กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1149
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1149
บนถนนที่ทอดยาวสิบกิโลเมตรไปบนเนินเขา รถสปอร์ตสองคันขับจี้ท้ายกันไป
มีรถอยู่สองคันนี้เท่านั้นที่อยู่บนถนนซึ่งทอดยาวขึ้นไปบนภูเขา
การขับรถที่ผ่านภูมิประเทศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะดวงตาจะมองเห็นแต่สีขาวโพลน
การมองเห็นแต่สีขาวโพลนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เอมิเลียโน่ ฟลอเรสรู้สึกเวียนหัว จากนั้นเขาก็พูดน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ไอ้พวกงี่เง่าตระกูลเวดนั่นชาติชั่วจริง ๆ ในเมื่อสองพ่อลูกคู่นั้นทำให้มันโกรธ ก็ฆ่าพวกนั้นทิ้งซะสิ! จะมีประโยชน์อะไรในการส่งคนมาที่นี่ ในสถานที่ที่เหมือนนรกแบบนี้? โชคร้ายจริง ๆ ที่ฉันต้องมาลำบากอยู่ที่นี่!”
คนขับรถพูดด้วยท่าทีสิ้นหวัง “ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ ผมได้ตรวจสอบคนที่ชื่อเวดแล้ว เขาเป็นที่รู้จักในฐานะปีศาจ ไม่เพียงแต่ชอบส่งคนมาที่นี่เพื่อขุดหาสมุนไพรเท่านั้นนะ เขายังชอบส่งคนมาที่เหมืองเพื่อขุดหาถ่านหินอีกด้วย ผมได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งเขาเคยให้เจ้านายของบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง เข้าไปทำหน้าที่เป็นคนแบกปูนในไซต์ก่อสร้าง
“แล้วไง?” เอมีเลยโน่ขึ้นเสียง “พวกนายลืมไปแล้วหรือว่าสมาชิกในแก๊งตายยังไง? ผู้คนหลายสิบคนถูกยัดเข้าไปในรถ แล้วเอาไปถ่วงลงในแม่น้ำ พวกนั้นกลายเป็นศพถูกทิ้งอยู่ที่นั่น พวกนายรู้ไหมว่าพวกเขาต้องเจอชะตากรรมยังไง?
คนขับรถหัวเราะเบา ๆ ในขณะพูด “คนพวกนั้นตายไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาได้อีกล่ะ?”
เอมิเลียโน่พูดต่อ “ในแม่น้ำมีปลา กุ้ง และปู ส่วนรถก็เป็นเพียงกรงเหล็กที่เก็บศพพวกนี้ไว้ที่ก้นแม่น้ำ แล้วในที่สุดก็ถูกพวกปลา กุ้ง และปูกัดกิน ปลาตัวใหญ่ก็จะกัดกิดเนื้อ ในขณะที่ปลาที่ตัวเล็กกว่าก็จะแทะผิวหนัง คนที่เคยไปใช้บริการที่สปาปลาบำบัด คงจำปลาตัวเล็ก ๆ ที่กัดแทะผิวหนังที่ตายแล้วกันได้ใช่ไหมล่ะ? ในที่สุดปลาเหล่านั้นก็จะกินเนื้อจากศพจนหมด แล้วเหลือแต่ซากกระดูกกองเอาไว้”
“ไอ้คนระยำ!” ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังตะโกนขึ้น “ไม่น่าแปลกใจที่ใคร ๆ ต่างก็อยากฆ่ามัน ไอ้งั่งนี่ช่างโหดร้ายป่าเถื่อนเหลือเกิน!”
เอมิเลียโน่พูดเบา ๆ “เราก็ต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวังเหมือนกัน ถ้าจำเป็นก็ต้องล่าถอยออกมา”
คนขับรถถามขึ้น “พี่น้องครับ ทุกคนคิดว่าจะมีเจ้านายอยู่บนภูเขากอลมินไหม?”
“ไม่น่าจะมีนะ” เอมีเลียโน่ตอบ “คนของตระกูลเว็บบ์มาถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตามที่ผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้บอกนั้น ไม่มีสู้ระยะประชิดในช่วงการต่อสู้ ทั้งหมดเป็นการโจมตีระยะไกล ดังนั้นฉันเดาว่า ไม่ควรมีเจ้านายคนไหนอยู่แถวนั้น เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ทำหน้าที่คุ้มกันที่มีอาวุธครบมือ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ” คนขับรถหัวเราะเบา ๆ
“เราต่างก็เป็นพี่น้องและร่วมอดทนฝึกร่างกายมาอย่างหนัก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถเรียกตัวเองว่ามืออาชีพได้ แต่ฉันก็ยังทนต่อบาดแผลจากกระสุนปืนได้พอสมควร ดูเหมือนคืนนี้จะมีการสังหารหมู่เกิดขึ้น! ชัยชนะต้องเป็นของเรา ต้องกลับไปซัดเบอรี่อย่างมีชัยกันนะพวกเรา!”
ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น “คงจะดีไม่น้อยถ้าชาร์ลี เวดอยู่ที่นั่นด้วย เราจะได้ฆ่ามันแล้วไปรับรางวัลจากคุณท่านเว็บบ์”
“ชาร์ลี เวดคนนั้นไม่น่าจะอยู่ที่นี่หรอก” เอมิเลียโน่ยิ้ม “ตระกูลเว็บบได้ทำการตรวจสอบแล้ว ก่อนที่พวกเราจะออกมา ชาร์ลี เวดยังอยู่ที่โอลรัส ฮิลล์”
เอมิเลียโน่ถอนหายใจสั้น ๆ ในขณะที่พูดต่อ “ถ้ามันอยู่ที่นั่น… เราก็แค่เอาหัวของมันไปเป็นของขวัญให้คุณท่านเว็บบ์ แล้วท่านคงให้รางวัลเราด้วยเงินสองสามล้านดอลลาร์อย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วพี่น้อง ในเมื่อไอ้ชาร์ลี เวดคนนี้มันชั่วร้าย เป็นไปได้ไหมที่โรคประหลาดที่ลูกชายคนรองของครอบครัวเว็บบ์เป็นอยู่นั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้เลวนี่?” คนขับรถถาม
เอมิเลียโน่ส่ายหัวไม่เห็นด้วย
“เรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะฟันธง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เอมิเลียโน่พูดต่อ “การเจ็บป่วยแบบแปลก ๆ ของลูกชายรองของครอบครัวเว็บบ์เป็นโรคที่แปลกประหลาดจริง ๆ เขาติดเชื้อมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ยังไม่มีทางรักษาให้หายได้ แถมยังไม่มียารักษาให้อาการทุเลาลงด้วย”
***
ในเวลาเดียวกัน ชาร์ลี เวดกำลังยืนกอดอกอยู่บนพื้นดินบนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ส่วนไอแซค คาเมรอน, อัลเบิร์ต โรดส์ และเลียม วีเวอร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ต่างก็ยืนหนาวสั่นเมื่อความหนาวเย็นได้ซึมซับเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้ใบหน้าและริมฝีปากดูซีดเซียว
ไอแซค คาเมรอนกำแขนแน่นในขณะที่พูดเยาะเย้ย “ไอ้พวกแปดผู้ยิ่งใหญ่นั้นช่างช้าอืดอาดจริง ๆ ! อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว!”
อัลเบิร์ตจ้องมองชาร์ลีและถามด้วยความเป็นห่วง “ปรมาจารย์เวดครับ เสื้อผ้าของคุณเบาบางมาก ไม่หนาวเหรอครับ?”
ชาร์ลีส่ายหัวเบา ๆ ในภาวะที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ เขาไม่รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอีกต่อไ
ถึงแม้จะยืนอยู่บนยอดเขานี้อีกสองสามวัน หรือแม้แต่อีกเดือนหนึ่ง เขาก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย