้วถาม “ชาร์ลี นี่ลูกกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงมีต้นผักผลไม้อยู่เต็มไปหมดล่ะ? นี่ลูกกำลังคิดจะทำฟาร์มผักในบ้านเลยหรือ?
ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะยิ้มและตอบว่า “ใช่ครับ ผมได้ยินว่าแคลร์ชื่นชอบการเก็บผลไม้และผักมาก ๆ ผมก็เลยเปลี่ยนพื้นที่ส่วนหนึ่งของสนามหน้าวิลล่าเป็นฟาร์มผัก ต่อไปนี้เธอจะได้เก็บผักผลไม้ในสวนได้ทุก ๆ วันครับ”
จาค็อบยกนิ้วให้และพูดว่า “ขนาดฉันที่เป็นพ่อของเธอยังลืมไปแล้วเลยว่าแคลร์ชอบเก็บผักผลไม้จริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะรู้เรื่องนี้ด้วย”
หลังจากนั้นจาค็อบก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าแคลร์จะโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับคนอย่างนาย ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้ชายจะไม่ค่อยใช้ความพยายามมากนักที่จะเอาอกเอาใจภรรยา”
ตอนนั้นเองที่เอเลนผู้ซึ่งยืนอยู่บนระเบียงห้องชั้นสาม ก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “จาค็อบ วิลสัน ผู้ชายคนไหน ๆ ก็ดีกว่าแกทั้งนั้นแหละ! ผู้ชายคนไหน ๆ ก็รักเมียมากกว่าแกทุกคน! มีแต่เศษสวะอย่างแกเท่านั้นแหละที่ขอแยกทางและขอหย่ากับเมีย หลังจากที่ผู้เป็นเมียต้องทรมานมามากก็เพราะคนอย่างแก!”
จาค็อบหน้าดำหน้าแดงขณะที่เงยหน้าตะโกน “คนที่นามสกุลพาร์คเกอร์น่ะ! หยุดพล่ามไร้สาระจากข้างบนนั่นได้แล้ว! เธอไม่รู้เลยหรือว่าทำอะไรลงไปบ้าง? ถ้าไม่เป็นเพราะชาร์ลี เธอก็คงทำลายครอบครัวนี้ด้วยมือเธอเองไปนานแล้ว! ฉันอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ถ้าไม่หย่ากับเธอตอนนี้!”
เอเลนสบถ “ไอ้เวร! ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ จาค็อบ ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่มีวันยอมหย่าโดยเด็ดขาด!”
หลังจากที่พูดจบ เอเลนก็หัวเราะเยือกเย็นก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องไป
จาค็อบอึดอัดและโมโหมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เขาทำได้แค่เพียงมองชาร์ลีด้วยสีหน้าสลดแล้วพูดขึ้นว่า “นายเห็นไหม? นี่แหละนังปากปลาร้า”
ชาร์ลียิ้มเรียบ ๆ แน่นอน เขารู้ดีกว่าจาค็อบอยู่แล้วว่าเอเลนน่ะปากปลาร้า
แต่ทว่า เขาพูดออกมาดัง ๆ ไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงถามจาค็อบ “สองสามวันมานี้ คุณพ่อได้เจอป้าฮอลล์แล้วหรือยังครับ?”
จาค็อบโบกไม้โบกมือด้วยความตกใจ “นายพูดเสียงเบา ๆ หน่อยสิ ถ้าเกิดยายปากปลาร้าได้ยินเข้าและรู้ว่าป้าฮอลล์ของนายกลับมาแล้วล่ะ? จะไม่จบเห่กันพอดีหรอกหรือ?”