กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 840
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 840
แคลร์ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย เธอโบกมือก่อนจะพูดว่า “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ต้องการพูดถึงปัญหานี้อีก ฉันไปทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ที่ห้องนอนนะคะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ แคลร์ก็หันหลังและเดินขึ้นบันไดไป
ชาร์ลีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเห็นเธอเดินขึ้นบันไดและจากไป
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะจัดการกับเอเลน
เขาไม่สามารถกำจัดเธอได้และไม่สามารถทำให้เธอหายตัวไปจากโลกนี้โดยไร้ร่องรอยได้เลย เมื่อเธอรับความทุกข์มามากพอแล้ว เขาก็ยังคงต้องพาเธอกลับบ้านอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม มันจะลำบากมากในการพาเธอกลับมา เขาจะทำให้เธอหุบปากโดยไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ผ่านการสะกดจิตดีไหมนะ?
นั่นจะไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย!
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลข้างเคียงของการสะกดจิตก็คือเมื่อบุคคลนั้นเริ่มปฏิบัติตัวตามสัญญาณที่ถูกสะกดไว้ของพวกเขาแล้ว บุคคลนั้นก็จะสูญเสียสติไปชั่วขณะ
มันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับตอนที่เขาสะกดจิตเคียน และสดกดจิตแก่เขาว่าเขาจะต้องทานอาหารพิเศษทุก ๆ ชั่วโมง เมื่อใดก็ตามที่เขาทานอาหารมื้อพิเศษ เคียนก็แค่ทำตามที่ชาร์ลีได้สะกดเอาไว้ให้เขา ในเวลานั้นเขาจะสูญเสียสติไปชั่วขณะและสิ่งที่เขาต้องการทำคือกินอึเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาทานอาหารมื้อพิเศษเสร็จแล้ว เคียนก็จะฟื้นคืนสติของตัวเอง ในเวลานั้นเขายังคงเป็นเคียนคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่ชาร์ลีจะใช้การสะกดจิตกับเอเลน ถ้าเขาสะกดจิตกับเอเลนว่าเธอไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระ เขาก็จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาสามารถสะกดมันเอาไว้ได้ตลอดเวลา
ถ้าเขาทำอย่างนั้น เอเลนจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เธออาจถึงกับกลายเป็นคนบ้าหรือเป็นคนที่สูญเสียสติไปจนหมดแล้วด้วยซ้ำ
ดังนั้น ชาร์ลีจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแน่ใจว่าเอเลนจะหุบปากของเธอด้วยความเต็มใจ มันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย และยากจริง ๆ ที่จะหาวิธีทำให้แน่ใจว่าเอเลนจะไม่เอ่ยถึงบัตรเครดิตของเขาแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่แคลร์จากไป มีเพียงชาร์ลีและลอเรนท่ามกลางความเงียบหลังจากถูกทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ตามลำพัง
ลอเรนรอโอกาสที่จะได้อยู่คนเดียวกับชาร์ลี เมื่อในที่สุดเธอก็มีโอกาสได้อยู่คนเดียวกับเขา เธอจึงรีบพูดว่า “ชาร์ลี อย่าโกรธแคลร์เลยนะ อย่าคิดมากไปเลย เธอไม่ได้ตั้งใจจะโกรธคุณหรอกนะคะ เธอคงรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเพราะว่าคุณป้าหายไป…”
ชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ผมรู้ครับ ผมเข้าใจ และผมก็จะไม่โกรธเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แคลร์ก็ยังเป็นภรรยาของผมอยู่ดี”
ลอเรนเต็มไปด้วยความอิจฉาทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของชาร์ลี
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ลีถึงหลงใหลและจริงใจต่อแคลร์ได้ขนาดนี้ ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่แต่งงานกันปลอม ๆ เท่านั้น?
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียหลักเล็กน้อยเมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากจะเปรียบเทียบความงามของพวกเธอ ลอเรนเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าแคลร์มากนัก
หากในแง่ของความมั่งคั่ง ลอเรนเป็นสมาชิกของตระกูลโธมัสจากอีสต์ คริฟฟ์ และเธออยู่ในสถานการณ์ทางการเงินที่ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับแคลร์
ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้บอกความรู้สึกต่อชาร์ลีไปนานแล้ว เธอรักเขาจริง ๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เคียงคู่กับชาร์ลีสักวันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ลอเรนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ลีถึงยังคงปกป้องผู้หญิงที่ไม่รักเขาเลยด้วยซ้ำ?
ขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลอเรนก็จ้องชาร์ลีก่อนจะพูดว่า “ชาร์ลี คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณเป็นอย่างดี ไม่รู้สึกอะไรกับฉันบ้างเลยเหรอคะ?”
ทันทีที่ชาร์ลีได้ยินคำพูดของลอเรน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดและพูดว่า “ลอเรน คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแคลร์ และแคลร์เป็นภรรยาของผม ดังนั้นผมจึงถือว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดีเพราะคุณเป็นเพื่อนของแคลร์เช่นกัน ผู้ชายดี ๆ ในโลกนี้ยังมีอีกมาก คุณไม่ควรคาดหวังทั้งหมดของคุณกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วอย่างผมเลยนะ”
ดวงตาของลอเรนเปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลอาบแก้มได้ เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างก่อนจะพูดว่า “แต่คุณทั้งคู่ไม่ใช่คู่แต่งงานกันจริง ๆ ด้วยซ้ำ! คุณทั้งคู่ก็แค่แต่งไปแบบนั้นแหละ! คุณอยู่ในการแต่งงานปลอม ๆ แบบนี้มานานกว่าสามปีแล้ว! สุดท้ายแล้วมันก็จะจบ แล้วคุณจะทำยังไงต่อล่ะ? คุณจะยังคงยืนอยู่บนเวทีและแสดงละครไปคนเดียวต่อไปงั้นเหรอคะ?”
ชาร์ลียิ้มเมื่อเขามองลอเรนก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ หลังจากนั้น ชาร์ลีตอบอย่างหนักแน่นว่า “เชื่อผมเถอะครับ การแต่งงานของผมจะไม่มีวันจบลง!”