กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 844
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 844
จาค็อบที่อยู่ชั้นบนบนชั้นสาม ตรงกันข้ามกับชาร์ลี
เขาตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับเลยในคืนนั้น
เขาไม่สามารถหยุดคิดถึงอดีตที่เขามีร่วมกับมาทิลด้าได้ รวมถึงความทรงจำดี ๆ ทั้งหมดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขาหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำที่เขากับมาทิลด้ามีร่วมกัน
ยิ่งเขาคิดถึงมาทิลด้ามากเท่าไร เขาก็ยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบเธออีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น จาค็อบที่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน มีความกระตือรือร้นและอารมณ์ดีมาก เขายิ้มกว้างจนปากแทบถึงหู อย่างมีความสุขในเวลานี้
เขาตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำและโกนหนวดเคราให้สะอาดโดยไม่เหลือตอแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเขาก็หวีผมก่อนจะฉีดสเปรย์จัดแต่งทรงผม หลังจากนั้นเขาก็มองเข้าไปในตู้เพื่อมองหาชุดสูทหรูหราระดับไฮเอนด์ ชุดสูทที่เขารู้สึกไม่เต็มใจที่จะใส่มันมาตลอด
ชุดนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษในฮ่องกง เมื่อครั้งที่ตระกูลวิลสันยังคงรุ่งโรจน์อยู่ ในเวลานั้นเขาเป็นนายน้อยรองของตระกูล พ่อของเขาจึงไม่ลังเลที่จะให้เงินค่าขนมจำนวนมากรวมถึงชุดสูทนี้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาและรักษาชื่อเสียงของตระกูลเมื่อเขาออกไปเที่ยว
โชคดีที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จาค็อบใช้ชีวิตแบบประหยัดมาก น้ำหนักของเขาจึงไม่ขึ้นเลย ทำให้เขายังสามารถใส่ชุดสูทได้พอดีอยู่
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว จาค็อบก็มองเข้าไปในกระจก เขาอดไม่ได้ ที่จะยิ้มอย่างพอใจเพราะเขาดูเด็กลงกว่าสิบปีหลังจากดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อใครก็ตามที่กำลังมีความสุข พวกเขาจะไม่กลัวอะไรเลย และความสุขนี้เห็นชัดเจนบนรูปลักษณ์ของพวกเขา ในเวลานี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของจาค็อบนั้นได้อยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว!
เขาเชื่อว่าเมื่อมาทิลด้าเห็นเขา เธอจะไม่ผิดหวังแน่นอน!
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จาค็อบก็ตื่นเต้นมากจนอยากจะรีบไปให้ถึงสนามบินทันที เพื่อที่เขาจะได้เจอกับมาทิลด้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เครื่องบินของมาทิลด้าจะลงจอดหลังเวลาสิบโมงเช้าและเนื่องจากมันยังเช้าอยู่ เขาจึงตัดสินใจลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารแทน
ในเวลานี้ แคลร์และลอเรนกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหาร พวกเธอกำลังเพลิดเพลินกับการดื่มนม ชาร์ลีกำลังยุ่งกับการทำไข่ดาวและเบคอนในครัว ลอเรนเป็นคนแรกที่เห็นจาค็อบ และเธออุทานด้วยความประหลาดใจ “ว้าว! คุณลุง วันนี้คุณแต่งตัวดูเด็กมากเลย!”
“อย่างนั้นเลยเหรอ?” จาค็อบยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะถามว่า “ลุงดูโอเคไหม?”
ลอเรนยกนิ้วโป้งให้เขาขณะที่เธอพูดว่า “คุณลุงดูน่าทึ่งมากค่ะ!”
แคลร์เงยหน้าขึ้นในเวลานี้และเธอก็ประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอสวมสูทตัวโปรดของเขา เธอถามอย่างรวดเร็วว่า “พ่อคะ ทำไมพ่อถึงใส่สูทล่ะ?”
จาค็อบรีบตอบว่า “วันนี้พ่อมีบางอย่างที่ต้องทำ เพื่อนเก่าของพ่อเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ พ่อจะไปหาเพื่อนพ่อเพื่อทานอาหารด้วยกัน”
ขณะที่เขาพูด จาค็อบพูดอีกครั้งว่า “อ้อ อีกอย่าง ชาร์ลีจะไปกินข้าวเที่ยงกับพ่อและเพื่อนของพ่อด้วย ดังนั้น ลูกไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเพื่อทานอาหารกลางวันในวันนี้ ลูกไปกินอะไรใกล้บริษัทก็ได้”
“พ่อ!” แคลร์ไม่พอใจอย่างมากขณะที่เธอพูดว่า “เรายังหาแม่ไม่พบเลย! หนูกำลังคิดที่จะขอให้พ่อกับชาร์ลีพาหนูออกไปหาแม่ในวันนี้ ทำไมวันนี้พ่อถึงนัดพบเพื่อนเก่ามาทานอาหารกลางวันอีก?”
จาค็อบตอบว่า “เพื่อนของพ่ออยู่ที่นี่แล้ว พ่อไม่สามารถยกเลิกการนัดหมายของพวกเราได้ ถูกไหม?”
แคลร์ตอบอย่างโกรธเคืองว่า “แต่เรายังไม่เจอแม่เลยนะคะ! นี่พ่อไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและการเป็นอยู่ของแม่ก่อนเหรอ? หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อยังจะมีอารมณ์ไปกินข้าวกับเพื่อนในเวลาแบบนี้! พ่อกับแม่เป็นคู่สามีภรรยากันจริง ๆ เหรอ?”
จาค็อบพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ใช่ เราเป็นคู่สามีภรรยากัน”
หลังจากนั้นเขาเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “แต่เราทั้งคู่ได้แยกทางกันแล้ว”
แคลร์โกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพ่อของเธอจะแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้และเขาจะตั้งใจจัดทรงผมสำหรับนัดหมายวันนี้ เธอมั่นใจว่าพ่อของเธอจะต้องพบกับเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เนื่องจากพ่อของเธอบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนี้กำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ แคลร์รู้สึกว่าเพื่อนเก่าคนนี้คือรักแรกของพ่อที่แม่ของเธอพูดถึงเสมอมา!
แคลร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเพราะพ่อของเธอแต่งตัวจัดเต็ม เพื่อออกไปกินข้าวกับรักแรกพบ ในตอนที่พวกเขายังไม่พบแม่ของเธอ
จาค็อบพูดอย่างจริงจังในเวลานี้ว่า “เราสามารถหาแม่ของลูกตอนไหนก็ได้ แต่พ่อนัดกับเพื่อนทานอาหารมื้อนี้ไว้แล้ว พ่อไม่สามารถกลับคำพูดของพ่อได้ พ่อกับชาร์ลีจะไปตามหาแม่หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว!”
แคลร์ตอบว่า “ทำไมพ่อไม่ไปเองล่ะ? ชาร์ลีจะพาหนูไปตามหาแม่!”
“พ่อจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?” จาค็อบรีบตอบว่า “วันนี้เพื่อนของพ่อ เธอพาลูกชายของเธอมาด้วย คงไม่เหมาะใช่ไหมถ้าพ่อจะไปทานอาหารกลางวันคนเดียว? ทำไมลูกไม่บอกให้ชาร์ลีไปตามหาแม่ในระหว่างที่ลูกพาพ่อไปกินข้าวล่ะ”