กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 255
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 255
แคลร์รู้สึกงงงวยมาก เมื่อเธอได้ยินแม่ของเธอชักชวนให้เธอกลับไปทำงานให้กับ วิลสัน กรุ๊ป อีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้ถามแม่ออกไปว่า “คุณแม่คะ คุณยายเลี้ยงคุณแม่มาด้วยความใจดีแบบไหนกัน? ทำไมคุณแม่ถึงบังคับให้หนูกลับไปทำงานให้กับ วิลสัน กรุ๊ป อยู่เสมอ?”
ในเวลานี้ เอเลนวิตกกังวลเป็นห่วงลูกสาวเธออย่างมาก เธอตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าเธอทำงานให้กับ วิลสัน กรุ๊ป เธอจะได้รับเงินเดือนประจำปีที่แน่นอน มันไม่ดีไปกว่าการเริ่มต้นธุรกิจของเธอเองเหรอ? เธอจะทำยังไงหากเธอต้องสูญเสียเงินทั้งหมดไปเพราะเธอเลือกที่จะเริ่มต้นธุรกิจของเธอเอง? แล้วพ่อของเธอกับฉันจะทำอย่างไร?”
แคลร์ตอบอย่างแน่วแน่ว่า “คุณแม่หยุดบังคับหนูได้แล้ว! หนูจะไม่กลับไปทำงานให้กับ วิลสัน กรุ๊ป อีกแล้ว แม้ว่าหนูจะต้องเป็นขอทานขออาหารข้างถนน แต่หนูก็ไม่มีวันกลับไปทำงานให้ วิลสัน กรุ๊ป อีกตลอดชีวิต! หนูอาจจะต้องเป็นขอทานขออาหารจากคนอื่น แต่หนูจะไม่มีวันสูญเสียความภาคภูมิใจหรือศักดิ์ศรีของตัวเองเด็ดขาด!”
เอเลนจ้องมองไปที่แคลร์ ก่อนที่เธอจะพูดว่า “ที่เธอทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อรักษาความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของตัวเองแค่นั้นเหรอ?”
หลังจากที่เอเลนพูดเสร็จ เธอก็เริ่มร้องไห้ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เสียใจว่า “วิลสัน กรุ๊ป กำลังจะล้มละลาย ถ้ามันปิดตัวลงจริง ๆ พ่อของเธอและฉันจะไม่ได้รับเงินบำนาญของเรา! เธอควรจะรู้นะ ว่าเราต้องพึ่งพาเงินบำนาญนี้สำหรับไว้ใช้เป็นทุนตอนที่เราเกษียณและอายุมากขึ้นแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าคุณยายของเธอจะไม่ได้คิดว่าพ่อของเธอสูงส่งอะไร แต่เขาก็ยังมีส่วนได้ส่วนเสียใน วิลสัน กรุ๊ป อยู่! หากเธอปฏิเสธที่จะกลับไปที่บริษัท เราก็จะสูญเสียเงินปันผลของเราไปเช่นกัน! แล้วในอนาคต เราจะทำยังไง?”
แคลร์โพล่งออกมาทันที “แม่! ตระกูลวิลสัน สมควรล้มละลายแล้ว เพราะไม่รู้จะจักจัดการบริหารบริษัทของตัวเอง! แม้ว่าวันนี้พวกเขาจะต้องล้มละลาย หนูก็คิดว่าพวกเขาสมควรได้รับมันแล้วเพราะพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้น!”
ตอนนี้เอเลนเริ่มหมดอารมณ์ “แคลร์! แกกำลังพูดถึงอะไร? เราเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลวิลสัน มานานแล้วนะ และแกเองก็ทำงานให้ วิลสัน กรุ๊ป มาตลอดหลายปี แกไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ ถ้าวิลสัน กรุ๊ป ล้มละลายแบบนี้? แคลร์ แกช่วยคิดใหม่หน่อยได้ไหม กลับไปทำงานที่ วิลสัน กรุ๊ป เถอะนะ ถือว่าเห็นแก่ฉันได้ไหม?”
แคลร์ ตอบกลับไปในทันทีว่า “คุณแม่คะ หนูทำทุกอย่างที่คุณแม่อยากให้ทำมาตลอด คุณแม่ขอให้หนูให้เงินเดือนกับคุณแม่ หนูก็ให้ คุณแม่ขอให้หนูรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายภายในบ้านหนูก็ดูแลให้ พ่อและหนูไม่เคยมีเรื่องขัดใจคุณแม่เลยนะคะ ที่เราต้องดูแลจัดการเรื่องการเงินภายในบ้านทั้งหมด หนูเชื่อฟังและให้คุณแม่มาตลอด หนูคิดว่าคุณแม่ควรจะเคารพในการตัดสินใจของหนูสักหน่อย หนูไม่อยากกลับไปทำงานให้ วิลสัน กรุ๊ป จริง ๆ และหนูต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองและทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง คุณแม่ช่วยสนับสนุนหนูเป็นครั้งแรกในชีวิตหน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
เอเลนรู้ว่าเธอคิดผิด หลังจากฟังคำพูดของแคลร์เธอก็นั่งลงบนโซฟาและร้องไห้ต่อ ก่อนที่เธอจะพูดว่า “ทำไมชีวิตของฉันมันยากเย็นขนาดนี้? ฉันทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวของฉันและฉันก็คิดว่าฉันจะสามารถพึ่งพาเธอได้บ้าง อยากให้เธอได้แต่งงานกับสามีที่ดีและมีความสามารถ ใครจะไปรู้ว่าทำไมปู่ของเธอถึงยืนยันว่าเธอต้องแต่งงานกับคนอย่างชาร์ลี? ตอนนี้ลูกสาวของฉันไม่ได้สนใจฉันและยังรำคาญที่จะฟังคำแนะนำจากฉันอีก บอกฉันทีว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของการมีชีวิตอยู่ ถ้าครอบครัวของฉันไม่สนใจฉันอีกต่อไปแล้วแบบนี้?”
แคลร์รู้สึกโกรธและผิดหวังอย่างมาก เมื่อเห็นแม่ของเธอตัดพ้อบ่นว่าชีวิตของตัวเองน่าสังเวชแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงเริ่มอารมณ์เสียและพูดกับแม่ของเธอไปว่า “แม่! แม่เลิกโกรธเกลียดชาร์ลีตลอดเวลาแบบนี้ได้ไหมคะ? ตอนนี้ชีวิตชาร์ลีมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมากและเขาก็ดูแลครอบครัวของเราเป็นอย่างดีมาตลอด เมื่อการปรับปรุงบ้านเสร็จสมบูรณ์ คุณแม่ก็จะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในวิลล่าที่ใหญ่ที่สุด ที่ ธอมป์สัน เฟิร์ส ได้เพราะชาร์ลี! คุณแม่แค่รู้สึกขอบคุณและหยุดบ่นไม่ได้หรือไงคะ?”
เอเลนยังคงร้องไห้ และเธอก็พูดต่อว่า “เธอต้องการให้ฉันขอบคุณอะไร? การที่เราได้ย้ายเข้าไปอยู่ในวิลล่าเหรอ? เราจะต้องอยู่ด้วยความกลัวเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตระกูลไวท์จะเปลี่ยนใจไล่เราออกจากวิลล่างั้นเหรอ?”
แคลร์ถอนหายใจก่อนที่เธอจะพูดว่า “คุณแม่ หนูไม่สามารถอดทนกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าคุณแม่จะร้องไห้และบ่นอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ หนูขอร้องคุณแม่หยุดเถอะค่ะ ไม่งั้นหนูจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปพร้อมกับชาร์ลี”
“แก…” เอเลนเริ่มกังวลในตอนนี้และเธอก็รีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “แกอยากไปใช้ชีวิตอยู่แยกจากพวกเราจริง ๆ งั้นเหรอ?”
แคลร์พยักหน้าก่อนที่เธอจะตอบว่า “ใช่ หนูกับชาร์ลีแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องย้ายออก”
“ไม่!” เอเลนโพล่งออกไปในทันที “ไม่ได้อย่างแน่นอน!”
แคลร์มองแม่ของเธอด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่เธอจะพูดว่า “คุณแม่ ถ้าคุณแม่ยังบังคับให้หนูกลับไปทำงานที่ วิลสัน กรุ๊ป หนูจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปพร้อมกับชาร์ลีทันที ถ้าคุณแม่หยุดพูดถึง วิลสัน กรุ๊ป หนูก็จะไม่ย้ายออกไป เรื่องนี้คุณแม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ”
เอเลนมองไปที่แคลร์และเธอสามารถบอกได้เลยว่า เธอไม่ได้ล้อเล่น ในเวลานี้ จู่ ๆ เธอก็รู้ว่าเธอกำลังทดสอบขีดจำกัดของแคลร์อยู่ โดยทำสิ่งต่าง ๆ นี้ออกไป
ถ้าหล่อนยังคงร้องไห้และสร้างปัญหาให้กับลูกสาวของเธอ เธอรู้ว่าแคลร์จะย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับชาร์ลีอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล หากถึงเวลานั้นเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง