กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 82
บทที่ 82 เป็นเจ้า
“ไม่ใช่แหวนมิติงั้นหรือ?เป็นไปได้ยังไง? ข้าก็อยู่ที่นั่นตอนนี้โจรขโมยหลุมศพเอามาขายให้ท่านพ่อ ในตอนนี้ท่านพ่อของข้าท่านยังได้ทดสอบด้วยตัวท่านเองเลย ดังนั้นมันเป็นแหวนมิติจริงๆ นะ!” โอวหยางซิงเหวินตะโกนออกมาด้วยความไม่เชื่อ
“นายน้อยใจเย็นๆ ก่อน” ผู้พิทักษ์หลี่มองดูโอวหยางซิงเหวินที่เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นและพูดว่า “นายน้อย ในเมื่อท่านพูดเช่นนั้น งั้นมันก็คงไม่ผิดไปจากนี้ และนายท่านก็คงจะไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด
ดังนั้นสิ่งที่ท่านพูดมานั้นแหวนนี้ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
ผู้พิทักษ์หลี่เห็นได้ชัดว่าต้องมีบางอย่างทะแม่งๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ แหวนจะเปลี่ยนไปเองได้อย่างไรกัน?
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“แน่นอนเมื่อวานนี้ตอนที่ท่านพ่อเอาแหวนนนี้ให้ข้า มันรู้สึกแตกต่างจากแหวนที่ข้าถืออยู่ตอนนี้ รู้สึกว่ามันเป็นโลหะ ยิ่งไปกว่านั้น แหวนนั้นเป็นสีดำแต่ตอนนี้มันเป็นสีขาว แหวนสองวงนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทีเดียว” โอวหยางซิงเหวินพูด
“แปลกจริงๆตามที่ข้าน้อยเข้าใจ แหวนที่นายน้อยพูดถึงเมื่อวานนี้ น่าจะเป็นแหวนมิติ อย่างไรก็ตามตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแหวนวงนี้ไม่ใช่ เมื่อวานนี้นายน้อยอยู่ที่นี่ตลอดเลยใช่หรือไม่?”
ผู้พิทักษ์หลี่ถามเขารู้ว่าโอวหยางซิงเหวินถูกนายท่านกักบริเวณในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่เขาก็รู้ด้วยว่าโอวหยางซิงเหวินไม่ใช่คนซื่อสัตย์
“ไม่ข้าออกไปล่องเรือสำราญเมื่อวานนี้ และจากนั้นข้าก็ไปดื่มเหล้า” โอวหยางซิงเหวินกล่าวขณะที่สั่นศรีษะไปด้วย เขาไม่ได้ปิดบังอะไร ตราบใดที่พ่อของเขาไม่รู้
“อย่างไรก็ตามข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ากลับมา ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับแหวนเลย” โอวหยางซิงเหวินกล่าวด้วยความฉงน
“นายน้อยแน่ใจนะ?”
“ใช่สิต้องเป็นอย่างนั้นแหละ” หลังจากที่เขากลับมาเมื่อวานนี้ เขาก็เมามาก ส่วนใหญ่เขาจำได้ว่าเมื่อเขาออกจากเรือสำราญแหวนยังไม่ได้เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยหลังจากดื่มเหล้าจนเมา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็หันหน้าไปมองดูหวังเอ๋อ หวังเอ๋อคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาเมื่อวานนี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรติดใจเขาเลย
“หวังเอ๋อตอนที่ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ แหวนมันเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหม?”
“ไม่ตอนที่นายน้อยกลับมา แหวนมันไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้เลย” หวังเอ๋อกล่าว
“มันเปลี่ยนไปเมื่อตอนที่ข้ากลับมา”ผู้พิทักษ์หลี่กล่าว “นายน้อย เมื่อคืนนี้มีใครเข้ามาในห้องของท่านหรือไม่?” เขารู้ว่าถึงแม้ว่านายน้อยของเขาจะยังเด็ก แต่ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่จะมีนางกำนัลหรือพาสาวๆ เข้ามาปรนนิบัติภายในจวน
“ไม่มีนะข้าเป็นคนพานายน้อยเข้านอน และก็ไม่มีใครอื่นเข้ามาในตอนกลางคืนเลย” เมื่อเห็นว่าโอวหยางซิงเหวินกำลังมองเขาอยู่ หวังเอ๋อจึงได้อธิบายต่อ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดจบ เขาก็เห็นว่าผู้พิทักษ์หลี่และโอวหยางซิงเหวินเกำลังจ้องมองเขาอยู่ สีหน้าของพวกเขาดูไม่ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอวหยางซิงเหวินที่มองเขาเหมือนว่ากำลังอยู่บนกองเพลิง
“เจ้าหมายความว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่อยู่ในห้องของข้าตอนที่ข้ากลับมาใช่ไหม?”โอวหยางซิงเหวินจ้องหน้าหวังเอ๋อและพูด
“ใช่ขอรับข้าไม่ได้ปล่อยให้คนอื่นมาดูแลนายน้อยเพราะกลัวว่าพวกเขาจะไปรบกวนฝันหวานของนายน้อย” หวังเอ๋อเห็นสีหน้าของโอวหยางซิงเหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไม่ฉุกคิดว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เขายังคงคิดที่จะแก้ตัวต่อหน้าโอวหยางซิงเหวิน
ความจริงก็เป็นเช่นนี้เพื่อที่จะประจบต่อหน้าของโอวหยางซิงเหวินและทำให้ตัวเองเป็นที่โปรดปรานมากขึ้น หวังเอ๋อจึงไม่ค่อยให้คนอื่นมาใกล้ชิดกับนายน้อยของเขา และทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเขาเอง วิธีนี้คนอื่นๆ จึงไม่มีโอกาสที่จะเอาดีเอาเด่นต่อหน้าโอวหยางซิงเหวินเลย และโอวหยางซิงเหวินเองก็ทำได้เพียงสั่งให้คนอื่นทำสิ่งที่พวกเขาต้องการต่อหน้าเขา
“เพียะ!”ก่อนที่หวังเอ๋อจะทันได้คิดอะไร โอวหยางซิงเหวินก็ตบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง ทำให้เขาตกตะลึงอย่างทันที เขาไม่รู้เลยว่าทำไมโอวหยางซิงเหวินถึงได้ตบหน้าเขา
“พูดมาสิแกขโมยแหวนของข้าใช่ไหม?!” ใบหน้าของโอวหยางซิงเหวินเป็นสีคล้ำขณะที่เขาถาม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขากว่าที่เขาจะได้แหวนมิติมา เขาเฝ้าใฝ่ฝันถึงมันมาเป็นเวลานานแต่ก่อนที่เขาจะได้ชื่นชมมัน เขาก็โดยฉกไปเสียนี่
ยิ่งไปกว่านั้นในที่สุดเขาก็เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าเป็นหวังเอ๋อนี่เอง คนที่อยู่ข้างกายของเขามาตลอดเวลา
ถ้าคนอื่นที่คิดจะเปลี่ยนแหวนของเขามันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะว่าเขานั้นสวมแหวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามีใครคิดที่สลับแหวนมิติ มันเป็นไปได้ว่าจะเป็นหวังเอ๋อเพราะไม่มีใครสังเกต
ยิ่งเสริมด้วยคำพูดของหวังเอ๋อมันก็ยิ่งเห็นได้ชัด ว่าแหวนนั้นถูกสับเปลี่ยนไปแต่ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหวังเอ๋อที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดนี่เอง
“ฟุ่บ!”หวังเอ๋อคุกเข่าลงกับพื้นทันทีอย่างไม่ลังเล และเขาก็โต้ออกมาว่า “นายน้อย มันไม่ยุติธรรมเลย ข้าไม่ได้เอาแหวนของท่านไป ข้าไม่ได้เอาไปจริงๆ นะ”
“ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร? แกเป็นคนเดียวที่อยู่กับข้าตลอดเมื่อวานนี้ ใครหน้าไหนจะมีโอกาสทำได้?” โอวหยางซิงเหวินถาม
“ก็ก็ มันอาจจะเป็นใครสักคนที่ขโมยมันไปตอนที่ท่านกำลังดื่มอยู่ก็ได้” หวังเอ๋อพูดติดอ่าง
“ก็แกเพิ่งจะพูดเองนี่นาว่าแหวนมันยังอยู่ตอนที่ข้ากลับมา?”อย่างไรก็ตามโอวหยางซิงเหวินก็ไม่เชื่อคำพูดของหวังเอ๋ออีกต่อไป
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ข้าดื่มเหล้าเมื่อวานนี้ แกก็อยู่กับข้าตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง? แล้วใครมันจะมาขโมยแหวนไปจากข้าได้? นี่แกตาบอดหรือว่าแกปัญญาอ่อนกันแน่?”
“คือคือ?” หวังเอ๋อหน้าบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะความจริงแล้ว ตอนที่เขากลับมาเมื่อวานนี้แหวนของโอวหยางซิงเหวินก็ยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ และมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนี้ไปได้
“คืออะไรล่ะ?พูดมาสิ แกเอาแหวนของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน?” โอวหยางซิงเหวินถาม
“นายน้อยข้าไม่ได้เอาไปจริงๆ นะ ข้าไม่ได้เอาไป ข้าสาบานต่อสวรรค์” หวังเอ๋อกล่าวด้วยความกังวล เขาเองก็รู้มูลค่าของแหวนวงนั้น แล้วเขาจะกล้าที่จะขโมยมันไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังหวังที่จะได้พึ่งพาโอวหยางซิงเหวินด้วยการทำความดีในอนาคต ดังนั้นเขาจึงไม่ขโมยของโอวหยางซิงเหวินแน่ๆ
อย่างไรก็ตามโอวหยางซิงเหวินนั้นไม่ยอมฟังคำพูดของเขา เขาเพียงต้องการที่จะครอบครองแหวนมิติและเขาก็เชื่อว่าหวังเอ๋อเป้นคนที่ขโมยมันไป
ดังนั้นนอกเหนือไปจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่น่าสงสัย
แหวนวงนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่เขาฝันหาแต่ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะว่ามันมีมูลค่าสูง ถ้าท่านพ่อของเขารู้ว่าแหวนหายไปเร็วขนาดนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ถึงแม้ว่าท่านแม่ของเขาจะพยายามที่จะห้ามไว้
ผู้พิทักษ์หลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูโอวหยางซิงเหวินที่กำลังตีและสอบสวนหวังเอ๋อ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดเขาเลย หวังเอ๋อคนนี้มักจะอาศัยความจริงที่ว่า เขาเป็นคนโปรดของนายน้อย เขาจึงดูถูกคนจำนวนมาก