กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 73
บทที่ 73 หวั่นไหว
”อาหารมาแล้ว!”ฮวงเฟิงร้องบอก ซูหยูโม่ ไม่นานหลังจากนั้น ฮวงเฟิงเตรียมข้าวผัดไข่เสร็จ เขาพบว่า เมื่อมีคัมภีร์อมฤตอยู่ในมือ เวลาที่ใช้ในการทาหารนั้นลดลงไปมาก
เมื่อฮวงเฟิงตัดข้าวผัดไข่ เปล่งประกายราวกับสีทองลงในชาม คำอธิบายที่ลอยอยู่เหนือกระทะ กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หืม… หอมจังเลย” ทันทีที่ ฮวงเฟิงยกข้าวผัดไข่เข้ามาในห้อง ซูหยูโม่ก็ลุกยืนขึ้น และถามด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่กลิ่นของอาหารอันโอชะ ที่เธอเคยได้กลิ่นมาก่อนหน้านั้นไม่ใช่เหรอ? หรือว่ากลิ่นหอมๆ ที่โชยออกมาในตอนนั้น คือกลิ่นที่ฮวงเฟิงทำอาหารอยู่รึเปล่า?
”ขอนำเสนอผลงานชิ้นเอกโดยฝีมือของผมเอง อาหารรสเลิศ: ข้าวผัดไข่!” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างพึงพอใจ ขณะที่เขานำถ้วยสองใบมาวางไว้ต่อหน้าของซูหยูโม่ เขารู้สึกมีความสุข เพราะไม่เคยเห็นข้าวผัดไข่ที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้เขายังมีความสุขกับการมองดูสีหน้าตกใจที่ฉายอยู่บนหน้าของซูหยูโม่
”ข้าวผัดไข่?”“ ทำไมมันหอมจัง?” ซูหยูโม่ ถามอย่างสงสัย เมื่อกี้ที่เธอได้กลิ่น เธอก็คิดว่ากลิ่นนี้คล้ายกับข้าวผัดไข่ อย่างไรก็ตาม เธอปัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที โดยคิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นแค่ข้าวผัดไข่
“อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้น รีบๆลงมานั่ง ลองชิมฝีมือของผมสิ!” ในฐานะพ่อครัวมือใหม่จากคัมภีร์อมฤต ฮวงเฟิงต้องการให้คนอื่นวิจารณ์ว่า ฝีมือของเขาเป็นอย่างไร แม้ว่าฮวงเฟิงไม่ใช่พ่อครัวมืออาชีพ แต่ตอนนี้เขาก็อยากได้ยินความคิดของซูหยูโม่
ฮวงเฟิงส่งถ้วยหนึ่งใบให้ซูหยูโม่ แต่ซูหยูโม่ก็ยังไม่ยอมยกตะเกียบขึ้นมา เนื่องจากเธอยังคงดมกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่ โดยไม่ยอมหักห้ามใจและลงมือชิมฝีมือของฮวงเฟิงสักที หลักจากนั้น ด้วยกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่นั้น กระตุ้นความอยากอาหารของซูหยูโม่ ทั้งที่เธอไม่ค่อยหิวมากเท่าไร แต่เธอก็อ้าปากกลืนมันเข้าไปทันที และกินอย่างต่อเนื่อง
”เป็นยังไงบ้างฝีมือการทำอาหารของผม…..มันไม่แย่เท่าไรใช่ไหม?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูหยูโม่ ฮวงเฟิงนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
”ใช่ๆ.” ซูหยูโม่ มัวแต่สนใจกินข้าวผัดไข่ โดยแทบไม่มีเวลาคุยกับฮวงเฟิง เธอยกตะเกียบแบบต่อเนื่อง โดยรู้ว่าตนเองนั้นหยุดกินไม่ได้เลย เนื่องจากมันอร่อยมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงนั้น เอาแต่จ้องมองเธอกินข้าว
แต่เธอก็ไม่ได้กินและพูดขึ้นว่า: “คุณไม่หิวเหรอ?” กินเร็ว ๆ สิ”
”ผมรอให้คุณกินเสร็จก่อนผมมีตะเกียบแค่คู่เดียว หรือจะให้ผมใช้มือ ก็คงไม่สะดวก” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาอาศัยอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ฮวงเฟิงจึงมีตะเกียบเพียงคู่เดียว และไม่ได้มีคู่อื่น เนื่องจากไม่มีใครเคยมาที่บ้านชองเขา ตอนนี้เขายกตะเกียบเพียงคู่เดียวให้ซูหยูโม่เอาไปใช้ แล้วรอให้เธอกินเสร็จแล้วค่อยกินข้าวต่อจากเธอ
เมื่อซูหยูโม่รู้ว่า ที่นี่มีตะเกียบเพียงคู่เดียว ซึ่งหมายความว่าตะเกียบเหล่านี้ เป็นตะเกียบที่ฮวงเฟิงใช้กินข้าวมาโดยตลอด และตอนนี้เธอกำลังใช้ตะเกียบของคนอื่นอยู่ ซูหยูโม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่าเธอนั้นจูบหวงเฟิงทางอ้อม
“ทำไมคุณไม่กินต่อล่ะ ไม่อร่อยเหรอ?” ฮวงเฟิงตกตะลึงเมื่อ เห็นซูหยูโม่หยุดกิน ดังนั้นจึงถามขึ้นทันที
”อ๊ะ!ฉันกำลังจะกิน” ซูหยูโม่พูดขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ตอนนี้เมื่อเธอใช้ตะเกียบทุกครั้ง เธอจะรู้สึกแปลกในหัวใจ และความเร็วในการกินของเธอ ก็เริ่มช้าลง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะกินช้าแค่ไหน เนื่องจากขบคิดเรื่องอยู่ในใจ เนื่องจากข้าวผัดไข่นั้นอร่อยเกินไป ทำให้ซูหยูโม่กินหมดโดยไม่รู้ตัว
”ฉันคิดว่าฉันจะอ้วนขึ้นแน่ๆ ฉันกินไปเยอะเลย ” เมื่อเห็นตัวเองกินมาก ซูหยูโม่ก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจตนเอง
”ไม่เป็นไรผมไม่เห็นว่าคุณจะอ้วนเลย” ขณะที่ฮวงเฟิงพูด เขาหยิบตะเกียบจากมือของ ซูหยูโม่ และเริ่มกินข้าวในชามของตนเอง
”คุณ?”ฮวงเฟิงหยิบมันขึ้นมา และกินมันต่อจากซูหยูโม่ทันที ก่อนหน้านี้ซูหยูโม่นั้น ปลอบใจตนเองว่า ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่า ฮวงเฟิงนั้นใช้ตะเกียบคู่นี้มาโดยตลอด แต่ยังไงก็ต้องถูกล้างทำความสะอาดมาก่อนอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่สามารถนับได้ว่าเป็นจูบทางอ้อม
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงนั้น กลับใช้ตะเกียบต่อจากซูหยูโม่ทันที โดยไม่ยอมล้างตะเกียบก่อน ทำให้ซูหยูโม่รู้สึกอายมาก ในใจของเธอ
“มีอะไรเหรอ?” ฮวงเฟิงมองไปที่ซูหยูโม่ ด้วยความสงสัย
ซูหยูโม่เห็นว่าฮวงเฟิงไม่ได้สนใจจึงไม่อยากจะพูดออกมาให้เขาฟัง เดี๋ยวจะสร้างความอึดอัดใจให้เขาเปล่า ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร
”ไม่มีอะไร…กินข้าวต่อเถอะ”ซูหยูโม่ กล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้นฮวงเฟิงก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป เขาไม่ได้รู้ตัวว่า ซูหยูโม่อึดอัดจากการกระทำของเขา เนื่องจากเขาหิวมาก และเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอด เวลานี้เขาจึงไม่คิดอะไรมากเกินไป
”ข้าวผัดไข่นี่รสชาติดีจริง ๆ” ก่อนหน้านี้เขาติดใจ กลิ่นหอมของข้าวผัดไข่ แต่ตอนนี้เขาสามารถลิ้มรสมันได้ในที่สุด
ฮวงเฟิงถึงกับหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ
เมื่อเห็นท่าทางพอใจของฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็หัวเราะ และพูดว่า: “คุณนี่ไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮวงเฟิงพูดคือความจริงวันนี้เขาทำอาหารอร่อยมาก ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำอาหารบ่อย แต่ก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยปรุงอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อน เช่นเดียวกับ ซูหยูโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้กินอาหารที่อร่อยเช่นนี้
ดังนั้นเธอจึงรู้สึกหลงใหลในรสชาติของมัน
ไม่นานหลังจากนั้นฮวงเฟิงก็กินข้าวผัดไข่เสร็จ และเขากินเร็วกว่าซูหยูโม่เล็กน้อย แต่กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นกินไม่อิ่ม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ภายในครัวกลางนั้น วุ่นวายมาก มีคนจำนวนมากกำลังยุ่งอยู่ในครัว
แม้ว่าเขาจะไปทำมาใหม่อีกรอบแต่ก็ต้องรอคิวจนกว่า คนสุดท้ายจะใช้ครัวเสร็จ
“เอาล่ะ มันดึกแล้ว ฉันควรกลับได้แล้ว” ซูหยูโม่ ยืนขึ้นและเตรียมตัวกลับ
”ได้เลยผมจะไปส่งคุณกลับ” ฮวงเฟิงก็ลุกขึ้นยืน เขาไม่ต้องการจะรั้งซูหยูโม่ เนื่องจากวันนี้ดึกมากแล้ว ถ้ายังชวนเธออยู่ต่อไปอีก มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
”ขอบคุณที่พาฉันไปซื้อของและทำอาหารให้กินในวันนี้” เมื่อเดินมาถึงที่รถ ซูหยูโม่ กล่าวขอบคุณฮวงเฟิง
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ไม่ใช่ว่าคุณจ่ายล่วงเวลาผมเหรอ ตราบใดที่เจ้านายพอใจ งานของผมก็จะมั่นคง” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณให้ความสำคัญ กับตำแหน่งรปภ. มากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูหยูโม่ กล่าว
”แน่นอนถ้าผมมั่นคงในการทำงาน ผมก็จะไม่ขาดเงิน” ฮวงเฟิงกล่าวตามความเป็นจริง
”เอาล่ะ…ฉันจะกลับแล้วคุณกลับบ้านไปเถอะ” ซูหยูโม่ กล่าว
“งั้น…ขับรถกลับดี ๆ” ฮวงเฟิงกล่าว
”อืม.”
หลังจากยืนดูรถของซูหยูโม่ขับออกไป ฮวงเฟิงก็กลับไปที่พักของเขา และศึกษา “คัมภีร์อมฤต” อีกครั้ง หลังจาก รอให้ห้องครัวว่าง เขาก็กลับไปที่ห้องครัว คราวนี้ไม่ใช่เพื่อทำอาหาร แต่เพื่อปรับปรุงการทำอาหาร และศึกษาเกี่ยวกับคัมภีร์ต่อ