กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 41
USB:บทที่ 41 ความพยายาม
ณ ห้วงเวลา เมื่อครั้งที่โลกแห่งศิลปะการต่อสู้นั้น รุ่งโรจน์เหนือสิ่งใดๆ ได้กำเนิดสำนักน้อยใหญ่ขึ้นมา หลากหลายร่วมพันสำนัก รวมไปถึง เส้าหลิน บู๊ตึ้ง และคาราโครัม สำหรับสำนักเล็ก ๆ อีกมากมายที่ไร้ชื่อ ต่างรุ่งโรจน์สุดขีดในช่วงนั้น
ในวันนี้ เป็นวันที่ อาณาจักรสำเภาสวรรค์นั้น เปิดรับศิษย์เข้าสำนักต่างๆ ซึ่งห่างจากตัวเมืองจื่อหยูออกไป หลายร้อยกิโลเมตร ในตอนเช้าตรู่ มีผู้คนจำนวนมาก รีบบึ่งไปที่ สำนักเจ็ดนพเคราะห์
แม้ว่า สำนักเจ็ดนพเคราะห์ จะฟังดูมีชื่อเสียง แต่ก็ยังคงเป็นเพียง หนึ่งในสี่สำนักใหญ่ของเมืองจื่อหยู และในแง่ของชื่อเสียงของเมืองจื่อหยู ภายในอาณาจักรสำเภาสวรรค์ เมืองจื่อหยูนั้นไม่ถือว่าเป็นเมืองใหญ่
เนื่องจากอาณาจักรสำเภาสวรรค์ มีเมืองใหญ่กว่าเมืองจื่อหยูมากมาย นับไม่ถ้วน และมีสำนักต่าง ๆ รายล้อมอยู่ในเมือง และรอบ ๆ เมืองใหญ่เหล่านี้
ในดินแดนตอนกลางทั้งหมด มีหลายร้อยดินแดนที่มีขนาดแตกต่างกัน ขนาดของโลกนี้นั้นใหญ่มาก และก็กำเนิดสำนักต่าง ๆขึ้นมากมาย จากสิ่งนี้สามารถบอกได้ว่า ศิลปะการต่อสู้นั้นแพร่หลาย มากมายเพียงใดในโลกนี้
แม้ว่า สำนักเจ็ดนพเคราะห์ จะไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นสำนักที่มีชื่อเสียงมากที่สุด แต่ในดินแดนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์นั้น ก็ยังมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็เป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ที่เมืองนี้ ดังนั้นในวันนี้ จึงยังมีคนจำนวนไม่น้อย
ที่มุ่งมั่นในวิถีแห่งการต่อสู้ และมุ่งหน้าไปยังสำนักเจ็ดนพเคราะห์
สำนักเจ็ดนพเคราะห์นั้น ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงตระหง่าน บนถนนที่ค่อนข้างสูงชัน มีคนหนุ่มสาวประปราย พยายามปีนขึ้นไปด้านบน
พี่หลี่! ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ? “” ชายคนหนึ่งที่โพกศรีษะ กำลังเดินทางขึ้นเขา แต่ไปได้เพียงครึ่งทาง เขาก็พบกับคนคุ้นเคย ดังนั้นเขาจึงร้องเรียกขึ้นมา
บุคคลนั้นหันกลับมา และรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พูดว่า “อ้าวพี่หลิว ท่านเองก็มาอยู่ที่นี่เหมือนกัน”
จากนั้นทั้งสองคน ต่างมองหน้ากัน และหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียงขบขันดังออกมาตลอดเส้นทางที่ขึ้นไปยังด้านบนหุบเขา
ทั้งสองคนนั้น มาจากเมืองจื่อหยู เดิมที พวกเขานั้นไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เนื่องจากทั้งสองคนนั้น มีความบ้าคลั่งเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เมื่อใดก็ตามที่สี่สำนักใหญ่ของเมืองจื่อหยู ต้องการรับสมัครลูกศิษย์ พวกเขาทั้งสองคนก็จะได้พบกัน
เนื่องจากพื้นฐานของทั้งสองคนไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจึงไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปเป็นศิษย์ของสำนัก แต่ทั้งสองคนไม่เคยย่อท้อ
“ พี่หลี่ คราวนี้ ท่านมั่นใจหรือไม่?” ชายหนุ่มสกุลหลิว ถามคนข้างๆ เขา พร้อมกับเช็ดเหงื่อ ที่บริเวณหน้าผากออก
“ข้าค่อนข้างมั่นใจ จากครั้งที่แล้ว ที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก ตอนนี้ร่างกายของข้าแข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อน”เด็กหนุ่มสกุลหลี่กล่าวอธิบาย
ชายหนุ่มสกุลหลิว นั้นมองไปที่คนข้างๆ สภาพภายนอกของพี่หลี่นั้นดีอย่างที่พูดจริง ๆ แม้ว่าการหายใจของเขา จะหนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้หอบหนักเกินไป และไม่มีเหงื่อออกมาก ที่บริวเณหน้าผากของเขา
ดังนั้นเยาวชนสกุลหลิว จึงกล่าวด้วยความอิจฉาว่า: “ดูเหมือนว่า พี่ชายหลี่ ได้เตรียมตัวมากจริง ๆ ข้าหวังว่า คราวนี้พี่หลี่คงจะสมหวัง ในครั้งนี้”
“ได้แต่หวัง… แต่พี่หลิวเองก็อย่าถอดใจไป เจ้าเองก็มีหวังเช่นกัน” ชายหนุ่มสกุลหลี่เอ่ยให้กำลังใจ
“ข้าน่ะหรือ แม้ว่าจะฝึกฝนมากเท่าไร แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางทีข้าอาจจะไม่เหมาะกับ การฝึกศิลปะการต่อสู้เลยก็ได้” เยาวชนสกุลหลิว กล่าวอย่างหดหู่ใจ
พี่หลิว…อย่าท้อถอย ข้าได้ยินมาว่า มีเหตุผลบางประการ ที่สี่สำนักใหญ่ของเมืองจื่อหยู จะขยายจำนวนการรับสมัครศิษย์เป็นจำนวนมาก และเงื่อนไขต่างๆ จะผ่อนปรนลง ดังนั้นในครั้งนี้ ที่นั่นก็เป็นความหวังสำหรับเราสองคน
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่นี่ แต่อีกสามสำนักก็จะคัดเลือกเช่นกัน ถ้าการคัดเลือกสิ้นสุดเร็ว เราก็จะมีเวลาไปทดสอบอีกสามสำนักใหญ่ที่เหลืออยู่ ชายหนุ่มสกุลหลี่กล่าว
“จริงๆหรือ?” เด็กหนุ่มสกุลหลิว ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง แม้ว่าเขาจะไม่เหมาะกับศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่อยากยอมแพ้ หลังจากความเพียรพยายามมาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขายอมแพ้ เขาจะไม่มาอยู่ที่นี่ ในวันนี้
“แน่นอนว่า…มันคือเรื่องจริง” เด็กหนุ่มสกุลหลี่ กล่าวด้วยความมั่นใจ
“เอาล่ะ…เรารีบขึ้นไปกันเถอะ! หวังว่าเราทั้งสอง จะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ จากนี้พวกเราจะสาบานเป็นพี่น้องกัน” เยาวชนสกุลหลิว กล่าวอย่างตื่นเต้น
“ถูกต้อง” หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ และระหว่างทาง ก็มีคนจำนวนมากที่เหนื่อยล้า และนั่งพักลงบน
พื้น เส้นทางระหว่างการขึ้นไปบนสำนักเจ็ดนพเคราะห์ ต่างตกอยู่ในสายตาของศิษย์ ที่คอยเฝ้าลูกผู้เข้าการคัดเลือกเป็นศิษย์ของสำนัก
และอีกเหตุผลหนึ่ง คือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากมีสถานที่นี้ ค่อนข้างอันตราย และอีกอย่างหนึ่ง คือคอยลอบสังเกตผู้คน เมื่อชายหนุ่มสกุลหลิวและสกุลหลี่ ขึ้นมาถึงลานกว้าง บนยอดเขา มีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นั่นแล้ว และพวกเขายังพบใบหน้าที่คุ้นเคยในฝูงชน
เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมาย และมีคนจำนวนมาก ขึ้นมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มสกุลหลิว ก็ไม่แน่ใจเล็กน้อย แต่ในขณะนี้ เขาไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะที่นี่เป็นการคัดเลือกศิษย์ของสำนักเจ็ดนพเคราะห์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีมารยาท
ที่ทางเข้า บริเวณห้องโถงใหญ่ ของสำนักเจ็ดนพเคราะห์ มีชายหนุ่มวัยกลางคน สองสามคนยืนอยู่ที่นั่น เฝ้ามองดูจำนวนผู้คนที่เพิ่มขึ้นในลานของสำนัก ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เนื่องจากพวกเขาสามารถมองเห็นฉากนี้ได้ใน ทุก ๆ ปี แต่เมืองจื่อหยูนั้น มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสี่สำนักใหญ่ และมีผู้คนที่มีคุณสมบัติมากมาย และหลังจากผ่านการทดสอบคัดเลือกศิษย์เข้าสำนัก ก็เหลือคนจำนวนไม่มาก ในทุกๆปี จำนวนคนที่พวกเขาสามารถรับสมัครได้ ไม่เป็นที่น่าพอใจ
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่เข้ามาคัดเลือก ใบหน้าของพวกเขา ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีคนจำนวนมากมาที่นี่ และพวกเขาไม่ได้รับการคัดเลือก แม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง ความสามารถอย่างชัดเจน
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านจะเพิ่มจำนวนศิษย์ที่จะรับคัดเลือกในวันนี้ จริงๆหรือ?”
“แล้วความสามารถของคนเหล่านี้ล่ะ? “เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คิดว่า คนพวกนี้ที่เข้ามาทดสอบ จะไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่พวกเขาจะเรียนรู้และฝึกฝน จนประสบความสำเร็จ มันต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ โอกาสที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จนั้น ต่ำกว่าที่คาดมากเกินไป
ชายชราที่อยู่ตรงกลางห้องโถง ดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบปี หรือหกสิบปีเศษ ผมของเขา กว่าครึ่งนั้นย้อมไปด้วยสีขาว แต่ใบหน้าของเขา ดูเป็นคนใจดี ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และมีริ้วรอยเพียงเล็กน้อย
เมื่อมองไปที่ฝูงชนด้านล่าง เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “พวกท่านก็รู้ข่าวนี้เหมือนกันใช่หรือไม่?”