กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 116 ผู้อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 116 ผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อได้ยินคำของฮวงเฟิงสีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นตกใจ แต่เขาก็ยังฝืนตัวเองให้สงบและพูดว่า: “สิ่งที่ฉันทำไปก็แค่หวังดี”
อย่างไรก็ตามเทียนจุ้นเองก็ไม่เชื่อคำพูดของเขาอย่างเห็นได้ชัด
คนทั้งสองโดยปกติแล้วไม่เคยต่อสู้กันและในตอนนี้ลูกสมุนคนนี้ก็ต้องการที่จะฉุดน้องสาวของเขามา
ในเวลานี้เขากลับพูดว่าเพราะเขาหวังดีมันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ดังนั้นเทียนจุ้นจึงเชื่อในสิ่งที่ฮวงเฟิงพูด
สมุนคนนี้ต้องการให้เขาต่อสู้กับพี่เปียวที่ลุกเป็นไฟแต่เมื่อคิดว่าสมุนคนนี้ต่อต้านเขามาตลอดและอยากให้เขาจากไป คำอธิบายนี้มันมีความหมายมากกว่า
ชายหนุ่มต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เทียนจุ้นไม่ให้โอกาสเขา
เขาก้าวขึ้นไปเหยียบที่แขนของเขาแล้วหมุนไปทางซ้ายทีขวาที
ชายหนุ่มต้องการดิ้นรนแต่ก็ไร้ผล
หลังจากที่ขึ้นเหยียบอีกฝ่ายแล้วเทียนจุ้นก็หันกลับมาและเดินไปหาพี่เปียว
ใบหน้าของพี่เปียวซีดลงทันทีในขณะที่เขากล่าวว่า:”เทียนจุ้น แกจะทำอะไร? ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน จะไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
พี่เปียวรู้สึกกลัวอย่างมากแต่คำขู่ของเขาไม่มีประโยชน์กับเทียนจุ้น
เพราะก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่เทียนจุ้นต่อสู้เพื่อพี่เปียวเพื่อที่จะโค่นเจ้านายทั้งหลายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นคนที่มีความเมตตาดังนั้นถึงแม้ว่าพี่เปียวจะข่มขู่อะไร แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหยุด
อ๊าก!
พี่เปียวส่งเสียงร้องเหมือนควายถูกเชือดเหมือนกับชายหนุ่มคนก่อนหน้านั้น
แต่สีหน้าของเทียนจุ้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวของเขาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้
”ไปกันเถอะ”หลังจากที่เหยียบพี่เปียวแล้ว เทียนจุ้นก็หันไปพูดกับน้องสาวของเขาและฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงยักไหล่หันหลังกลับและจากไปอย่างไม่สนใจโลก
ในวันนี้เขาก็แค่ผ่านมาช่วยธุระของคนอื่นก็แค่นั้นและสำหรับเทียนจุ้นที่ต้องจัดการกับเรื่องของวันนี้ด้วยวิธีนี้ซึ่งนั่นก็เป็นปัญหาของเขา
”ขอบคุณสำหรับวันนี้”นี่เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของเทียนจุ้นรู้สึกอิ่มเอมและเขาก็กล่าวด้วยความขอบคุณ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฮวงเฟิงได้แอบป้องกันไม่ให้พี่เปียวขยับตัว
แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ขอความช่วยเหลือจากฮวงเฟิงและฮวงเฟิงเองก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
นอกจากนี้ภายในห้องส่วนตัวอย่างในตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฮวงเฟิงแล้ว เขาก็อาจจะไม่สามารถดูแลเรื่องนี้ได้เนื่องจากเขายังมีน้องสาวอยู่ข้างกาย
ดังนั้นเขาจึงยอมรับความกรุณาของฮวงเฟิง
”ไม่เป็นอะไรหรอกวันนี้ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมาก”ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
สาเหตุที่เขามาที่นี่ด้วยความเต็มใจเป็นเพราะอีกฝ่ายจับเด็กสาวบริสุทธิ์มาซึ่งทำให้เขาทนดูไม่ได้
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาเองก็เป็นศัตรูกับพี่เปียว
”ฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณถึงสองครั้งอย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากฉันในอนาคต ก็อย่าลังเลที่จะสั่งฉัน” เทียนจุ้นเป็นคนรักษาสัจจะ
”ยังไงก็เถอะในเมื่อน้องสาวของคุณได้รับการช่วยชีวิตแล้ว ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอีก ถ้าอย่างนั้นฉันต้องไปก่อน อ้อใช่แล้ว ช่วยฉันดูแลเอกสารเรื่องบ้านด้วย ฉันอยากไปอยู่ที่นั่นให้เร็วที่สุด” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย เพราะเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยในตอนแรก
”ไม่มีปัญหา”เทียนจุ้นพยักหน้า
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็แยกทางกันฮวงเฟิงเตรียมที่จะกลับไปที่ บริษัทของเขา ในขณะที่ฮวงเฟิงเองไม่รู้ว่าสองคนพี่น้องไปไหน
ในห้องก่อนหน้านี้เมื่อฮวงเฟิงและคนที่เหลือจากไปแล้ว
ชะตากรรมที่น่าสังเวชของชายหนุ่มผู้ยั่วยุก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะไม่ให้โดนเทียนจุ้นจัดการเขาได้พูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่ควรพูด
ก็เพราะว่าในเวลานั้นเขาไม่มีเวลาคิดเลยแต่เขาก็ได้ทำให้พี่เปียวไม่พอใจอย่างแน่นอน
แขนของพี่เปียวพิการเขาถูกตีโดยเทียนจุ้นและได้ตัดความสัมพันธ์กับเขาโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมากและต้องการที่จะหาทางออกเพื่อระบายความโกรธของเขา
”แม่งเอ้ยฉันบอกให้แกแจ้งตำรวจและพวกแกทุกคนกลับทรยศฉัน” พี่เปียวลุกขึ้นยืน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้แขนข้างหนึ่งได้ และเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ
แต่เขาก็ยังมีอีกหนึ่งมือและอีกหนึ่งเท้าดังนั้นเขาจึงสามารถชกและเตะชายหนุ่มได้เหมือนกัน
“พี่เปียวฉันผิดไแล้วจริงๆฉันผิดจริงๆ โปรดปล่อยฉันไปเถอะ” ชายหนุ่มไม่กล้าตอบโต้และไม่กล้าหลบ
เขาทำได้เพียงแค่ยอมให้พีเปียวทุบตีเขา
พี่เปียวที่กำลังโกรธและยังไม่หยุดทุบตี
ชายหนุ่มถูกเตะอย่างแรงเขาหยุดหลังจากนั้นไม่นานนักไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ต้องการต่อสู้ แต่เพราะเขาเหนื่อยเนื่องจากว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
“พี่เปียวฉันไม่เคยคิดที่จะทรยศพี่เลย ฉันแค่ไม่ต้องการให้เทียนจุ้นกลับมา” ชายหนุ่มคนนั้นต้องพูดความจริงตอนนี้ มิฉะนั้นพี่เปียวอาจจะฆ่าเขาทั้งเป็นได้
“นี่แกจะกลับคำงั้นเหรอ?”อย่างไรก็ตามในใจของเขา เขาได้ยืนยันคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว
ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่ฮวงเฟิงได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้และยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มคนนี้มักจะไม่ค่อยดีกับเทียนจุ้น
“พี่เปียวฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว” จมูกของชายหนุ่มถูกเตะจนเลือดไหลออกมามาก
แต่เขาก็ยังคงให้ความสนใจกับอาการบาดเจ็บของตัวเองและยังคงร้องขอความเมตตาจากพี่เปียว
ถึงแม้ว่าทัศนคติของเขาจะดีบางทีเขาอาจคิดว่าการแสดงของเขาดี แต่สุดท้ายพี่เปียวจะไม่ฆ่าเขาอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็สาหัสเอาเรื่อง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ขอพี่เปียวก็ดังขึ้นเป็นเหลาหยูอีกแล้ว
อันที่จริงหลังจากวางสายจากวันนั้นเหลาหยูก็ยังคงกลัว
ท้ายที่สุดพี่เปียวคนนี้เป็นคนโกงมันคงไม่ดีนักถ้าทำให้เขาขุ่นเคือง
อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์นั้นพี่เปียวดูเหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเขาเองก็รู้สึกโล่งใจ
แต่หลังจากที่เขาโล่งใจได้ไม่นานเขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ
หลังจากที่เขาทำจดหมายหายต่อหน้าถงเฉียนโดยที่เขาทำธุระที่นี่ไม่เสร็จ
พี่เปียวก็ไม่ได้คืนเงินให้เขาเลยและยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอันธพาลตัวน้อยนี้ก็ปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทีแบบนั้น
แต่กระนั้นพี่เปียวก็ช่างกล้าดูถูกเขาแบบนั้นจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุข ดังนั้นวันนี้เขาจึงโทรมาทวงเงิน
พี่เปียวมองไปที่หมายเลขผู้โทรแต่ไม่ได้คิดที่จะรับโทรศัพท์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่คิดว่าเหลาหยูจะกล้าโทรหาเขา
”ฉันจะให้โอกาสแกแก้ตัวแกจงไปจัดการไอ้คนนี้ ตราบใดที่ยังไม่มีใครตาย” พี่เปียวโยนโทรศัพท์ใส่หน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นยืนและมองไปที่หมายเลขผู้โทร