กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 107 พิรุจ
บทที่ 107 พิรุจ
ที่ปรึกษากระทรวงจางสงสัยว่าของเหล่านั้นได้ถูกขโมยไปโดยไส้ศึก
แต่นั่นก็มีเหตุผลเช่นกันเมื่อวานนี้ที่จวนมีโอกาสที่มีความสุข มีผู้คนมากมาย
แต่ในขณะเดียวกันการลาดตระเวนก็ดีขึ้นมากดังนั้นบุคคลภายนอกจึงไม่มีโอกาสมากนัก
นอกจากนี้ผู้คุมเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนใหม่สำหรับที่นี่พวกเขามีประสบการณ์และความสามารถอีกด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนนอกจะเข้ามาขโมยของเหล่านั้นไปจากพวกเขาในเมื่อวานนี้
นั่นเป็นผลให้ที่ปรึกษากระทรวงจางสงสัยว่ามีคนทรยศและผู้คุ้มกันเหล่านี้น่าสงสัยที่สุด!
นั่นคือเหตุผลที่เขาเรียกย่าเหมินให้มาช่วยเขา
หากแต่ว่าผลการค้นหาของย่าเหมินก็ทำให้เขาค่อนข้างผิดหวังเพราะพวกเขาไม่พบอะไรเลย
พวกเขาตรวจค้นห้องของคนรับใช้ทั้งหมดรวมทั้งผู้คุ้มกันด้วย แต่ก็ยังหาไม่พบ
“ฉันคิดผิดงั้นหรือ?”ที่ปรึกษากระทรวงจางมองไปที่ผู้คนด้านล่างอย่างไร้ความรู้สึกและคิดใคร่ครวญ
เมื่อผู้คุ้มกันชิวเห็นว่าย่าเหมินค้นห้องแล้วเขาก็สงบมากขึ้น
เขายังดีใจที่สิ่งของทั้งหมดที่เขาขโมยไปนั้นได้ถูกคนอื่นขโมยไปแล้ว
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ถูกจับได้แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาควรจะขอบคุณหรือเกลียดคนที่ขโมยของไปกันแน่
อย่างไรก็ตามผู้คุ้มกันชิวเองก็เหมือนกันกับที่ปรึกษากระทรวงจาง เขาอยากรู้ว่าสิ่งของเหล่านั้นหายไปไหน
เขาต้องการดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนขโมยพวกมันไปมาจากใต้จมูกของเขา
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิดหวังเช่นกันที่ย่าเหมินไม่พบอะไรเลย
แม้ว่าย่าเหมินจะไม่มีข้อมูลใดๆเพิ่มเติม
แต่ที่ปรึกษาของกระทรวงจางก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เขาต้องการให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างบอกกันไปปากต่อปากและหากมีใครที่ทำตัวแปลกๆเมื่อวานนี้
แน่นอนว่าหากพวกเขาสามารถช่วยเขาให้ค้นหาสิ่งเหล่านั้นได้เขาก็จะตอบแทนพวกเขาอย่างมากในท้ายที่สุด
คนรับใช้ถูกชักจูงโดยรางวัลของที่ปรึกษากระทรวงจางแต่รางวัลนั้นก็ได้มายากเช่นกันเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
ผู้คุ้มกันชิวใจเย็นมากเขาไม่คิดว่าเขาจะมีพิรุธใดๆ ตอนนี้พระหยกและไข่มุกราตรีได้หายไปแล้วทั้งคู่ และไม่มีใครเห็นการกระทำของเขาอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
เพียงแค่นั้นมันยังเร็วเกินไปที่ผู้คุ้มกันชิวจะมีความสุขและเมื่อเขามองไปที่ผู้คุ้มกันคนอื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
จู่ๆหนึ่งในนั้นก็เยาะเย้ยเขา ผู้คุ้มกันชิวสะดุ้งแล้วก็เริ่มตกใจเพราะคนๆ นี้เป็นผู้คุ้มกันที่มีคุณสมบัติเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาเขาก็คงจะได้เป็นหัวหน้าองครักษ์ที่นี่
ดังนั้นการแข่งขันระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจึงไม่เคยเกิดขึ้น
ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดแม้ว่าผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ที่นี่จะรับฟังคำสั่งของเขา
แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ลานแห่งนี้จะไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาสักคนแม้ว่าจะอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วก็ตาม
”นายท่านข้ามีอะไรจะบอก!” ชายคนนั้นมองไปที่ผู้คุ้มกันชิว เขาเดินออกไปและโค้งคำนับขณะที่เขาพูด
“เจ้ารู้อะไรงั้นหรือ?”ที่ปรึกษากระทรวงจางกล่าวด้วยความหวัง
”ครับนายท่านถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนขโมยพระหยกและไข่มุกราตรีไป แต่ข้าก็รู้ว่ามีคนโกหก”
“อ้าว?แล้วใครกันล่ะ?”
”คนนั้นก็คือผู้คุ้มกันชิว!” ในขณะที่ชายคนนั้นพูดเขามองไปที่ผู้คุ้มกันชิวและเห็นแววตาตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา
“นายท่านเมื่อบ่ายวานนี้มีคนเห็นผู้คุ้มกันชิวออกมาจากลานหลังบ้านและถือของขวัญออกมาด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเขาไม่ได้อยู่ที่ลานหน้าบ้านเพื่อฟังการแสดงตลอดเวลา” ชายคนนั้นพูด
“เป็นผู้คุ้มกันชิวอย่างนั้นหรือ?”ที่ปรึกษากระทรวงจางกล่าวกับผู้คุ้มกันชิว
”ครับมันเป็นเช่นนั้น เมื่อครู่ข้าน้อยพูดผิดไป ข้าเพิียงแค่ลาดตระเวนในพื้นที่นั้นและตรงไปที่ลานหน้าบ้านในตอนบ่าย” ผู้คุ้มกันชิวอยากจะปฏิเสธจริงๆ
แต่ไม่ใช่แค่คนเดียวที่เห็นเขาในเวลานั้นซึ่งถ้าเขาปฏิเสธมันก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้น
“แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ”ที่ปรึกษากระทรวงจางถามด้วยเสียงที่ดุดัน
”มันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง”เขาลืมไปได้ยังไงว่าเมื่อวานเจอผู้คุ้มกันอยู่สองสามคน
ยิ่งไปกว่านั้นผู้คุมเหล่านั้นก็เป็นศัตรูของเขาหากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเขาไม่บอกว่าเขากำลังฟังการแสดงอยู่ และคงจะบอกว่าเขากำลังลาดตระเวนอยู่แทน
“นายท่านข้าน้อยนึกขึ้นได้ว่าเส้นทางลาดตระเวนได้ถูกสั่งไปแล้วเมื่อเช้าวานนี้ แต่จู่ๆ ผู้คุ้มกันชิวก็พูดขึ้นมาว่าควรจะเปลี่ยนเส้นทางการลาดตระเวน ในตอนนั้นข้าน้อยไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะช่วงเวลาระหว่างที่เส้นทางลาดตระเวนถูกปรับเปลี่ยนมันนานขึ้นมาก หลังจากที่เราเดินผ่านลานบ้านพร้อมกับของขวัญ” ชายคนนั้นพูดต่อ
”จับผู้คุ้มกันชิวไว้!”เมื่อที่ปรึกษากระทรวงจางได้ยินเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม แต่กลับสั่งผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ทันที
เขาไม่ต้องการให้ผู้คุ้มกันชิวสารภาพในทันทีและตราบใดที่ผู้คุ้มกันชิวเป็นผู้ต้องสงสัย
เขาก็จะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาดเพราะว่าพระหยกนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งดังนั้นแม้ว่าจะมีความสงสัยเพียงเล็กน้อยเขาก็จะไม่ยอมแพ้
เพียงแค่นั้นเมื่อเขาพูดจบผู้คุ้มกันคนอื่นๆก็ยังไม่ได้เตรียมใจเลย ผู้คุ้มกันชิวเป็นผู้นำของพวกเขามาเป็นเวลานานและคำพูดของเขาก็กะทันหันเกินไป
คนอื่นๆพากันตกตะลึง แต่ผู้คุ้มกันชิวไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเขาจึงเป็นกังวลมาตลอด
ตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าที่ปรึกษากระทรวงจางไม่ได้ให้โอกาสเขาอธิบายตัวเองและสั่งให้จับตัวเขาทันที
และเขารู้ว่าเรื่องนี้ถือได้ว่าเขาถูกเปิดโปงตราบใดที่เขาเป็นต้องสงสัย ที่ปรึกษากระทรวงจางก็จะทารุนเขาเพื่อให้เขาสารภาพ
ดังนั้นก่อนที่ใครจะปฏิกิริยาอะไรผู้คุ้มกันชิวก็ได้หนีออกไปจนพ้นระยะของพวกเขาและรีบวิ่งออกจากลาน
ที่ด้านนอกของลานมีแค่เพียงพวกย่าเหมินแค่เพียงแท่านั้นและพวกย่าเหมินเหล่านี้ก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ผู้คุ้มกันชิวเฝ้ามองขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าและมีแสงที่เลือดเย็นแวบเข้ามาในดวงตาของเขา”ไป!”
แม้ว่าเขาจะเตรียมพร้อมที่จะรับมันไว้แล้วแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้คุ้มกันชิว
ดังนั้นเขาจึงถูกส่งให้ลอยออกไปโดยหมัดของผู้คุ้มกันชิว
หลังจากนั้นผู้คุ้มกันชิวก็รีบวิ่งออกไปจากลานโดยไม่ลดความเร็วลงเลย!
”ไล่ตามเขาไป!ตามจับมันมาให้ได้! ถ้าจับเขาได้ฉันจะให้ตำลึงเงินหนึ่งร้อยก้อน!” ที่ปรึกษากระทรวงจางตะโกนออกมา
จากนั้นผู้คุ้มกันคนอื่นๆก็ตอบสนองและไล่ตามเขาไป
ตัวเขาเองนั้นไม่ได้รับสิ่งของอะไรเลยแต่สุดท้ายเขาก็ถูกบังคับให้หนีไป
เขารู้ว่าถ้าเขาไม่หนีไปที่ปรึกษากระทรวงจางก็จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พบสิ่งของใดก็ตาม