กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 143+144
บทที่ 143 หัวหน้าทีมคนใหม่
หลังจากที่ฮวงเฟิงได้จัดแจงอีกสองสามคนให้ไปที่โรงงานด้านล่างแล้วก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธอีกเลยและดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกจากฮวงเฟิงอีกด้วย
“เอาล่ะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่หวังจะมาเป็นหัวหน้าทีมหนึ่ง สำหรับอีกสองทีมฉันจะตัดสินใจอีกทีหลังจากที่ได้เห็นความสามารถของแต่ละคนแล้ว” หลังจากที่ฮวงเฟิงจัดการธุระของเขาเสร็จแล้ว เขาก็เตรียมตัวที่จะกลับไป เพราะออฟฟิศของเขาไม่ใช่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
“ขอบคุณผู้จัดการฮวง!” เมื่อพี่หวังได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นแต่ในที่สุดเพราะว่าเขานั้นดีใจจนเกินเหตุ เขาจึงตรงเข้าไปขอบคุณฮวงเฟิง
ท่ามกลางรปภ. ทั้งหลาย เขาเป็นคนที่สนิทกับฮวงเฟิงที่สุด ถึงแม้ว่าพี่หวังจะชอบอวดอ้างอยู่บางคครั้งแต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วเขาก็ยังเป็นคนดี
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังสอนเขาหลายอย่างดังนั้นเขาจึงเป็นคนหนึ่งที่เขาสนิทในบริษัทนี้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นต่างก็อิจฉาพี่หวังเพราะว่าหลังจากที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งไม่เพียงแค่งานที่ต้องทำจะน้อยลง มีลูกน้องเป็นของตัวเอง และเงินเดือนก็สูงขึ้นด้วย
ทุกคนจึงพากันอิจฉาเขาไปโดยปริยาย
เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงหมายถึงอะไร เขาจะต้องเลือกจากหนึ่งในพวกเขาและก็ขึ้นอยู่กับผลงานของทุกคน
และเนื่องจากฮวงเฟิงเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อไม่นานมานี้เขาจึงไม่มีคุณสมบัติมากนัก
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่พิจารณาข้อเสนอที่จะเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าทีม
หากเป็นเช่นนั้นทุกคนจะอยู่ในตำแหน่งที่เท่าเทียมกันตราบใดที่เขาทำงานได้ดีคนที่ทำงานเสร็จก็จะมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
ถึงเวลานี้ทุกคนต่างก็ลืมเรื่องน่าเศร้าในการปลดหัวหน้าทีมทั้งสามคนไปอย่างสิ้นเชิง
พวกเขากลับดีใจที่คนพวกนั้นโดนไล่ออกไปเสียถ้าพวกนั้นยังอยู่พวกเขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนี้?
“ยินดีด้วยพี่หวัง”
“พีหวังในที่สุดพี่ก็ได้มันมา”
“พี่หวังคืนนี้เลี้ยงนะ คืนนี้พี่ต้องเลี้ยงฉันนะ”
เพราะว่าทุกคนที่อยู่ในออฟฟิศนี้ต่างก็รู้ดีว่าพี่หวังและฮวงเฟิงนั้นสนิทกันมาก
เขาสามารถพูดแทนตัวเองต่อหน้าฮวงเฟิงได้ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถพูดคำดีๆ สักสองสามคำได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเขาไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมแต่เขาก็ยังคนได้เปรียบคนอื่นอยู่ดี จริงไหม?
เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้วจนถึงวันนี้เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเสียที
เมื่อเขาได้เลื่อนตำแหน่งเงินเดือนของเขาก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกันและถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะเข้ามาทำงานทีหลังเขาและได้ตำแหน่งที่สูงกว่าเขาก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาและเพราะว่าเขาไดัรับการเลื่อนตำแหน่งก็เพราะฮวงเฟิงในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อฮวงเฟิง
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าพี่หวังจะมีความสุขแต่เขาก็ยังคงสุขุม เขาไม่ได้สติแตกและไม่ได้อยากให้ใครป่าวประกาศให้เขา สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เห็นได้ว่าฮวงเฟิงนั้นไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิดแต่อย่างใด
ในอีกด้านหนึ่งฮวงเฟิงก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เขาหายใจเข้าลึกๆ เข้าและออก
ความจริงมันเป็นครั้งแรกที่เขาต้องจัดการกับหลายสิ่งหลายอย่างเพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงพนักงานระดับล่าง
แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้นำในทันทีเขาไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้เขาจึงต้องบังคับตัวเองและจะไม่ปล่อยให้คนอื่นเห็นความผิดพลาดของเขา
มันเป็นสิ่งที่ดีที่เรื่องนี้ได้รับการจัดการและผลลัพธ์ก็ค่อนข้างดี
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้แล้วฮวงเฟิงก็มีใจที่จะฝึกตน
ยิ่งเขามีออฟฟิศเป็นของตัวเองการฝึกตนของเขาก็สะดวกมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดก็จะไม่มีใครรบกวนเขาอีกต่อไป
อีกด้านหนึ่งถงเฉียนและเหลาหยูที่เพิ่งจะพบความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว
แม้ว่าลูกน้องของพี่เปียวจะไม่สนใจพวกเขาแล้วแต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแค่ถูกลงโทษเท่านั้นและไม่ได้คิดที่จะฆ่าพวกเขา
อย่างไรก็ตามแม้ว่าคนจากพี่เปียวจะไม่ฆ่าพวกเขาแต่ถงเฉียนและเหลาหยูก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ในขณะที่พวกเขาออกจากโรงพยาบาลทั้งสองคนก็เริ่มวางแผนแก้แค้น
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือพ่อของถงเฉียนเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกันหลังจากที่ลูกชายของเขาถูกทำร้ายและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถงเฉียนขอแก้แค้นและเปิดเผยตัวตนของพี่เปียว ถงเฉียนจุ้นจึงไม่ได้หยุดเขา
ดังนั้นในแง่มุมนี้เขายังคงรู้จักกับบางคนแม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาทำงานหนักเพื่อห่างเหินจากอดีต
แต่เขาก็ยังคงเชื่อมต่อกับคนเหล่านั้นและตอนนี้ลูกชายของเขาเองก็ถูกทำร้ายและในที่สุดเขาก็ได้ใช้มันในที่สุดเขายังคงใช้มันได้
ถงเฉียนจุ้นให้ความสนใจกับลูกชายของตัวเองมากเพราะว่านั่นคือลูกชายของเขา
และแม้ว่าสิ่งที่เขาทำตามปกติวิสัยจะมากเกินไปหน่อยแต่เขาก็ไม่ได้ทำให้มันอยู่ในใจ
ในสายตาของเขาลูกชายของเขายังเด็กนักเมื่อเขาเติบโตขึ้นในอนาคตเขาจะเข้าใจเอง
ถงเฉียนจุ้นจะทนได้อย่างไรเมื่อเห็นลูกชายของเขาซึ่งเขาเองก็ไม่เคยทุบตีหรือถูกคนอื่นทำร้าย?
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายนั้นเป็นขี้ข้าดังนั้นถงเฉียนจุ้นจะทนได้อย่างไร?
เพียงแต่ว่าเขามีเรื่องที่จะต้องทำดังนั้นเขาจึงแนะนำคนเหล่านั้นให้รู้จักกับลูกชายของเขาและสั่งให้เขาทำ
คนเหล่านั้นและพี่เปียวมีลักษณะคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจนแต่พลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพี่เปียวอย่างชัดเจน
พี่เปียวเพิ่งจะเริ่มขยายตัวเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีทางเปรียบเทียบกับคนเหล่านี้ได้
“ลุงหลี่เรื่องเป็นแบบนี้”ในคลับเฮ้าส์ ถงเฉียนบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพี่เปียวให้กับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขาฟัง
ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่พ่อของเขาแนะนำให้แก่เขาและคราวนี้เขากำลังจะแก้แค้นพี่เปียวตราบใดที่ยังมีคนเช่นนี้อยู่มันก็เพียงพอแล้ว
เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงมากถ้าเขาเปลี่ยนเป็นชุดสูทและแต่งตัวอีกสักหน่อย เขาก็จะดูเหมือนผู้ชายที่ประสบความสำเร็จทั่วไป
ไม่มีใครคิดว่าคนแบบนี้จะเกิดมาเป็นอันธพาลเลยจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาดูดุร้ายมากขณะที่ต่อสู้และสามารถฆ่าคนได้ด้วยมือของเขา!
บทที่ 144 ช่วยจัดการคนคนหนึ่ง
”เอาล่ะฉันรู้แล้ว” ลุงหลี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ฉันจัดการเอง แล้วเขาจะเป็นขี้ข้าที่ไม่ติดอันดับอีกต่อไป ฉันรับประกันว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่สามารถทำตัวหยิ่งยะโสได้เลย”
ลุงหลี่พูดเรียบๆราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นพี่เปียวอยู่ในสายตา ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะพี่เปียวเป็นเพียงเด็กน้อยเมื่อเทียบกับลุงหลี่ผู้มาใหม่ ย้อนกลับไปตอนที่ลุงหลี่กำลังรุ่งเรือง พี่เปียวยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นในสายตาของลุงหลี่อิทธิพลของพี่เปียวนั้นคือความว่างเปล่า
“งั้น ฉันต้องขอขอบคุณลุงหลี่ล่วงหน้าเลยนะ” พ่อของเขาเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องมีมารยาทกับลุงหลี่ให้มาก นั่นคือเหตุผลที่ถงเฉียนไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองใส่เขา
“เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องห่วง” เขาและพ่อของถงเฉียน ที่ชื่อ ถงเฉียนจุ้นมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกันมากและทั้งสองคนก็เป็นพี่น้องกันในตอนนั้น
ต่อมาเมื่อถงเฉียนจุ้นล้างมือจากวงการและทำไปธุรกิจที่เหมาะสมแต่ลุงหลี่ก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นี้
แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าที่มณฑลชิงของเขาซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงร่ำรวยที่สุด
“อ้อใช่ ลุงหลี่ จะช่วยผมอีกสักเรื่องได้ไหม?” ทันใดนั้นถงเฉียนก็นึกถึงฮวงเฟิงขึ้นมาได้ ไอ้คนที่ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง ไอ้คนที่กล้าหยุดรถของเขาในมณฑลชิง และนี่เป็นครั้งแรก
แล้วเหลาหยูก็ยังทำเรื่องล้มเหลวเขาไปทำร้ายฮวงเฟิงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงคิดหาหนทางและลุงหลี่ที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้ก็คือคนที่ใช่
“อะไรหรือ?”ลุงหลี่ถาม
“คือมันเป็นแบบนี้ก่อนหน้านี้มี รปภ.ต๊อกต๋อยคนหนึ่งที่ทำให้ฉันเสียหน้าและไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา แล้วก็ยังหยิ่งยะโสอีกด้วย
ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอให้ลุงหลี่ช่วยดูแลเรื่องไอ้รปภ. คนนั้นหลังจากที่เสร็จงานแล้วให้ฉันด้วย” ถงเฉียนกล่าว
“รปภ.ต๊อกต๋อยงั้นหรือ?”ลุงหลี่สงสัย เขาไม่คิดว่าคนอย่างถงเฉียนจะไปรู้จักกับ รปภ. แบบนั้นได้ยังไง แต่จากที่ดูแล้วเจ้า รปภ.คนนั้นคงจะทำให้เขาเสียหน้าเป็นแน่
“ใช่ไอ้หมาเฝ้าบ้าน!” ถงเฉียนกล่าวพร้อมกับขบฟัน
“ได้สิไม่มีปัญหา แค่บอกรายละเอียดมา” การจัดการกับ รปภ.ตัวน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ และมันง่ายยิ่งกว่าการจัดการกับพี่เปียวเสียอีก ซึ่งไม่มีเหตุผลที่ลุงหลี่จะปฏิเสธเรื่องนี้
“ขอบคุณมากลุงหลี่” ถงเฉียนกล่าวอย่างพอใจ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพน่าอนาถเพราะโดนทำร้ายมา
อย่างไรก็ตามถงเฉียนก็นึกถึงความเป็นจริงที่ว่าคนของพี่เปียวได้พ่ายแพ้สองครั้งในทันที แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะความจริงที่ว่าคนของพี่เปียวนั้นมีความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ย แต่ฮวงเฟิงนั้นคงจะมีทักษะบางอย่าง
“ถูกต้องแล้วลุงหลี่แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวน้อยคนนั้นจะเย่อหยิ่ง แต่ดูเหมือนเขาจะมีทักษะบางอย่าง ก่อนหน้านี้เหลาหยูก็ได้ส่งคนไปสั่งสอนเขา แต่พวกเขาก็ล้มเหลวถึงสองครั้งไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ต้องลำบากลุงหลี่” ถงเฉียนเตือน
”ไม่เป็นไรรปภ. ต๊อกต๋อยจะแข็งแรงแค่ไหนกันเชียว” ในทางกลับกันลุงหลี่ไม่สนใจ เขาเคยเห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วใครจะไปกลัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงแค่คนเดียว?
ถงเฉียนพยักหน้าเห็นด้วยจู่ๆ ในตอนนี้เขาก็นึกถึงบางอย่างและมันก็เป็นเพียงแค่การพูดถึงเรื่องนี้
แต่ในใจของเขาเขาไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนั้น
เขาพูดได้แค่ว่าลูกน้องของพี่เปียวนั้นเป็นสวะเมื่อนึกถึงว่าเขาถูกไอ้พวกสวะนั้นทุบตีอย่างไร ถงเฉียนก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจพี่เปียวมากขึ้นเท่านั้นและหวังเพียงว่าเขาจะสอนบทเรียนให้กับพวกเขาได้
ลุงหลี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและที่รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพี่เปียวจากถงเฉียนแล้ว
เขาก็เรียกคนที่อยู่ด้านล่างมาจัดการดังนั้นสำหรับพวกอันธพาลตัวน้อยเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปจัดการด้วยดัวเอง
พี่เปียวกำลังดื่มอยู่ที่บาร์ขลุ่ยปิศาจเดิมทีเขาจะต้องได้รับเงินอีกก้อนหนึ่งหลังจากที่เขาไปส่งคนไปสั่งสอนฮวงเฟิง แต่เขาไม่คาดคิดว่าฮวงเฟิงจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะฮวงเฟิงได้เขาก็จะไม่สามารถรับเงินของเหลาหยูได้
อย่างไรก็ตามพี่เปียวก็ไม่ได้สนใจมากนักตราบใดที่เขายิ่งใหญ่ขึ้นเขาจะมีโอกาสมากมายในการหาเงินและลูกน้องของเขาก็ได้ไปสั่งสอนเหลาหยูไปแล้ว
ดังนั้นในที่สุดความแค้นในใจก็ลดลงไปเล็กน้อยแน่นอนว่าความแค้นที่เขามีต่อฮวงเฟิงและเทียนจุ้นยังไม่ได้หายไปง่ายๆ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
”พี่เปียวพี่ไม่ได้ไปเห็นด้วยตัวเองว่าเหลาหยูมันยโสมากแค่ไหน ในที่สุดฉันทั้งชกและทั้งเตะมัน และมันก็คุกเข่าลงขอร้องให้ฉันยกโทษให้ ฉันบอกมั้นว่ามันเป็นปรปักษ์กับพี่เปียวและมันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอความเมตตา แต่ในที่สุดมันก็โดนฉันตีซะตาเขียวเลยนะ ฮ่าฮ่า” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่มยืนอยู่ถัดจากพี่เปียวกำลังคุยโวเกี่ยวกับความสำเร็จของเขา
ใบหน้าของพี่เปียวเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจเขาไม่แปลกใจเลยที่เหลาหยูจะร้องขอความเมตตา
นายน้อยหนุ่มที่ร่ำรวยเหล่านี้เป็นเพียงกระดูกที่น่ารังเกียจโดยปกติแล้วเพราะมีเงินพวกเขาจึงหยิ่งผยองมาก แต่หลังจากโดนชกแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็จะเชื่อฟังและกลัวความตายมากกว่าคนอื่นๆ
”ในตอนนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างๆมันที่ตะโกนใส่ฉันและยังขู่จะฆ่าฉันทั้งครอบครัวด้วยฮ่าๆ มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงกล้าบอกว่าจะฆ่าฉันยกครัว ฉันก็เลยเตะมันออกไป” การอวดอ้างของชายหนุ่มยังคงดำเนินต่อไป
“ยังมีคนรอบๆเหลาหยูงั้นหรือ แกรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?” พี่เปียวถามเสียงเรียบ
“ฉันไม่รู้”ชายหนุ่มส่ายศรีษะ “ฉันได้ยินเหลาหยูเรียกเขาว่า นายน้อยถง เขาคงจะเป็นลูกหลานคนรวย แต่ตอนที่ฉันเตะมันไอ้นั่นมันกลัวยิ่งกว่าเหลาหยูเสียอีก ฉันเกือบจะให้มันเรียกฉันว่าคุณปู่แล้ว”
“นายน้อยถง?”เมื่อพี่เปียวได้ยินดังนั้น หัวใจเขาก็กระตุก เขารู้ดีว่าในจังหวัดเจียง ซึ่งอยู่ในมณฑลชิง มีคนรวยรุ่นที่สองที่มีชื่อเสียงที่มีนามสกุล ถง และเขาไม่ควรจะไปเป็นปรปักษ์ด้วย
“ใช่แล้วฉันได้ยินเหลาหยูเรียกมันหลังจากนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้จักชื่อเต็มของมัน ไอ้เจ้านี่มันหยิ่งยโสมาก มากกว่าเหลาหยูเสียอีก” ชายหนุ่มกล่าว
ทันใดนั้นพี่เปียวก็รู้สึกตระหนกเล็กน้อยมันคงจะไม่ใช่นายน้อยถงนั่นหรอกนะ ถ้าเป็นเรื่องจริงชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาก็กำลังนำความหายนะมาสู่เขาแล้ว
อย่างไรก็ตามพี่เปียวก็สั่นศรีษะทันทีเขารู้สึกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้และมันก็คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้น
เพราะว่าจังหวัดเจียงนั้นกว้างใหญ่และมณฑลชิงนั้นกว้างใหญ่ยิ่งกว่าพวก
เขาจะบังเอิญมาพบกันเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่เล็กน้อยเขากลัวว่าถ้าลูกน้องของเขาได้ไปทำร้ายนายน้อยถงเข้าจริงๆ เขาก็คงจะติดร่างแหไปด้วยเช่นกัน
“จำไว้นะต่อไปถ้าแกเจอใครที่มีนามสกุลถง ให้แกเลี่ยงไปซะ ฉันไม่อยากจะเป็นปรปักษ์กับเขา เข้าใจไหม? นี่ฉันพูดจริงๆ นะ!”
พี่เปียวเตือนเขาไม่อยากให้ลูกน้องของเขาต้องไปเป็นปรปักษ์กับคนทีไม่สามารถจะต่อกรด้วยได้
“ทำไมล่ะ?”ชายหนุ่มยังคงสงสัย
“ก็เพราะว่าคนตระกูลถงพวกเราไม่ควรจะไปเป็นปรปักษ์ด้วย ไม่อย่างนั้นต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ๆ” พี่เปียวกล่าว