กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 84
บทที่ 84 ลอบโจมตี
ในตอนที่ฮวงเฟิงออกไปซูหยูโม่ก็เบนสายตาจากหน้าจอทีวีและมองไปยังห้องครัว
ขณะที่กำลังมองฮวงเฟิงที่กำลังง่วนอยู่ในครัวซูหยูโม่ก็ตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
แต่เสื้อฟ่าและสิ่งของเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ตั้งใจซื้อให้แก่ฮวงเฟิง
ดังนั้นเพื่อนคนที่เธออ้างถึงนั้นไม่ได้มีอยู่จริง
เธอไม่รู้ว่าทำไมแต่เธอต้องการที่จะพบฮวงเฟิงในตอนนี้จริงๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรหรือไม่ได้พูดอะไรแต่เธอก็ยังต้องการที่จะพบเขา
ทักษะของทั้งสองคนนั้นอยู่ในระดับปานกลาง
และหลังจากกลับจากทำงานปกติแล้วพวกเขาก็จะไม่อยากทำอาหารอีกต่อไป
สำหรับคนอื่นๆก็ยิ่งไม่มีใครเข้าไปอีก
ฮวงเฟิงเป็นคนเดียวที่เป็นเพื่อนเธอและอาจกล่าวได้ว่ามีเซี่ยเหมิงเจี่ยวอีก
เกี่ยวกับความคิดที่แท้จริงของเธอที่มีต่อฮวงเฟิงนั้น
ซูหยูโม่เองก็รู้สึกเบลอเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก
ตอนนี้เธอใช้แค่ความรู้สึกเท่านั้น
“เสร็จแล้วนะไปล้างมือสิ คุณจะได้กินเดี๋ยวนี้แล้ว” ขณะที่ซูหยูโม่ครุ่นคิดอยู่ ฮวงเฟิงก็ออกมาจากห้องครัวและพูด
“เร็วจัง?”ซูหยูโม่พูดออกมาจากจิตใต้สำนึก “หรือว่าคุณจะปรุงอาหารแค่จานเดียวงั้นหรือ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?นี่เป็นอาหารแท้ๆ ตั้งสามอย่างเลยนะและก็มีซุป ฉันรับรองได้ว่ามันเพียงพอแน่นอน” ฮวงเฟิงกล่าว
คนทั้งสองอาหารสามจานและซุปนั้นเกินจะพอ
ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะได้ผลเหมือนกัน
เพราะว่าการใช้คัมภีร์อมฤตความเร็วในการทำอาหารของเขาจึงได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
และในตอนนี้เขาก็ปรุงอาหารสองอย่างได้ภายในเวลาเดียวกัน
ด้วยความเร็วในการปรุงอาหารที่เร็วกว่าคนอื่นจนมาถึงจุดที่เขาสามารถปรุงอาหารสามจานและซุปหนึ่งชนิดได้พร้อมๆ กัน
แม้แต่ข้าวก็ยังไม่สุกเลยด้วยซ้ำดังนั้นเขาจึงต้องใช้ข้าวที่เหลือจากเมื่อวานเอามาปรุงอาหาร
เมื่อซูหยูโม่ล้างมือเสร็จแล้วห้องทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยความหอม
ฮวงเฟิงนั้นถึงแม้จะไม้ได้มาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเชฟเขาก็ยังสามารถที่จะเลี้ยงดูตัวเองได้
ยิ่งไปกว่านั้นคงจะต้องเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอนซูหยูโม่กล่าวขณะที่มองดูอาหารบนโต๊ะ
อาหารเหล่านี้ล้วยถูกปรุงขึ้นโดยฮวงเฟิงโดยใช้วัตถุดิบที่เธอมีในตู้เย็น
ถึงแม้ว่าเธอและเซี่ยเหมิงเจี่ยวจะไม่ได้เข้าครัวบ่อยนัก
แต่ก็ยังพอจะมีวัตถุดิบเก็บไว้อยู่บ้างและบางครั้งพวกเธอก็จะปรุงอาหารเพื่อผ่อนคลาย
“แน่นอนก็แค่ผมไม่ได้สนใจที่จะเป็นเชฟ ดังนั้นผมจึงทำอาหารที่บ้าน” ฮวงเฟิงเกล่าวขณะที่จัดตะเกียบและถ้วยบนโต๊ะ ท่าทางและทัศนคติของเขาทำราวกับว่าเขาอยู่ที่บ้านของตัวเอง
ซูหยูโม่อดไม่ไหวที่จะหยิบอาหารมาชิมและเธอก็รู้สึกในทันทีว่าในปากของเธอนั้นช่วงหอมหวลเหลือเกิน
รสชาติเช่นนี้ลืมฝีมือการทำอาหารของเธอและเซี่ยเหมิงเจี่ยว หรือแม้แต่เชฟโรงแรงชื่อดังไปได้เลย เพราะไม่อาจะที่จะทำอาหารรสชาติเช่นนี้ออกมาได้
“อร่อยเหลือเกินปกติแล้ว เหมิงเจี่ยวและฉันจะทานอาหารนอกบ้าน หลังจากที่ทานมาหลายร้านแล้ว ก็ไม่อาจเทียบกับอาหารที่คุณทำได้” ซูหยูโม่กล่าวขณะที่กินอาหารไปด้วย
“กินข้าวนอกบ้านมันไม่ถูกสุขลักษณะและก็แพงดังนั้นมันไม่คุ้มค่าเลยนะ” ฮวงเฟิงเองก็เริ่มลงมือทานอาหาร
“พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอกฉันกับเหมิงเจี่ยวก็เป็นแค่คนธรมดาๆ ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ที่พวกเราไม่ทำอาหารหลังเลิกงานพวกเราก็ทำได้แค่ทานข้าวนอกบ้านหรือไม่ก็สั่งอาหารมากินที่บ้าน” ซูหยูโม่กล่าว
“นั่นก็จริงเมื่อก่อนผู้หญิงเป็นคนทำอาหาร แต่ปัจจุบันนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำอาหารแล้วล่ะ” ฮวงเฟิงกล่าว
ซูหยูโม่กรอกตาใส่เขาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เพราะว่าเธอเองก็ไม่รู้วิธีทำอาหาร
“งั้นถ้าแฟนของคุณในอนาคตเธอทำอาหารไม่เป็นล่ะ?”ซูหยูโม่กล่าว
“ก็ไม่เป็นไรยังไงผมก็ทำอยู่แล้ว” ฮวงเฟิงกล่าว
“อย่างไรก็ตามมันก็คงจะดีกว่าถ้าจะหาใครสักคนที่ทำอาหารเป็น มันคงจะน่าสนใจมาถ้าคนสองคนได้ทำอาหารร่วมกัน ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมันยากเหลือเกิน”
เมื่อก่อนนี้ฮวงเฟิงไม่ชอบทำอาหารเลยแต่เมื่อเขาได้รับ “คัมภีร์อมฤต” เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ค่อนข้างที่จะกระตือรือร้นที่จะทำอาหาร
ซูหยูโม่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
อาหารทั้งสามจานและซุปดูเหมือนจะเยอะแต่ในท้ายที่สุดซุปก็หมดโดยคนทั้งสองคน ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว หลังจากที่ซูหยูโม่อิ่มแล้ว เธอก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้และบ่นว่าเธอกินมากเกินไป
“ถ้าฉันได้กินอาหารของคุณทุกวันนะฉันต้องอ้วนจนไม่มีหน้าจะไปพบใครได้เลยล่ะ” ซูหยูโม่กล่าว
“จะเป็นไปได้ยังไง?คุณนี่ประเมินค่าความมีเสน่ห์ของตัวเองต่ำเกินไปนะ ถ้าคุณบอกว่าคุณอยากจะมีแฟนในตอนนี้
ผมรับรองได้เลยว่าผู้คนมากมายจะต้องมาเข้าแถวจากที่นี่จนถึงเมืองหลวงเลยทีเดียว”ฮวงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วคุณล่ะ?คุณจะมาเข้าแถวด้วยไหม?” ซูหยูโม่ถามเรียบๆ
“ผมหรือ?”ฮวงเฟิงตกใจ และจากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมจะไปเป็นคนแรกเลย!”
ซูหยูโม่ยิ้มด้วยความดีใจสุดๆ
หลังจากมื้ออาหารฮวงเฟิงก็อยู่ต่ออีกสักพักและก็กลับไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลับไปแล้วเขาก็ได้นำสิ่งของต่างๆ ที่ซูหยูโม่ให้เขากลับไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคู่ควร
“แบบนี้ก็ไม่เลวเลยถ้ามีของดีอย่างนี้ในอนาคตแม้ว่าฉันจะต้องทำอาหารสักสิบมื้อ ฉันก็เต็มใจที่จะไปเดินเล่นรอบถนนสักสิบวัน” ฮวงเฟิงหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองสิ่งของในมือ
ในตอนที่ฮวงเฟิงลงจากรถประจำทางก็เป็นเวลามืดค่ำแล้วและแสงไฟที่ถนนก็ส่องสว่าง
ในเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนหนุ่มสาวที่ชอบใช้ชีวิตยามค่ำคืนชอบนอนหลับพักผ่อนมากที่สุด
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้มีเงินติดกระเป๋า
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะสถานที่ที่ฮวงเฟิงพักอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างห่างไกล
ดังนั้นในเวลาที่ดึกเช่นนี้จึงไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก
บนถนนไม่มีผู้คนเดินเท้ามากนักแต่โชคดีที่ฮวงเฟิงไม่ใช่คนขี้ขบาด ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินมาถึงตรอกมืดๆ แห่งหนึ่ง เขาก็พบว่ามีคนยืนอยู่ตรงกลางทางเดิน ซึ่งไม่รู้ว่าเขาคนนั้นทำอะไรอยู่
“นี่มันก็ดึกดื่นแล้วมาเดินคนเดียวกลางถนนมืดๆ คงไม่ได้จะมาทำให้คนอื่นกลัวใช่ไหม?” ฮวงเฟิงพึมพำกับตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก
“แกชื่อฮวงเฟิงใช่ไหม?”เมื่อฮวงเฟิงกำลังจะเดินผ่านคนๆนั้นอยู่เขาก็เปิดปากถามฮวงเฟิงอย่างไม่คาดคิด
“ใช่แล้วคุณเป็นใคร? พวกเรารู้จักกันหรือ? นี่ฉันเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมใครๆ ก็รู้จักฉัน?”
ฮวงเฟิงกล่าวบางอย่างออกมาด้วยความสงสัย
ดูจากรูปร่างและน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักคนๆ นี้
“มีแกคนเดียวนี่แหละ!”เสียงของเขาค่อนข้างต่ำและแหลมและเมื่อเทียบกับเสียงรอบๆ มันให้ความรู้สึกที่น่ากลัว
จากนั้นก่อนที่ฮวงเฟิงจะมีปฎิกิริยาอะไร ชายคนนั้นก็ฟาดเขาเข้าให้ กำปั้นของเขาทุบเข้าที่หน้าอกของฮวงเฟิง
นอกเหนือจากพลังภายในและเวทมนตร์ของเขาแล้วฮวงเฟิงก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง การโจมตีของคู่ต่อสู้ของเขานั้นกะทันหันมากและเขาก็ไม่มีเวลาตอบโต้ ก่อนที่เขาจะถูกส่งให้ลอยไปด้วยหมัด