กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 131-132
บทที่ 131 แกคือเหลาหยู?
แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อที่จะขอโทษแต่เธอไม่คิดว่าเธอทำอะไรผิด ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะช่วยเธอไว้แต่เธอก็ถูกเอาเปรียบในสถานการณ์เช่นนั้น
เซี่ยเมิ่งเจียวและคนอื่นๆไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับเขา แต่โดยทั่วไปแล้วเธอไม่อยากเสียเปรียบเพราะคำพูด
แต่ในท้ายที่สุดเซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่ได้รอฮวงเฟิง
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ซูหยูโม่ถามด้วยความเป็นห่วง
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน?เป็นไปได้ด้วยเหรอที่ฉันจะเสียเปรียบคนอื่น?” ถึงแม้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะเชื่อว่าเธอยังไม่ได้เสียเปรียบใครและเธอก็จะไม่บอกให้ซูหยูโม่รู้อย่างแน่นอน
“งั้นก็ดีแล้วที่เธอไม่เป็นอะไร”ซูหยูโม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรู้ดีว่าสถานที่แบบนี้ค่อนข้างอึกทึกและเธอก็กลัวว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะได้รับบาดเจ็บแต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เธอได้เคยทำมาก่อน เซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดจากการสูญเสียมาก่อนเลย
“มันกล้ามากถ้ามันกล้ามาล่วงเกินฉันนะ ฉันจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู!” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างเคียดแค้น
มุมปากของซูหยูโม่ผุดรอยยิ้มเธอรู้ดีว่าเซี่ยเมิ่งเจียวกล้าทำอย่างที่พูดได้จริงๆ
“เอาล่ะนี่ก็ดึกมากแล้ว เธอเพิ่งจะกลับมา งั้นพวกเรากลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ” ซูหยูโม่กล่าว
“เอาสิ”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว เธอเองก็เหนื่อยเหลือเกินและดื่มไปค่อนข้างมากในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะส่างขึ้นมากแล้วแต่เธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไรและอยากจะกลับไปพักผ่อนมากกว่า
สำหรับฮวงเฟิงนัั้นถึงแม้ว่าเธอจะต้องการที่จะมองหาเขาแต่ที่บาร์แห่งนั้นก็มีคนเยอะเกินไป จึงเป็นไปได้ที่หาเขาเจอ
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาคงจะออกจากบาร์ไปแล้วเพราะนั่นก็เป็นทางออกทางเดียว
ฮวงเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ใส่ใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อีกฝ่ายนั้นกลับต้องการที่เอาเรื่องเขาให้ได้ถ้าเขารู้เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่มีโชคอีกครั้ง
ฮวงเฟิงไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายเหลาหยูที่สั่งให้พี่เปียวไปจัดการกับฮวงเฟิง
ในเวลานี้เขาอยู่กับถงเฉียนและถ้าถงเฉียนเห็นว่าเขายังแก้ปัญหาเรื่องฮวงเฟิงไม่ได้ เขาก็คงจะโดนตะคอกใส่อีก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนรวยรุ่นที่สองแต่ก็มีความแตกต่างกันเพราะเมื่อถงเฉียนตะคอกใส่เขาเช่นนี้แต่เขาเองกลับไม่กล้าที่จะตอบโต้
จริงๆแล้วเขาเพียงต้องการที่จะประจบถงเฉียนเพื่อที่ว่าเขาจะได้ให้บทเรียนกับฮวงเฟิง
แต่ก่อนที่เขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้พี่เปียวก็เข้ามาสวาปามเอาเงินของเขาไปจนหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังพูดจาหยาบคายใส่เขาทางโทรศัพท์จนทำให้รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
ถงเฉียนตะคอกใส่เขาซึ่งเขาไม่สามารถทนได้แต่เขาก็ต้องทน
อย่างไรก็ตามสำหรับพี่เปียวและคนอื่นๆเขาไม่จำเป็นต้องทน ในสายตาของเขาพี่เปียวก็เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่งที่ไม่มีค่าแม้แต่จะต้องพูดถึง แต่มันก็ยังกล้าที่จะพูดกับเขาเช่นนั้น มันช่างยโสเกินไปแล้ว
“แกนี่มันช่างไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเศษขยะซะอีก!”ถงเฉียนให้บทสรุปคำด่าทอที่มีต่อเหลาหยูในคืนนั้น
ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กันเขารู้สึกว่าเหลาหยูมีทักษะบางอย่างแต่เขาไม่คิดว่าเหลาหยูจะไม่สามารถจัดการได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ
ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้เขาก็คงจะใช้คนอื่นเสียยังดีกว่า
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วแต่เจตนาร้ายของถงเฉียนที่มีต่อฮวงเฟิงก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เหลาหยูไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เขาจึงได้วางแผนที่จะลงมือด้วยตัวเอง
“นายน้อยถงผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เสียเปรียบในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเรื่อนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เหลาหยูให้สัญญาอีกครั้ง
เขาเตรียมที่จะไปหาคนอื่นเพราะเขาไม่อยากที่จะเป็นไอ้โง่ในตอนสุดท้าย
เขายังอยากให้ถงเฉียนรู้สึกเอ็นดูเขา
“สัญญางั้นเหรอแกจะให้คำสัญญาอะไรกับฉันได้อีก? แกยังจะมีหน้ามาสัญญากับฉันอีกงั้นเหรอ?” น้ำลายของถงเฉียนเกือบจะพ่นใส่หน้าของเหลาหยู แต่เหลาหยูก็ได้แค่อดทน
“นายน้อยถงได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้ ไอ้เจ้า รปภ. ตัวเล็กๆ นั่นจะต้องมาคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้านายน้อยถงเลยทีเดียว” เหลาหยูรีบกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทำพลาดมาแล้วถึงสองครั้ง ถงเฉียนก็ไม่เชื่อเหลาหยูอีกต่อไป เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับลุกขึ้นยนและเดินจากไป
ราวกั[ว่าเขาไม่ใส่ใจเหลาหยูอีกต่อไปแล้ว
เหลาหยูรู้สึกไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเขาลุกขึ้นยืนและเดินจากไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผลลัพท์นั้นยังไม่แน่ชัดเมื่อคนทั้งสองมาถึงทางออกของบาร์แห่งนั้นพวกเขาก็ถูกหยุดได้โดยพวกอันธพาลสองสามคน
ใครคือถงเฉียน?อีกฝ่ายเข้ามาขวางทางเดินเองไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ามาขวางทางเดินเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจแต่นั่นก็เป็นการไม่สุภาพ
“แล้วไอ้หมาบ้านี่มาจากไหนกัน?ชิ้ว ชิ้ว!” ถงเฉียนตะคอกใส่ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะดีนัก
เหลาหยูเองก็อารมณ์ไม่ดีเขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสของเขาแล้วที่จะได้แสดงฝีมือ ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวว่า “พวกแกไม่มีตาหรือไง แกกล้าดียังไงถึงได้เอาเด็กๆ พวกนี้มาขวางทางเดินฉัน?”
คนที่เข้ามาขวางทางของถงเฉียนและเหลาหยูก็คือลูกน้องของพี่เปียวนั่นเอง
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากพี่เปียวเขาก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยและหลังจากที่หาพบว่าวันนี้เหลาหยูอยู่ที่ไหน เขาก็พาพวกอีกสองสามคนมารออยู่ที่ด้านนอก
ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากจะเข้าไปข้างในแต่เป็นเพราะว่าคลับเฮาส์แห่งนี้คนที่จะเข้าไปได้ต้องเงินหนาอยู่สักหน่อย
เขาจึงไม่ต้องการและไม่กล้าที่จะไปก่อเรื่องข้างในนั้นและยิ่งไปกว่านั้นการบริโภคในคลับเฮาส์แห่งนี้ก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รอเหลาหยูอยู่ข้างนอก และยิ่งพวกเขารอนานเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาทำได้เพียงแค่ต้องรออยู่ที่ด้านนอกในขณะที่พวกเหลาหยูกำลังสนุกสนานอย่างนั้นหรือ?
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเหลาหยูและเพื่อนออกมา เด็กหนุ่มและลูกน้องของเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกันนั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาอิจฉา
“นายน้อยหยู?”เด็กหนุ่มตะโกนและต้องการยืนยันตัวตนให้แน่ชัด
“แกรู้จักฉันหรือ?”ในตอนแรกเขาคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะขวางทางเดินของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนพวกนี้จะรู้จักเขา
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหลาหยูรู้สึกโมโหใครก็บอกได้ว่าคนเหล่านี้เป็นพวกอันธพาล แต่ประเด็นก็คือคนพวกนี้รู้จักเขาและประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่รู้จักเขาแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่พี่เปียวก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แล้วทำไมอันธพาลพวกนี้ถึงได้ทำเหมือนกัน? อันธพาลสมัยนี้ช่างหยิ่งผยองนัก?
“ดีเลยที่แกอยู่ที่นี่!จัดการมัน” เมื่อตอนที่ต่อสู้กับฮวงเฟิงและเทียนจุ้น พวกเขาไม่กล้า แต่เมื่อต้องจัดการกับคนรวยรุ่นที่สองที่ไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา พวกเขากลับไม่รู้สึกกดดันอะไรเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเหลาหยูจะเป็นสมาชิกของตระกูลที่ร่ำรวยรุ่นที่สอง แต่ภูมิหลังของเขานั้นแสนจะธรรมดา เขาจึงไม่กลัวการล้างแค้น และพี่เปียวก็ด้วย
บทที่ 132 คนของพี่เปียว
“นี่แกจะทำอะไร?”เหลาหยูตกใจ เขากำลังจะกระโดดหลบ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าขี้ข้าที่อยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มคนนั้นก้าวออกมาและชกเข้าที่หน้าของเขา ทำให้เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“นี่พวกแกกำลังทำอะไร?”ถงเฉียนตะโกนออกมาจากทางด้านข้าง เขากำลังอารมณ์ไม่ดีแต่เมื่อเขาเห็นพวกเหล่าอันธพาลกำลังรุมคนเพียงคนเดียว อารมณ์ของเขาก็ยิ่้งไม่ดีมากขึ้น
“นี่แกเป็นพวกเดียวกับมันใช่ไหม? งั้นก็มาสู้กันเลย!” เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจำถงเฉียนไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะจำถงเฉียนไม่ได้
เด็กหนุ่มคนนี้จำได้ว่าเมื่อตอนที่ถงเฉียนเห็นเขาและพวกพวกเขาก็รีบผละไปอย่างรวดเร็ว คนที่ถูกเรียกว่าเป็นพวกคนรวยรุ่นที่สองพวกนี้โคตรจะหยิ่งยโส
เมื่อเห็นว่าเขามาพร้อมกับเหลาหยูจึงเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน เจ้าพวกคนรวยไร้ประโยชน์
“แกกล้างั้นหรือ!?”แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้าแกกล้าตีฉัน ฉันจะฆ่าแกทั้งโคตรเลยทีเดียว!” ถงเฉียนกล่าวด้วยความโมโห
เขาไม่เคยถูกใครทำร้ายมาก่อนในชีวิตนี้แม้แต่พ่อของเขาเองก็ไม่เคยตีเขา แต่คนพวกนี้กลับต้องการที่จะทำร้ายเขามันช่างน่าประหลาดนัก
“จะฆ่าล้างโคตรฉันเหรอฉันกลัวจังเลย ฮ่าฮ่า” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดัง และจากนั้น โดยที่ไม่รีรอให้ลูกน้องของเขาได้ทำอะไร เขาก็ยกขาขึ้นและถีบเข้าที่ท้องของถงเฉียน เป็นเหตุให้ถงเฉียนล้มลงกับพื้น และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจที่ถงเฉียนข่มขู่เอาไว้เลยแม้แต่น้อย
“แกรนหาที่ตายซะแล้ว!”แค่ก แค่ก!” ร่างกายของถงเฉียนนั้นอ่อนแอ หลังจากที่ถูกเตะแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นได้ เขาเอามือกุม้องและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงขู่เด็กหนุ่มอย่างไม่หยุดปาก
“แกตายแน่!แกตายแน่!” พวกอันธพาลเหล่านี้กล้าแม้แต่จะทำร้ายถงเฉียน ดังนั้นเขาคาดคะเนว่าพวกมันจะต้องตายอย่างแน่นอน
ด้วยภูมิหลังอขงถงเฉียนนั้นไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้ยิ่งไปกว่านั้น ถงเฉียนนั้นเจ็บปวดเจียนตายดังนั้นเขาคงไม่มีทางที่ปล่อยคนพวกนี้ให้หนีรอดไปได้
อย่างไรก็ตามมันก็ดีเหมือนกันถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร แต่ในเมื่อพวกมันทำร้ายเขา ในตอนนี้เหลาหยูก็หวังว่าพวกมันจะต้องโดนแก้แค้น
“พวกเราต้องตายงั้นหรือ?ฮ่าฮ่า พี่ชาย มันบอกว่าพวกเราจะต้องตายงั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยขณะที่เขาหัวเราะกับลูกน้องของเขา และจากนั้นก็พูดกับเหลาหยูและถงเฉียนว่า “ถ้าแกจะให้พวกเราตาย งั้นพวกเราจะฆ่าแกให้ตายเสียก่อน! พวกเราเอามันให้หนักเลย!”
เมื่อตอนที่พวกเขามาที่นี่พี่เปียวได้สั่งว่าตราบใดที่ไม่มีใครตายก็คงไม่เป็นอะไร ดังนั้นหลังจากที่เด็กหนุ่มกล่าวเช่นนั้น ลูกน้องของเขาจึงเริ่มทั้งเตะและต่อยคนทั้งสองคน
ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดวงตา
ที่ท้องของเขาก็เต็มไปด้วยรอยเท้าสีดำหลายแห่งและตอนนี้เขาก็ขดตัวอยู่
ตอนนี้ปากของเขาก็ไม่ได้เก่งเหมือนในตอนแรกเขาเริ่มที่จะร้องของความเมตตา
สภาพของถงเฉียนในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเขาเลยเขาไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าเช่นนี้มาก่อน
และเขาที่เคยอยู่แต่ในฐานะของสุดยอดตระกูลคนรวยรุ่นที่สองเมื่อเขาต้องมาเจ็บปวดและถูกทำร้ายอย่างน่าเศร้าเช่นนี้
ผลก็คือเขาไม่สามารถที่จะทนความเจ็บปวดได้อย่างเหลาหยูและไม่กล้าที่จะพูดขู่อะไรคนพวกนั้นอีกและยังต้องร้องขอให้พวกนั้นยกโทษให้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มและพวกของเขาดูเหมือนว่าจะยังไม่สะใจดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องขอความเมตตาและจะหยุดก็เพียงเมื่อพวกเขาทั้งสองคนนอนครวญครางอยู่ที่พื้นและไม่อาจที่จะหลบซ่อนตัวได้อีกต่อไป
จากนั้นเขาก็เหยียบเข้าที่ใบหน้าของเหลาหยูและพูดว่า“อย่าคิดว่าแกมีเงินแล้วแกจะเป็นพระเจ้านะ ฉันจัดการไอ้พวกขยะอย่างพวกแกมาหลายคนแล้ว และฉันก็ไม่ต้องการพวกแกสักคนเดียว”
คนเหล่านี้ไม่ได้มีความสามารถหรือความกล้ามากมายแต่ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
เขาจึงอิจฉาคนพวกนั้นอยู่ในใจเมื่อพี่เปียวสั่งให้มาสั่งสอนคนรวยรุ่นที่สอง เขาจึงเป็นฝ่ายรุกหนัก และแน่นอนว่าไม่ถึงกับตายอย่างแน่นอน
สิ่งที่น่าขันกว่านั้นก็คือคนที่พวกเขาไปทำร้ายนั้นล้วนแล้วแต่มีเรื่องขัดแย้งกับเหลาหยู
เหลาหยูได้ไปบอกให้พี่เปียวส่งคนไปสั่งสอนฮวงเฟิงแต่ตอนนี้เขาเองกลับเป็นคนที่พี่เปียวสั่งพวกเขาให้มาสั่งสอนแทน
“ฉันตาบอดไปแล้วฉันไม่รู้ว่าฉันไปขัดขาใครเข้า ต่อไปฉันจะระวังให้มากกว่านี้” เหลาหยูกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“ฉันไม่รังเกียจที่จะบอกแกนะ”ในขั้นต้น เขาต้องการที่จะให้เหลาหยูรู้ว่าพวกเขาทรงพลังแค่ไหน ถ้าเหลาหยูถูกทำร้ายในท้ายที่สุดและใครจะไปรู้ว่าใครเป็นคนทำ หลังจากนั้นเหลาหยูก็จะไม่รู้ว่าพวกเขาทรงพลังแค่ไหน
“ฉันเป็นลูกน้องพี่เปียว”เด็กหนุ่มกล่าว “แกกล้าดียังไงถึงได้พูดโทรศัพท์กับพี่เปียวแบบนั้น พี่เปียวโกรธมากจึงสั่งให้พวกฉันมาสั่งสอนแก ฉันจะบอกแกให้นะว่าไม่มีใครที่จะขัดใจแกได้ อย่าได้คิดว่าการที่แกมีเงินมากแล้วจะมาดูถูกพวกฉันได้นะ”
“พี่เปียวงั้นเหรอ?เป็นมันนั่นเอง!” เหลาหยูด่าโคตรเง้าสิบแปดชั่วโคตรของพี่เปียวอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมา เขากลัวว่าจะถูกทำร้ายอีกแต่แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
จริงๆแล้ว เหลาหยูเองก็ไม่คาดคิดว่าพี่เปียวจะส่งคนมาสั่งสอนเขา
เขาช่างกล้ามากและประเมินเขาต่ำเกินไปจริงๆ
ถ้าแกกล้าพูดเช่นนั้นกับพี่เปียวอีกครั้งพวกเราจะมาฉีกแกออกเป็นชิ้นๆ ถ้าแกไม่มีแขนหรือขาสักข้าง แกก็คงไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว “หลิงเฉิน”? เด็กหนุ่มกล่าว
“และแกก็อย่าได้แส่หาเรื่องอีกนะ ไม่งั้นฉันอาจจะโกรธได้ง่ายๆ” เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่เหยียบเข้าที่ใบหน้าของถงเฉียน
“พวกเราไปกันเถอะ!”เด็กหนุ่มกล่าวกับพี่น้องของเขาด้วยสปิริตอันแรงกล้า เขามีความสุขมากในวันนี้และเมื่อเขาเห็นเจ้าพวกคนรวยรุ่นที่สองทั้งสองคนเขาก็มีความมั่นใจมาและได้ปลดปล่อยความเคีัยดแค้นที่เขารู้สึกกับเทียนจุ้นและฮวงเฟิงเมื่อวานนี้ออกมา
“พี่เปียว!”เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นจากไปแล้ว เหลาหยูก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
ก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่จะเดินสวนเขาไปแต่ไม่มีใครที่จะกล้ามาขวางพวกเขาไว้
“เหลาหยูพี่เปียวมันเป็นใคร? ฉันจะเอามันให้ตาย!” ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากจะลุกขึ้น แต่ในตอนนี้ร่างทั้งร่างของเขานั้นเจ็บปวดและเขาก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นยืน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ลุกขึ้นนั่งช้าๆ บนพื้น
“พี่เปียวนั่นเป็นคนที่ฉันไปขอร้องให้ช่วยไปสั่งสอนเจ้ารปภ. คนนั้นไงล่ะ!” เหลาหยูกล่าวกับถงเฉียน และจากนั้นก็เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องราวระหว่างเขาและพี่เปียว