กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1229
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1229
ตอนนี้ที่สนามบินนานาชาติอีสต์คลิฟฟ์ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เครื่องบินส่วนตัวที่ดีแลนนั่งโดยสารไปด้วยก็ได้ลงจอดแล้ว
ดีแลนนั่งหวาดวิตกมาตลอดทางหลังจากกลืนสร้อยทับทิมเส้นนั้นเข้าไป
เขากลัวว่าสร้อยคอเส้นนั้นจะทำให้ลำไส้เกิดการอุดตันอยู่ในระบบย่อยอาหาร แล้วส่งผลให้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง โชคดีที่เขามาถึงอีสต์คลิฟฟ์ได้อย่างปลอดภัย
ทันทีที่เครื่องบินลงจอด เครื่องบินก็แล่นไปตามรันเวย์เพื่อเข้าไปยังโรงจอดเครื่องบินทันที ซึ่งที่นั่นมีรถพยาบาลจอดรออยู่พร้อมแล้ว
ตระกูลโคชเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจมากในอีสต์คลิฟฟ์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ห้าแสนล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย นอกจากจะมีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นของตัวเองแล้ว ยังมีโรงพยาบาลส่วนตัวของตระกูลด้วย
รถพยาบาลที่มารอรับเขาอยู่ที่สนามบินนั้นเป็นรถพยาบาลที่มาจากโรงพยาบาลของตระกูลโคชนั่นแหละ
ในรถพยาบาลคันนั้นมีรองประธานโรงพยาบาลและแพทย์ระบบทางเดินอาหารนั่งรออยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้รู้สึกเป็นกังวลมาก เมื่อได้ยินข่าวว่า ดีแลนได้กลืนสร้อยทับทิมที่มีขนาดเท่าไข่ไก่เข้าไป
การกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปนั้นเป็นอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าวัตถุนั้นมีขนาดใหญ่ และมีรูปร่างที่ซับซ้อน ก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การกลืนสร้อยคอไม่ได้ง่ายเหมือนการกลืนก้อนหิน ถ้าเขากลืนทับทิมที่มีการขัดเงาและมีรูปร่างกลมมน ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร แต่ปัญหาอยู่ที่เป็นสร้อยทับทิม ซึ่งหมายความว่าทับทิมเม็ดนั้นถูกฝังอยู่กับฐานที่เป็นทองคำขาว และเชื่อมต่ออยู่กับตัวสายสร้อยทองคำขาว ตัวสร้อยอาจติดค้างอยู่ในลำไส้ได้ง่าย ซึ่งต้องใช้วิธีผ่าตัดเท่านั้นถ้าเขาไม่สามารถขับถ่ายสร้อยคอออกมาได้ตามปกติ
ดีแลนนอนอยู่ในรถพยาบาล ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขาได้ยินว่าอาจต้องใช้การผ่าตัด เขาก็ถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการผ่าตัดแล้วเหรอ? ผมไม่เคยเข้ารับการผ่าตัดมาก่อนในชีวิตเลยนะ”
คุณหมอรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณโคช ทันทีที่เราเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เราจะทำซีทีสแกนเพื่อตรวจดูว่าสร้อยคอติดอยู่ในบริเวณไหน ถ้ายังไปไม่ถึงลำไส้ เราก็จะรอดูอีกนิดว่าคุณสามารถขับถ่ายออกไปตามธรรมชาติได้ไหม แต่ถ้าสร้อยเส้นนั้นเข้าไปอยู่ในลำไส้แล้ว และทำท่าจะไม่สามารถขับถ่ายออกมาตามธรรมชาติได้ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีผ่าตัดครับ”
ดีแลนรู้สึกหดหู่ใจกับคำพูดนี้ เขาถามขึ้นว่า “ถ้าหลีกเลี่ยงการผ่าตัดไม่ได้ จะต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่ผมจะหายดีได้เหมือนเดิม?”
คุณหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าเราจำเป็นต้องผ่าตัดเอาสร้อยคอออกจากลำไส้ คุณก็ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาอย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งเดือนหลังผ่าตัด โดยห้ามออกกำลังกายหนัก ๆ และต้องรอให้แผลหายถึงจะลุกออกจากเตียงได้ และต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ”
ทันทีที่ดีแลนได้ยินว่าต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือน แล้วต้องใช้เวลาสามเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ เขาก็รู้สึกโกรธมาก! เขากัดฟันกรอดแล้วถามว่า “แล้วใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะมีเซ็กซ์ได้?”
คุณหมอพูดอย่างเคอะเขินว่า “การมีเพศสัมพันธ์จัดอยู่ในกิจกรรมที่ต้องใช้แรงตั้งแต่ระดับเอวและช่องท้องลงไป ซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งหลังการผ่าตัดในช่องท้อง คุณจำเป็นต้องรออย่างน้อย ๆ ก็สามเดือนครับ”
ดีแลนได้แต่กลอกตาด้วยความหดหู่ใจสุด ๆ
ดีแลนทำตัวเป็นเพลย์บอยสุดฉาวโฉ่ในเมือง เขาไปเที่ยวไนท์คลับในอีสต์คลิฟฟ์อยู่บ่อย ๆ โดยเข้าไปคลุกคลีอยู่กับเหล่านางแบบและคนดังมากมายทุกคืน ช่วงพีคสุด ๆ คือตอนที่เขานอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาตลอดทั้งคืน
แล้วคาสโนว่าคนนี้จะทนยอมรับการอดมีเซ็กซ์ไปสามเดือนได้อย่างไร?
นี่เหมือนเป็นการบอกให้ผู้ติดบุหรี่เลิกบุหรี่เป็นเวลาสามเดือนนั่นแหละ มันรุนแรงพอ ๆ กับโทษประหารชีวิตเลยทีเดียว
มีคุณหมอท่านหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ว่าแต่ว่า… คุณโคชกลืนสร้อยคอเส้นใหญ่นี้เข้าไปได้อย่างไรครับ? เป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า? หรือเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ครับ?”