กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 129-130
บทที่ 129 ชวน
สายเรียกเข้าจากกัวเหลียงไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่เป็นเพราะว่าสหายคนนี้ไม่สามารถที่จะอดทนต่อความเดียวดายได้ และต้องการที่จะออกไปเที่ยวกลางคืน
ฮวงเฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ในเมื่อไม่มีอะไรจะต้องทำอยู่แล้ว เขาจึงตกลง
แต่อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่รู้ว่ากัวเหลียงได้เรียกให้เขามาทำไม
เมื่อเขามาถึงที่บาร์เขาก็พบเพียงกัวเหลียงและโจวหรูหรานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
“นี่พวกนายจะไม่ปล่อยให้ฉันมาเป็นมือที่สามเลยใช่ไหมเนี่ย?”เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัวเหลียงและโจวหรูหรานนั้นดีอยู่แล้วและสำหรับฮวงเฟิงเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นแค่เรื่องกระเซ้าเย้าแหย่กัน
“ไม่มีทางนี่ก็ยังไม่มีใครมาเลย” กัวเหลียงกล่าว
“คงจะไม่ใช่กัวเมิ่งหานหรอกนะใช่ไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
“คำตอบของคุณถูกต้องแล้วเด็กน้อย นี่แกคิดถึงฉันใช่ไหม? แกเดาเอาจากสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม?” กัวเหลียงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ฮวงเฟิงกรอกตาและกล่าวว่า“ถ้าฉันรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ฉันคงจะมาพร้อมกันกับเธอนั่นแหละ”
“แกหมายความว่ายังไง?”กัวเหลียงถามด้วยความสงสัย
ในเวลานี้นั้นกัวเมิ่งหานก็มาถึงทันเวลา สายตาของกัวเหลียงนั้นกวาดมองคนทั้งสองขณะที่เขากำลังคิดว่ามีนัยบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของฮวงเฟิง
“ฉันพักอยู่ที่เดียวกันกับเธอ”ฮวงเฟิงไม่ได้ปิดบังอะไรเขา
“ห๊า!”กัวเหลียงและโจวหรูหรานต่างพากันตกใจด้วยกันทั้งคู่
กัวเหลียงมองดูฮวงเฟิงและกล่าวว่า“แล้วนายย้ายไปตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย?”
คนทั้งสองติดต่อกันอย่างเป็นประจำดังนั้นกัวเหลียงรู้มาตลอดว่าฮวงเฟิงนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไกลออกไป
มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เอ่ยปากที่จะช่วยฮวงเฟิงแต่เป็นเพราะฮวงเฟิงเองที่ไม่เคยเห็นด้วย
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆฮวงเฟิงจะย้ายบ้านอย่างเงียบๆ ในตอนนี้?
ไม่เพียงแค่นั้นเขายังไปอยู่ที่เขตเดียวกันกับกัวเมิ่งหานอีกด้วย
“ฉันเพิ่งจะย้ายมาวันนี้เอง”ฮวงเฟิงหัวเราะเบาๆ และกล่าวออกมา
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่านายย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านของเธอ?นี่นายตั้งใจงั้นเหรอ?” กัวเหลียงพูดขณะที่เขามองดูฮวงเฟิงพร้อมกับจะยิ้มก็ไม่เชิง
ใบหน้าของกัวเมิ่งหานแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อยเพราะเธอเข้าใจความหมายของกัวเหลียง
จริงๆแล้วเมื่อตอนที่เธอพบกับฮวงเฟิงเมื่อตอนบ่าย ในใจของเธอเองนั้นก็สงสัยเช่นกัน
“ครั้งที่แล้วตอนที่ฉันไปส่งเธอกลับบ้านฉันก็ได้มองดูพื้นที่พักอาศัยรอบๆ ไว้อยู่ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เลวนักและมันก็ใกล้ที่ทำงานของฉันด้วย ดังนั้นฉันก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่” ฮวงเฟิงอธิบาย
“เหตุผลแค่นั้นจริงๆหรือ?” เห็นได้ชัดว่ากัวเหลียงนั้นไม่เชื่อเขา
“เอาล่ะพวกเรามาสั่งอะไรกันก่อนดีกว่า กินไปคุยไปก็ได้” โจวหรูหรานที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นกัวเมิ่งหานเขินอายจึงได้เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาในทันที
“ใช่ใช่ สั่งมาสักสองสามอย่าง อาหารวันนี้เพื่อเลี้ยงฉลองให้เจ้าบ้า และนี่เป็นรางวัลของแก” กัวเหลียงกล่าวขึ้นมาทันที
“ไม่มีปัญหา”ฮวงเฟิงกล่าว ในที่สุดเขาก็ย้ายออกมาจากที่นั่นแล้ว และมันก็น่าจะเป็นเวลาสำหรับการเลี้ยงฉลองจริงๆ นั่นแหละ
จริงๆแล้ว วัตถุประสงค์ของการมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อให้กัวเหลียงและโจวหรูหรานได้สนทนากัน และจุดประสงค์หลักก็คือจับคู่ให้ฮวงเฟิง
ตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้กัวเมิ่งหานเองก็ไม่ได้เกลียดฮวงเฟิงและยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อเขาเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกัวเหลียงและโจวหรูหรานถึงอยากจะจับคู่ให้เขา
ในเวลาเดียวกันเป็นเพราะว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาทั้งคู่เป็นฮวงเฟิงและซูหยูโม่ไปปรากฏตัวอยู่ด้วยกันที่ห้าง
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนแต่คนทั้งคู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
เพราะว่าฮวงเฟิงเป็นเพื่อนที่ดีกัวเหลียงจึงไม่อยากให้เพ้อฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และในท้ายที่สุดก็คว้าไว้ได้เพียงแค่ลมเท่านั้น
แต่เพราะทั้งกัวเหลียงและโจวหรูหรานไม่คาดคิดว่าฮวงเฟิงจะย้ายบ้านในตอนนี้
แล้วยังย้ายมาอยู่ในเขตเดียวกับกัวเมิ่งหานอีกด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะได้อธิบายให้พวกเขาทราบแล้วแต่พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่เชื่อและคิดว่าฮวงเฟิงเองก็ต้องคิดอะไรบางอย่างกับกัวเมิ่งหานเป็นแน่
ทั้งฮวงเฟิงและกัวเมิ่งหานนั้นเข้าใจสิ่งที่กัวเหลียงและโจวหรูหรานพูดไม่มากก็น้อยแต่คนทั้งสองก็ไม่ได้พูดออกมาดังๆ
ฮวงเฟิงรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นและยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเขาแก้ตัวมากเท่าไรมันก็ยิ่งจะทำให้กัวเมิ่งหานเจ็บปวด
แต่กัวเมิ่งหานเองไม่ได้อธิบายอะไรเพราะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
แน่นอนว่าเป็นเพราะว่าเธอเองนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดฮวงเฟิงเช่นกันและยังมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาด้วยซ้ำ
ถ้าคนทั้งสองพยายามลองปรับตัวเข้าหากันเธอเองก็คงจะไม่ยากนักที่จะยอมรับเขา
ในขณะที่ฮวงเฟิงและอีกสามคนกำลังกินดื่มกันอยู่ที่บาร์นั้น
ซูหยูโม่ก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยเมิ่งเจียวว่าเธอนั่งเครื่องกลับมาวันนี้และซูหยูโม่ก็ได้ขับรถไปรับเธอที่สนามบิน
”นี่มันน่าโมโหนักไอ้พวกสารเลวนั่นหลอกฉันมาตั้งนานแล้ว” ภายในสนามบินหลังจากที่ซูหยูโม่รับเพื่อนแล้ว เธอก็ขับรถกลับ
เมื่อพวกเขาขึ้นรถเซี่ยเมิ่งเจียวก็เริ่มบ่น เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นที่นั่น
“ฉันไม่ได้บอกเธอก่อนว่าถ้าเธอทำไม่ได้เธอก็สามารถกลับมาได้งั้นหรือ? ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราและมันก็น่าเสียดายถ้าเราจะเสียเขาไป แต่ถ้าหากเธอยังคงรบกวนเขาต่อไปแม้จะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ก็เท่ากันเธอกำลังสร้างปัญหาอยู่นะ” ซูหยูโม่กล่าว
“ฉันยอมไม่ได้”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวว่า: “ฉันไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก่อนหน้านี้ความร่วมมือของเรานั้นดีมากไม่ใช่หรือ? และในตอนนี้ออคิดบีนกรุ๊ปก็ได้ก้าวเข้ามาและทิ้งเราไว้ในฝุ่น นี่มันมากเกินไปแล้ว”
”มันไม่มีอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์หรอก”ซูหยูโม่วิเคราะห์ว่า:“ เป็นไปได้ไหมว่าออคิดบีนกรุ๊ปได้ให้สัมปทานจำนวนไม่น้อยเพื่อที่จะโจมตีพวกเรา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องแปลกใจเลย”
”ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นแหละ”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวว่า: “เดิมทีฉันอยากจะอยู่ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่วันนี้ฉันพบว่าพวกนั้นกำลังพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือใหม่กับออคิดบีนกรุ๊ป และมีความคืบหน้าของการเจรจามาก ดังนั้นฉันจึงรีบกลับมา”
“กลับมาก็ดีเหมือนกันเราไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนและถูกอีกฝ่ายจับได้อย่างไม่ได้เตรียมตัว ต่อไปนี้พวกเราจะจัดการกับพวกเขาอย่างระมัดระวัง พวกเขาจะเอาเปรียบเราง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้” ซูหยูโม่กล่าวอย่างมั่นใจ เธอและเซี่ยเมิ่งเจียวได้พัฒนาเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปมาเป็นอย่างดีในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มีความสามารถ
”ใช่ถูกต้อง” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความมั่นใจ: “โอ้ ใช่ฉันได้ยินมาว่าพวกที่เกลียดชังเราพวกนั้นโจมตีผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรางั้นเหรอ?”
”ใช่พวกเขาติดสินบนคนของเราคนหนึ่งและเกือบจะประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามพวกเราาก็ยังหยุดได้ทันเวลา” ซูหยูโม่กล่าว
”คนพวกนี้น่ารังเกียจจริงๆไม่มีทาง พวกเราต้องหาโอกาสโจมตีพวกเขาด้วย” เซี่ยเมิ่งเจียวผู้ที่ไม่เคยต้องทนทุกข์กับการสูญเสียและไม่สามารถอดทนได้ ตอนนี้เธอทุกข์ทรมานมาก แล้วเธอจะยอมแพ้โดยไม่รั้งอะไรไว้ได้อย่างไรกันเล่า?
“ตราบใดที่ผลิตภัณฑ์ของเราออกขายมันก็จะเป็นการโต้กลับที่ดี” ซูหยูโม่กล่าว
“ฉันเองก็รู้เรื่องนั้นดีแต่ฉันแค่รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับคำพูดเหล่านั้น พาฉันไปหาอะไรดื่มหน่อยสิ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“นี่เธอจะไม่กลับบ้านไปก่อนงั้นหรือ?”ซูหยูโม่ถาม
“ไม่ล่ะตรงไปที่บาร์เลยดีกว่า” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวตอบ
บทที่ 130 ไอ้คนทะลึ่ง
ด้วยเป็นคำขอของเซี่ยเมิ่งเจียวซูหยูโม่จึงไม่ปฏิเสธ เธอรู้ดีว่าเซี่ยเมิ่งเจียวคงจะเจ็บปวดมาในช่วงเวลานี้
ในตอนแรกเธอภูมิใจมากแต่ในตอนนี้เธอเจ็บปวดมากและแน่นอนว่าเธอคงจะไม่สบายใจอย่างแน่นอน
ดังนั้นทั้งสองคนจึงยังไม่กลับเข้าบ้านแต่พวกเขาสุ่มหาบาร์ตามรายทางที่ผ่านและเข้าไป
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบาร์เซี่ยเมิ่งเจียวก็สั่งไวน์มาเป็นจำนวนมาก
ซูหยูโม่หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้แต่เธอก็เป็นเพื่อนนั่งดื่มกับเซี่ยเมิ่งเจียว แต่เธอก็ต้องบังคับตัวเองเป็นอย่างมากเพื่อที่จะไม่ให้ดื่มมากจนเกินไป
เมื่อซูหยูโม่เป็นเพื่อนเซี่ยเมิ่งเจียวดื่มเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าฮวงเฟิงเองก็อยู่ภายในบริเวณบาร์แห่งนั้นเช่นกัน
พวกเขาทั้งสองคนอยู่ห่างกันค่อนข้างมากและที่บาร์แห่งนั้นก็มีผู้คนมากมายดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่เจอกัน
ฮวงเฟิงเองก็ดื่มอยู่กันกัวเหลียงและโจวหรูหราน
ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในบทสนทนานั้นก็คือพวกเขาต้องการให้ทั้งสองคนรู้จักกันและกัน
ในเมื่อฮวงเฟิงรู้สึกได้ถึงจุดนี้แน่นอนว่ากัวเมิ่งหานเองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน
“ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะพวกนายกินกันต่อเถอะ” ฮวงเฟิงตัดสินใจที่จะปลีกตัวไปจากกับดักของกัวเหลียงสักครู่
“เด็กน้อยเอ้ย”เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังพยายามที่จะหลบหนี กัวเหลียงก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“พอเถอะเมิ่งหานก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ” โจวหรูหรานพูดอย่างรวดเร็วกับแฟนหนุ่มของเธอ
“เมิ่งหานฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้บ้าคนนี้มันเป็นคนดี และเธอเองก็ยังเป็นโสด เธอจะไม่พิจารณามันสักหน่อยหรือ?” กัวเหลียวกล่าว
“พี่กัวอย่าล้อฉันเล่นเลย” กัวเมิ่งหานกล่าวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
โจวหรูหรานมองดูกัวเหลียงและส่งสัญญาณไม่ให้เขาเชียร์เพื่อนมากเกินไป
คนทั้งสองคนควรที่จะตกลงใจกันเอง
ในท้ายที่สุดไม่ว่าฮวงเฟิงและกัวเมิ่งหานจะคบหาดูใจกันหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของคนสองคน
กัวเหลียงเมื่อเห็นสัญญาณจากโจวหรูหรานจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
อีกด้านหนึ่งนั้นกัวเมิ่งหานก้มหน้าลงต่ำขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นฮวงเฟิงตั้งใจที่จะไปเข้าห้องน้ำจริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าไม่ชอบกัวเมิ่งหาน แต่ยิ่งกัวเหลียงพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเขาจึงได้ปลีกตัวออกมา
ตอนนี้เขาและกัวเมิ่งหานมาพักอาศัยอยู่ในตึกเดียวกันและยังห่างกันเพียงแค่ชั้นบนกับชั้นล่าง
เมื่อฮวงเฟิงออกมาจากห้องน้ำก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา เธอรวบผมขึ้นไว้บนศรีษะและด้วยแสงไฟในห้องน้ำมันช่างริบหรี่ ทำให้ฮวงเฟิงไม่สามารถที่เห็นหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
อีกฝ่ายเองก็เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเข้าห้องน้ำเช่นกันและขณะที่ฮวงเฟิงกำลังจะหลีกทางให้แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เมื่ออีกฝ่ายได้อ้วกใส่ตัวของเขา
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นเมามาก
ฮวงเฟิงขมวดคิ้วขณะที่เขามองดูเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะถูกคนอื่นอ้วกใส่มาเยอะแล้วก่อนหน้านี้ก็คือซูหยูโม่ แล้วในตอนนี้ก็ยังเป็นผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก
หลังจากที่เธออ้วกใส่ฮวงเฟิงแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ร่วงลงไปที่พื้น ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่พอใจที่อีกฝ่ายอ้วกใส่ แต่เขาก็ไม่ต้องการเห็นเธอร่วงลงไปกองกับพื้นเพราะอีกอย่างพื้นนั้นมันก็แข็ง
ฮวงเฟิงรีบประคองเธอขึ้นและบอกให้เธออยู่ห่างๆจากกองอ้วก
“คนสวยคนสวย ตื่นสิ” ฮวงฟิงพยายามเขย่าผู้หญิงที่อยู่ในวงแขน
ดูเหมือนว่าเธอจะสะอื้นเล็กน้อยเมื่อเงยหน้าขึ้น เธอมองดูฮวงเฟิงด้วยความสงสัยบางอย่างและเมื่อเธอเห็นว่าเธออยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึั้นทันทีและเธอก็สติแตกเป็นอย่างมาก
จากนั้นขณะที่เธอกำลังจะตบหน้าฮวงเฟิง ฮวงเฟิงก็ขมวดคิ้วและคลายอ้อมแขนแล้วคว้ามือของเธอเอาไว้ “คนสวย ทำไมคุณถึงจะตบผมอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ล่ะ?”
“แกไอ้คนทะลึ่ง ที่ฉันจะตบแกก็เป็นเพราะแกนั่นแหละ” เมื่อเห็นว่ามือของเธอนั้นถูกจับเอาไว้ สาวสวยจึงต้องการที่จะดิ้นให้หลดุ แต่ด้วยความแข็งแรงของฮวงเฟิงทำให้เธอไม่อาจทำได้ เธอติดอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“ไอ้สารเลยปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย!” เมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถที่จะเป็นอิสระได้ สาวสวยจึงขู่ออกมาเสียงดัง
โชคดีที่ห้องน้ำนี้ค่อนข้างอยู่ในหลืบจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านใน
“ทำไมคุณเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ล่ะ?”“ข้อแรก คุณอ้วกใส่ผม แล้วผมเห็นว่าคุณกำลังจะล้มลงบนพื้นผมถึงได้ช่วยพยุงคุณขึ้นมา คุณไม่ขอบคุณผมแล้วยังจะมาตีผมอีก คุณนี่มันสถุลจริงๆ! ถ้าผมรู้ว่าจะเป็นแบบนี้นะ ผมปล่อยให้คุณร่วงลงไปตายซะก็ดี”
“แกกล้าเรียกฉันว่าสถุลงั้นเหรอ?” สาวสวยตะโกนใส่ฮวงเฟิง
“แล้วคุณไม่สถุลงั้นเหรอ?”ฮวงเฟิงตอบ
ความจริงแล้วในเวลานี้ สาวสวยจำได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้อ้วกใส่อีกฝ่ายจริงๆ และเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงเขาจึงได้ช่วยพยุงเธอเอาไว้
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเธอจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่เมื่อฮวงเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและกำลังเอาเปรียบเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงยังด่าเธอว่าสถุลเพราะถึงแม้ว่าเธอเองจะหยาบคายกับเขาก่อนก็จริง แต่เธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาพูดแบบนี้กับเธอ
“ฉันจะตีแกให้ตายไอ้คนทะลึ่ง!” สาวสวยกล่าวด้วยความโมโห
“นี่มันไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ!”ฮวงเฟิงเองก็ขี้เกียจที่จะทะเลาะกับเธอ เขาจึงหันหลังกลับและเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะล้างตัว
“แก?”สาวสวยต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงเพิกเฉยเธอจึงไม่ตอบโต้อะไรอีก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีและราวกับว่าเธอกำลังจะอ้วกออกมาอีกครั้งดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำหญิงในทันที
เมื่อฮวงเฟิงกลับออกมาจากในห้องน้ำอีกคร้งเขาก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาไม่สนใจและคิดเสียว่าเขาเจอคนบ้า
“เกิดอะไรขึ้นกับแกน่ะ?ทำไมเสื้อผ้าแกถึงได้เปียกอย่างนี้ล่ะ?” เมื่อฮวงเฟิงกลับเข้ามา เขาก็เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ
“ฉันไปเจอคนเมาแล้วมาอ้วกใส่ฉันน่ะฉันก็เลยไปล้างตัวมา” ฮวงเฟิงกล่าว
“แกนี่โชคไม่ดีเลยนะครั้งที่แล้วแกก็เจอเรื่องแบบนี้ที่ห้องน้ำ” กัวเหลียงเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ใยดี
สำหรับโจวหรูหรานและกัวเหลียงคนทั้งคู่มองดูฮวงเฟิงพร้อมกับอมยิ้ม
เขาโชคไม่มีมากจริงๆฮวงเฟิงเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“เมิ่งเจียวกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมเธอถึงไปเข้าห้องน้ำนานจังเลย?” ซูหยูโม่กล่าวกับเซี่ยเมิ่งเจียวที่เพิ่งจะกลับมา
ก่อนหน้านี้เซี่ยเมิ่งเจียวบอกเธอว่าจะไปห้องน้ำแต่เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเมาซูหยูโม่ก็อาสาจะไปเป็นเพื่อน แต่เธอก็ปฏิเสธและยังออกตัวว่าเธอยังไม่เมา เพราะเธอไม่คิดว่าเธอจะหายไปนานขนาดนี้
“ฉันไปเจอไอ้ทะลึ่งคนหนึ่งมาฉันกะว่าจะสั่งสอนมันสักหน่อย แต่กลายเป็นฉันเองที่ต้องวิ่งหนีมา” เธอพูดด้วยความโมโห
จริงๆแล้วหลังจากที่เธอออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอยังไม่ได้กลับไปที่โต๊ะในทันที แต่รอฮวงเฟิงอยู่ที่ด้านนอก ใครจะไปรู้ว่าเธอรออยู่ตั้งนานแต่กลับไม่เห็นฮวงเฟิงออกมาจากห้องน้ำเลย?