กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 114 ไม่เป็นอย่างที่คิด
บทที่ 114 ไม่เป็นอย่างที่คิด
“เทียนจุ้นอย่าหาว่าฉันไม่สุภาพเลยนะ แก ฮวงเฟิง ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้คิดที่จะจัดการแก แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าแกจะรนหาที่มาถึงที่นี่ ตอนนี้ก็คงต้องโทษได้แค่ว่าแกมันโชคไม่ดีเอาเสียเลย!” พี่เปียวกล่าว”
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้วถ้าแกต้องการที่จะสู้ งั้นก็รีบเข้ามาเลยสิ” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างหมดความอดทน
เขามีเวลาเหลือไม่มากนักและมันก็เกือบจะเที่ยงแล้ว
เขายังต้องรีบกลับไปกินข้าวก่อนที่จะเข้างานในตอนบ่าย
ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งได้รับเงินมาก้อนใหญ่เมื่อเช้านี้แต่ฮวงเฟิงก็ไม่เคยมีนิสัยที่จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
ถ้ามีอะไรที่เขาจะประหยัดเงินได้เขาก็จะทำ
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเทียนจุ้นและน้องสาวของเขาจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่กลัวเลย
พวกเขารู้ว่าลูกน้องของพี่เปียวมีความแข็งแกร่งขนาดไหนและในเวลาเดียวกันพวกนั้นก็รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงใด
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพี่เปียวและชายหนุ่มไม่ได้คิดแบบนี้
พวกเขาทั้งสองเชื่อว่าแม้ว่าเทียนจุ้นจะไม่อ่อนแอ
แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทนได้อย่างแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายที่เข้าโจมตีเขา
ในทางกลับกันฮวงเฟิงจะไม่ใช่ผู้ช่วยของเทียนจุ้นแต่เขาจะเป็นภาระของเทียนจุ้นเสียด้วยซ้ำเพราะฮวงเฟิงนั้นไม่ได้มีทักษะใดๆ เลย
แต่เทียนจุ้นมีภาระถึงสองอย่างดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชนะ
”ทุกคนเข้าโจมตีได้! จับพวกมันแบบเป็นๆ นะ!” พี่เปียวพูดกับลูกน้องของเขา
เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายไม่คาดคิดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อลูกน้องของพี่เปียวได้ยินสั่งแต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าโจมตีในทันที แต่กลับมองหน้ากันด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจนักที่จะเข้าโจมตีเทียนจุ้น
พวกเขาไม่ได้สนใจฮวงเฟิงมากนักแต่สำหรับเทียนจุ้นนั้นแตกต่างออกไป
หลายคนคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีและภายใต้การนำของเทียนจุ้นก็ทำให้พวกเขาสามารถขยายอาณาเขตได้
นอกจากนี้เทียนจุ้นก็ยังเป็นคนดีดังนั้นพวกเขาจึงเคารพและชื่นชมเขามาก
”เป็นอะไรไปคำพูดของฉันไม่มีประโยชน์งั้นเหรอ?” เมื่อพี่เปียวเห็นปฏิกิริยาของลูกน้องทั้งหลาย
ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มคำพูดของเขาไร้ประโยชน์ตั้งแต่เมื่อไรกัน? คนเหล่านี้พยายามที่จะกบฏเขางั้นหรือ?
ภายใต้การมองของพี่เปียวในที่สุดก็มีคนเข้าโจมตี
อย่างไรก็ตามหลายคนที่นี่เพิ่งจะเข้าร่วมหลังจากขยายอาณาเขตแล้วและพวกเขาไม่ได้ประทับใจเทียนจุ้นมากนัก
สำหรับพวกเขาแล้วพี่เปียวก็คือเจ้านายของพวกเขา
ถ้ามีคนหนึ่งรุกก็จะมีคนอื่นๆ ตามมา
แม้กระทั่งคนที่ไม่เต็มใจแต่ภายใต้การจ้องมองของพี่เปียวแล้วพวกเขาก็จะต้องเข้าโจมตีเช่นกัน
แต่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าพวกเขาต้องการเอาชนะเทียนจุ้นจริงๆหรือเพียงแค่แสดงว่ากำลังเข้าเข้าโจมตีเทียนจุ้น ซึ่งมีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้
แม้ว่าลูกน้องของเขาจะเข้าโจมตีแล้วแต่สีหน้าของพี่เปียวก็ยังไม่ดีนัก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเทียนจุ้นจะมีอิทธิพลในหมู่คนของเขาเช่นนี้
ถ้าเทียนจุ้นอยู่กับเขานานกว่านี้อีกหน่อยเมื่อถึงเวลานั้นก็คงยากที่จะบอกได้ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านาย
ถึงแม้ว่าพี่เปียวยังต้องการที่จะรักษาชีวิตเทียนจุ้นเอาไว้แต่มันก็เป็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะรักษาตำแหน่งของเขามากกว่า
ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงไม่ได้มีความคิดที่จะเก็บเทียนจุ้นไว้อีกต่อไป
เมื่อเห็นสีหน้าของพี่เปียวชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะออกมา เพราะไม่ว่าวันนี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร พี่เปียวก็คงจะไม่เก็บเทียนจุ้นไว้อีกต่อไปแล้ว
เขาก็ทำได้เพียงแค่โทษที่เทียนจุ้นมีความสามารถที่จะเอาชนะใจคนจำนวนมากได้อย่างเงียบๆ
ฮวงเฟิงและเทียจุ้นมองหน้ากันและทั้งสองคนก็เข้าใจโดยอัตโนมัติว่าพวกเขาต้องรีบแล้ว
สำหรับน้องสาวของเทียนจุ้นนั้นเขาได้สั่งให้เธอหลบอยู่ที่มุมทางด้านหลังของพวกเขา และตราบใดที่พวกเขาไม่เสียท่าพวกนั้นเธอก็จะยังคงไม่เป็นอะไร
ฮวงเฟิงหวดกำปั้นเข้าใส่คนตรงหน้าของเขา
อีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะยังไม่เคยรู้จักพลังของฮวงเฟิงและอยากที่จะเข้ามาเพื่อหยุดเขา
ทิศทางของกำปั้นของฮวงเฟิงนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปไหนและหมัดของเขาก็พุ่งตรงเข้าใส่คนๆ นั้น
อ๊า!
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของอีกฝ่ายและในเวาลนั้นมือขวาของเขาก็สัมผัสเข้ากับหมัดของฮวงเฟิง มันก็กลายเป็นรูปร่างที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้ จนมาถึงจุดที่ว่าเขาได้ยินเสียงกระดูกแตกดังลั่นและทำให้คนที่ได้ยินเสียงนั้นถึงกับขนหัวลุก
และร่างของเขาก็ปลิวไปอย่างไร้การควบคุมจากการปะทะนั้นและไปกระทบเข้ากับอีกคนหนึ่งอย่างจัง
ฮวงเฟิงที่กำลังลมออกหูก้มตัวลงต่ำและเหยียดขาข้างขวาของเขาออกไป ทำให้ร่างกายของเขาหมุนรอบถึง 180 องศาขณะที่ขาขวาของเขาเตะเข้าอย่างจังไปที่ต้นขาของคนๆ นั้นที่กำลังจะปล่อยหมัดออกมา
จัดการไปได้หนึ่งคนแล้ว!
ฮวงเฟิงรู้สึกตืี่นเต้นอยู่ในใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะของเขาอย่างไม่ลังเลใจ และไม่ได้อาศัยเวทมนต์เลยด้วย
อีกทั้งผู้คนมากมายที่อยู่ที่นี่และแสงที่ส่องมาจากตะเกียงก็ค่อนข้างสว่างการใช้เวทมนต์จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก
และทักษะการต่อสู้ของคนเหล่านี้ก็อยู่ในระดับปานกลาง
เป็นเพราะว่าฮวงเฟิงนั้นมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งดังนั้นการเลือกที่จะต่อสู้แบบบ้าดีเดือดนั้นก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว
ฮวงเฟิงต้องจัดการอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างของเขาแต่ทางด้านนั้นก็ยังเร็วกว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับฮวงเฟิงแล้วทักษะการต่อสู้ของเทียนจุ้นนั้นเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยจนถึงจุดที่เกินความคาดหมายของพี่เปียว
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเทียนจุ้นนั้นเก่งกาจเรื่องการต่อสู้และเมื่อได้เห็นเขาต่อสู้เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเทียนจุ้นในวันนี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า
ความจริงแล้วเทียนจุ้นในวันนี้ก็เป็นการต่อสู้แบบปกติของเขา และเหตุผลเพราะว่าน้องสาวของเขาถูกจับตัวมา
และความจริงที่ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาจนเกือบทำให้เทียนหลินน้องสาวของเขาเกือบกลายเป็นแพะรับบาป
ตอนนี้บางสิ่งที่เกือบจะเกิดขึ้นนั้นทำให้เขาต้องระงับความโกรธในใจ
แน่นอนว่ายังมีคนอื่นๆที่ไม่ค่อยมีทักษะและบางคนก็ได้แสดงฝีมือจริงๆ ออกมา
ในขณะที่ฮวงเฟิงเอาชนะสองคนได้ในระยะเวลาอันสั้นเขาก็ได้จัดการพวกนั้นไปได้สักสี่หรือห้าคนแล้ว
ฮวงเฟิงไม่ต้องการที่จะล้าหลังกว่าเทียนจุ้น
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกำลังภายในของเขาเพื่อปกปิดมือและเท้าของเขาเอาไว้
แน่นอนว่าฮวงเฟิงนั้นใช้เพียงแค่กำลังภายในของเขาเท่านั้น
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงแต่ความสามารถในการหลบหลีกของเขาก็อยู่ในระดับปานกลาง
เขายังถูกตีที่ด้านหลังสองสามครั้งแต่โชคดีที่อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงนัก
พวกของพี่เปียวตระหนักได้ว่าพวกเขายังคงประเมินความแข็งแกร่งของฮวงเฟิงและเทียนจุ้นต่ำไป
ภายใต้การล้อมกรอบของผู้คนจำนวนมากทั้งสองคนนั้นยังคงไม่เป็นอะไรและแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้เลย
เขาเองไม่ได้เก่งในการต่อสู้แต่ตอนนี้เขาได้แสดงเจตนาร้ายต่อฮวงเฟิงและเทียนจุ้นมากเกินไปแล้ว
เมื่อคนเหล่านี้ถูกล้มลงทั้งสองคนคงจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นในใจของเขาจึงกลัวเป็นอย่างมาก
สีหน้าของพี่เปียวก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นกันเขาไม่เคยคิดว่าสิ่งต่างๆ จะพัฒนามาถึงระดับนี้
และในเวลานี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกเขาจะจัดการได้อย่างสงบสุข
เมื่อคิดถึงจุดนี้การจ้องมองของเขาก็ยิ่งดูเย็นชามากขึ้นขณะที่เขาหยิบกริชออกมาจากอกเสื้อของเขา