กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 113 ปลอดภัย
บทที่ 113 ปลอดภัย
แม้ว่าชายหนุ่มจะโกรธมากแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะชักชวนให้พี่เปียวดื่มต่อไป เพราะถ้ามันชัดเจนเกินไปพี่เปียวจะสงสัยเขาได้
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูอย่างไม่เต็มใจนัก
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเตะเปิดออกจากทางด้านนอกและโชคของเขาก็แย่นัก
ในขณะที่เขาเดินไปที่หลังประตูประตูก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีการเตรียมการใดๆ เขาโดนประตูกระแทกเข้าให้อย่างจังจนรู้สึกวิงเวียน
”แม่งเอ้ยใครมันตาบอดถึงได้กล้ามาที่นี่แล้วยังทำตัวเลวทรามแบบนี้!?” พี่เปียวกล่าวด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว
อย่างไรก็ตามคนที่มาถึงไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากคนที่เข้ามามองดูเขาจากในห้องส่วนตัวและตระหนักว่าเทียนหลินยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและเดินไปพูดว่า:”น้องเล็กขอโทษที่พี่มาช้า”
“พี่!”เมื่อเธอได้ยินเสียงของเทียนจุ้น ความกังวลใจและความกลัวที่เธอเคยรู้สึกมาตลอด ในที่สุดก็พังทลายลง
“ไม่ต้องร้องไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะ” เทียนจุ้นปลอบใจ
”พี่เร็วเข้า รีบออกไป พวกมันจะทำร้ายพี่!” ทันใดนั้นเทียนหลินก็นึกย้อนไปถึงคำพูดของพี่เปียว
นี่คือถิ่นของพี่เปียวศัตรูพวกนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย ถ้าพวกเขาเริ่มโจมตีก่อน พี่ชายของเธอก็จะตกอยู่ในอันตราย
“เทียนจุ้นงั้นเหรอ?!”ยังไงซะเขาก็ต้องเจอเทียนจุ้น เพราะฉะนั้นมันก็คงจะดีกว่าถ้าเขามาหาเอง และสาวงามคนนี้ก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้ เขาค่อยไปตามหาเธอทีหลังก็ได้
ส่วนชายหนุ่มอีกด้านหนึ่งเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะโกรธอะไร เมื่อเห็นว่าเทียนจุ้นได้ปรากฎตัวขึ้น เขาก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก
“พวกคุณสองพี่น้องมีอะไรจะพูดงั้นเหรอ?พากันกลับบ้านไปคุยกันเถอะ” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดินตามเทียนจุ้นเข้ามา
“จะออกไปอย่างนั้นเหรอ?มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” ชายหนุ่มกล่าว
ไม่ใช่เหตุผลที่เขาสร้างสถานการณ์เช่นนี้มาตั้งนานก็เพื่อที่จะได้เห็นเทียนจุ้นและพี่เปียวต่อสู้กัน?
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเข้าต้องการที่จะฉวยโอกาสกำจัดเทียนจุ้นไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อเทียนจุ้นได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วเขาจะปล่อยเทียนจุ้นไปง่ายๆได้อย่างไร?
และในเวลานี้พวกอันธพาลจำนวนมากต่างพากันเข้ามาจากทางด้านนอก
และพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกน้องของพี่เปียวเมื่อพี่เปียวเห็นลูกน้องทั้งหลายของเขาเข้ามา
เขาจึงมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความชื่นชมจากนั้นกล่าวกับเทียนจุ้นว่า:”ดีแล้วที่แกมา”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับแกหรอกนะ”เทียนจุ้นกล่าว: พี่เปียว ฉันจะเรียกพี่ว่าพี่เปียวอีกครั้ง เพราะฉันได้ทำงานให้พี่ตั้งหลายอย่างแล้วนะ จริงไหม?”
“แกคิดว่าที่นี่คือที่ไหน?แกอยากจะมาแกก็มา แกอยากจะไปแกก็ไปอย่างนั้นเหรอ” พี่เปียวกล่าว “และยิ่งไปกว่านั้นแกก็ก้าวเข้าสู่โลกแห่งศิลปะการต่อสู้แล้ว แล้วแกจะไปทิ้งฉันไปตอนไหนก็ได้ตามใจแกงั้นหรือ?”
“ฉันเองก็คิดมาหลายวันแล้วว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมปล่อยฉันไปเสียที?” เทียนจุ้นกล่าว
“เพราะว่าแกเป็นคนมีความสามารถและฉันก็ไม่อยากให้แกไปเข้าพวกกับคนอื่นไงล่ะ” พี่เปียวกล่าว
“ฉันจะไม่ไปเข้าพวกกับใครอีกแล้วฉันได้ลั่นวาจาไว้แล้ว ฉันก็แค่อยากใช้ชีวิตปกติ” เทียนจุ้นกล่าว
“พี่เปียวอย่าไปเสียเวลาพูดกับมันเลย มันกล้าใจแข็งที่จะไม่ไว้หน้าพี่และยังไม่อยากกลับมาอยู่กับพี่อีกแล้ว พวกเราต้องกำจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะ”
ในเมื่อเทียนจุ้นไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับพี่เปียวถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องถือโอกาสนี้ทำให้มันพิการไปซะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตำแหน่งของเขาในอนาคตก็จะมั่นคง
“ฉันขอถามแกอีกครั้งแกจะกลับมาอยู่กับฉันไหม?” ในใจของพี่เปียวนั้นยังคงหวังว่าเทียนจุ้นจะกลับมา
เพราะว่าเขาต้องการคนมีทักษะอย่างเทียนจุ้นจริงๆถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะกำจัดเทียนจุ้น
“ฉันว่าเขาได้พูดไปแล้วนะ นี่แกหูหนวกหรือเปล่า? เขาได้พูดไปแล้ว ว่าเขาจะไม่ติดตามแกอีกต่อไปแล้ว ทำไมถึงยังมาถามซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้?” ฮวงเฟิงกล่าว
“แล้วแกเป็นไใคร?!”ในตอนนี้ในที่สุดพี่เปียวก็สังเกตเห็นว่ามีอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เทียนจุ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้เขามัวแต่พุ่งความสนใจไปที่เทียนจุ้นจนไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ไม่น่าเชื่อเลยนะแกให้คนมาสั่งสอนฉันตั้งสองสามครั้ง แล้วแกยังจำฉันไม่ได้อีกงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงกล่าววาจาโอหัง: “ฉันชื่อว่า ฮวงเฟิง!”
“แกนั่นเอง!”พี่เปียวเบิกตากว้างในทันที เขาไม่รู้จักฮวงเฟิงจริงๆ เขารู้เพียงแค่ว่าเขาได้ส่งคนไปสั่งสอนเขาหลายครั้งแล้ว
“แล้วทำไมแกสองคนถึงมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ?”
ตามจริงแล้วฮวงเฟิงและเทียนจุ้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และเขาก็ยังเคยส่งเทียนจุ้นให้ไปสั่งสอนฮวงเฟิงมาก่อนหน้านี้แล้ว
“พี่เปียวงั้นพี่ก็จัดการมันทั้งสองคนพร้อมกันเลยสิ!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ กล่าว
พี่เปียวเองก็พยักหน้าเพื่อยืนยันความคิดของเขา จากนั้นเขาก็จำได้ว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่เทียนจุ้นจะรู้จักกับเจ้า รปภ. ผู้ต่ำต้อยคนนี้
เพราะว่าทั้งสองคนรู้จักกันและอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ซึ่งหมายความว่าฮวงเฟิงก็คงจะไม่มีความสามารถอะไรและเหตุผลที่ว่าเขายังคงสบายดีก็คงไม่ใช่เพราะเทียนจุ้นไม่ได้ไปทำร้ายเขา แต่เป็นเพราะว่าเทียนจุ้นไม่ได้โจมตีเขาเลยต่างหาก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นความโกรธของพี่เปียวที่มีต่อเทียนจุ้นก็ยิ่งทวีมากขึ้น
เทียนจุ้นคนนี้มันไปเข้าพวกกับคนอื่นเพื่อที่จะมาหลอกลวงเขาใช่ไหม?
“พี่เปียวก็ดีสิที่เจ้า รปภ.คนนี้อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราจะได้จัดการมันตอนนี้เลย วิธีนี้พวกเราก็จะได้แต้มจากนายน้อยหยู และพวกเราก็จะได้มีเงินทุนเพิ่มมากขึ้น” ชายหนุ่มเดินมาที่ด้านข้างของพี่เปียวและกล่าว
พี่เปียวเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรถึงแม้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับเหลาหยูและต้องการที่จะให้บทเรียนกับพวกนั้น แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้กระทบเขาจากการทำเงิน และเขาเองก็ไม่ได้ขัดข้องกับเรื่องเงิน
ดังนั้เขาจึงรับข้อเสนอนี้และค่อยจัดการกับเหลาหยูในภายหลัง
“เอาล่ะนี่มันก็สายมากแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ” ฮวงเฟิงกล่าวกับเทียนจุ้น
เพราะว่าเขาลางานไว้แค่ครึ่งวันและยังคงต้องกลับเข้าไปทำงานในตอนบ่าย
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเงินอย่างไม่คาดคิดมาแล้วเมื่อตอนเช้าแต่เขาก็ยังคงต้องไปเข้ากะ
เทียนจุ้นพยักหน้าแต่ในใจของเขาก็รู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายที่จะออกไปจากที่นี่
ดังนั้นเขาจึงกระซิบบอกเทียนหลินไม่ให้ตื่นตระหนกถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าแกต้องการไปจากที่นี่ฉันเกรงว่ามันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
สายตาที่พี่เปียวจ้องมองมานั้นช่างเยือกเย็นดูราวกับว่าเทียนจุ้นได้กระชากหัวใจของเขาไปเพราะว่าเขาไม่ต้องการที่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาได้หลอกลวงพี่เปียวและในตอนนี้อีกเขาไม่เคยมีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อเลย
“พี่เปียวทำไมพี่ยังเสียเวลาต่อปากต่อคำกับพวกมันอีก หักแขนหักขามันซะเถอะ!”
ถึงแม้ว่ามันจะดูว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เทียนจุ้นกลับมาอยู่กับเขาอีกแต่เขาก็ไม่อยากที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียนจุ้นถูกห้อมล้อมไปด้วยลูกน้องคนอื่นๆ เขาก็ยิ่งทวีความอิจฉาเทียนจุ้น
และในตอนนี้โอกาสที่จะแก้แค้นก็ได้มาถึงแล้วแล้วเขาจะพลาดได้อย่างไรล่ะ?