กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 44
USB:บทที่ 44 ฝึกฝนกำลังภายใน
แต่เดิมมีฝางจื้อห่าวนั้น ใช้ความทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ได้ ตำรานี้มา เขาได้ใช้เวลาและความเพียรพยายามฝึกฝน และยังใช้เงินที่ครอบครัวของเขามอบให้ เพื่อซื้อยาคุณภาพสูงจำนวนไม่น้อย เพื่อมอบให้อาจารย์
ในฐานะที่ฝางจื้อห่าว ไม่มีความสามารถที่จะฝึกฝนกำลังภายในได้ เขาจะไม่มีทางได้รับตำรามา และทางสำนักได้ตั้งกฎว่า ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนตำรา นั้นจะไม่สามารถศึกษามันได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต และไม่สามารถเรียนรู้จากผู้อื่นได้ หากละเมิดกฎจะต้องถูกลงโทษร่วมกัน หากว่าได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนตำรานี้ มีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้นก่อนที่จะถูกเรียกกลับคืนไป เพื่อป้องกันไม่ให้เทคนิคนี้ เล็ดลอดออกไปภายนอก พูดตามตรงก็คือ นี่ไม่ใช่เทคนิคการฝึกฝนระดับสูง แต่ในโลกนี้ คนธรรมดาไม่มีโอกาส ที่จะได้รับ เทคนิคการฝึกฝนกำลังภายใน
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ถ้าหากอาวุโสของสำนัก ทราบว่า หลี่เต๋อหยู ได้ขโมยคัมภีร์ของฝางจื้อห่าวไป แน่นอนพวกเขาจะต้องโกรธมาก มันจะไม่เป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะไม่ถูกขับออกจากสำนัก
อย่างไรก็ตาม ฝางจื้อห่าวซึ่งเป็นยืนอยู่นอกประตูด้วยท่าทีมีความสุข หลังจากเขาหันหลังกลับออกไป “คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์” ที่เขาได้แอบวางไว้ใต้ผ้าห่มของหลี่เต๋อหยู เกิดแสงประกายสักครู่ ก่อนที่จะหายวับไป หลังจากนั้นไม่นาน หนังสือปกสีสันสดใสอีกเล่ม ก็ปรากฏขึ้นที่นั่นอย่างเงียบ ๆ
อีกด้านหนึ่งของโลกมนุษย์
“ เฮ้อ…..วันนี้นั่งรถบัสกลับบ้านเหนื่อยจริงๆ” เมื่อเขาเดินลงจากรถบัส ที่มีคนแออัดพลุกพล่าน ฮวงเฟิงก็เดินเช็ดเหงื่อที่กำลังไหลออกจากหน้าผากของเขา และกล่าวพึมพำ รถบัสคันนี้ เดิมเป็นรถปรับอากาศ แต่วันนี้เครื่องปรับอากาศเสีย และมีคนขึ้นรถมาจำนวนมาก ทำให้แย่งอากาศกันหายใจ เป็นผลให้ เมื่อฮวงเฟิงเดินลงจากรถบัส ทั้งตัวของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
จากนั้นฮวงเฟิ่งก็มุ่งหน้าเดินกลับไปที่บ้านของเขา ฮวงเฟิงไม่สนใจเกี่ยวกับเหงื่อ บนร่างกายของเขาอีกต่อไป สิ่งแรกที่เขาทำคือ ตรวจสอบกล่องจักรวาลว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และในที่สุด กล่องจักรวาลก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังอีกต่อไป
“คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์: เทคนิคการฝึกฝนกำลังภายในขั้นพื้นฐาน ถูกสร้างขึ้นโดย เจ้าสำนักชิงหยุนจื่อ ในคัมภีร์เล่มนี้กล่าวว่า หากว่าสามารถฝึกฝนกำลังภายในจนถึงขีดสุด ก็สามารถใช้คัมภีร์เล่มนี้ได้โดยไม่ต้องส่งกลับคืนสำนัก
แต่ไม่ว่าใครก็ตามยังไม่มีผู้ใดสามารถฝึกฝนมันจนถึงขีดสุดได้”
“ ศิลปะกำลังภายในขั้นพื้นฐาน?” ฮวงเฟิงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขานึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเขานั้นขาดอะไรไป! ไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ เขานั้นอ่อนแอเกินไป เขาจึงอยากได้เทคนิคการฝึกฝน ที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ? แม้ว่าทักษะการใช้คาถานั้นจะไม่แย่เท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือ มันไม่ได้มีพลังมากเกินไปนัก และยังมีอีกแง่มุมหนึ่งก็คือว่า แม้ว่าเขาจะนั่งสมาธิทุกวัน มันก็จะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก ในนิยายที่เคยผ่านตา นั้นแสดงให้เห็นว่า ร่างกายของนักเวทนั้น มักจะอ่อนแอมาก แม้ว่าพลังโจมตีจะแข็งแกร่ง แต่การป้องกันก็อ่อนแอมาก และฮวงเฟิงที่สามารถใช้เวทมนตร์ขั้นพื้นฐานได้ การโจมตีของเขาแม้จะไม่เลว แต่การป้องกันยังคงอ่อนแอ ความแข็งแกร่งเทียบเท่าคนธรรมดาเท่านั้น
นวนิยายศิลปะการต่อสู้ทุกเรื่อง มักจะกล่าวถึงศิลปะกำลังภายใน การฝึกฝนศิลปะความแข็งแกร่งกำลังภายในนั้น สามารถพัฒนาศักยภาพของร่างกายมนุษย์ เพิ่มคุณภาพของร่างกาย และบรรลุเป้าหมายในการบำรุงร่างกายให้แข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่สามารถฝึกฝนศิลปะความแข็งแกร่งกำลังภายในได้ ถึงขั้นสุดยอด แต่มันก็ยังสามารถเพิ่มอายุขัยของตนเองได้
ในอนาคต ฮวงเฟิงจะไม่ต้องกังวลมากเกินไปว่า ตนเองจะได้รับบาดเจ็บ หลังจากฝึกฝนศิลปะกำลังภายใน แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ
ศิลปะกำลังภายใน สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของฮวงเฟิงได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักการโจมตีใด ๆ ก็ตาม เพียงแค่หมัดง่ายๆ ที่อัดแน่นด้วยพลังปราณวิญญาณ พลังของหมัดนั้น จะไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถต้านทานได้
แน่นอนว่าประโยชน์ของ เทคนิคกำลังภายในเหล่านี้ ล้วนเป็นที่รู้จักของฮวงเฟิง จากการอ่านนวนิยายและดูทีวี อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนกำลังภายใน จะมีประโยชน์จริงหรือไม่นั้น….ไม่มีใครรู้ เพราะในโลกแห่งนี้ ไม่มีใครได้ยินว่า…มีใครกำลังฝึกฝนพลังภายในอยู่ ดังนั้นฮวงเฟิงเอง จึงไม่กล้ายืนยันว่า สิ่งที่เขียนไว้ในนิยายและโทรทัศน์เป็นความจริงทั้งหมด
เขาจำได้ว่า นวนิยายหลายเรื่องได้กล่าวไว้ว่า หากจะฝึกฝนได้อย่างเชี่ยวชาญ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าปี ในการฝึกฝน แน่นอนว่า ยกเว้นผู้ที่มีพรสวรรค์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่รู้ผลที่แน่ชัด และไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ในการฝึกฝน แต่การได้รับคัมภีร์เล่มนี้มา มันทำให้ฮวงเฟิงมีความสุขมาก
สิ่งที่ทำให้ ฮวงเฟิงมีความสุขมากขึ้น คือคำอธิบายในคัมภีร์เล่มนี้ คล้ายคลึงกับตัวอักษรจีน นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบ และมีคำอธิบายเฉพาะของคำ ที่ฮวงเฟิงไม่รู้จัก ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเดา และสามารถทำความเข้าใจได้ด้วยตัวเองซึ่งสิ่งนี้ได้เพิ่มความคุ้นเคยและความเร็วในการฝึกฝนของเขาอย่างมาก
สิ่งที่ฮวงเฟิงไม่รู้ ก็คือว่า..แม้ว่าศิลปะกำลังภายในนี้ จะมีการจัดการภายในสำนักที่เข้มงวด แต่มันก็เป็นเทคนิคการพื้นฐาน สำหรับสาวกที่ไม่มีกำลังภายในมาก่อน ที่จะสามารถฝึกฝนได้ นอกจากนี้ ความเข้าใจของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ซึ่งมันจะส่งผลต่อความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขา
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ สำนักเจ็ดนพเคราะห์เท่านั้นที่ทำเช่นนี้ สำนักอื่น ๆ ก็มักจะมีภาพเทคนิคการฝึกฝนพื้นฐานสำหรับศิษย์ของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ของตนเอง เสียเวลาไปกับการทำความเข้าใจเทคนิคการฝึกฝนขั้นพื้นฐานเหล่านี้ พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ และเขียนออกมาจากความเข้าใจมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
อย่างไรก็ตาม เทคนิคและการเคลื่อนไหวระดับสูง มักจะถูกจารึก และบางส่วนก็ไม่มี เพราะยิ่งระดับของเทคนิคการฝึกฝนยิ่งสูงขึ้น คัมภีร์ลับ ก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น แต่ละคนก็มีความเข้าใจในแบบของตนเอง สุดท้ายผลลัพธ์ของการฝึกฝน ก็จะแตกต่างกัน บางคนสามารถสร้างฝึกมันด้วยความบังเอิญ แต่พวกเขาจะสามารถฝึกฝนบางอย่าง ที่เหนือไปกว่าคัมภีร์ลับของพวกเขาได้ แต่แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้หาได้ยากมาก
สำหรับฮวงเฟิงที่พึ่งได้รับ ศิลปะการฝึกฝนกำลังภายใน ทำให้เขาลืมทำอาหาร และอาบน้ำไปชั่วขณะ เขาหยิบคัมภีร์ออกมา และนั่งลงบนเตียง เตรียมศึกษาและฝึกฝน
ฮวงเฟิงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ในแง่ของท่วงท่าของการฝึกฝนกำลังภายในนั้นคล้ายกับการทำสมาธิ ทั้งคู่ต้องนั่งตัวตรง และพยายามทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่สบายที่สุด และหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ระหว่างพวกมัน ฮวงเฟิงจึงสามารถปรับตัวเข้ากับการฝึกฝนกำลังภายใน และเข้าสู่สภาวะการบำเพ็ญเพียรได้อย่างรวดเร็ว
ฮวงเฟิงนั้นรู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นเล็กน้อย และปรากฏร่องรอยของพลังปราณวิญญาณ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขาอีกครั้ง ซึ่งเป็นพลังปราณวิญญาณแรกที่เขาสร้างขึ้นมาได้