กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 155 -156
บทที่ 155 ปิดไฟ
“นี่แกไม่แหกตาดูเลยเหรอว่าเขาเป็นใคร?เขามีฐานะแค่ไหน? แล้วคนอย่างเขาจะไม่มาตรฐานสูงได้ยังไงล่ะ?” ชายคนที่อยู่ข้างๆ เขากล่าวขึ้น
“ก็จริงนั่นแหละฉันเองก็เคยเห็นสาวสวยมากมายแบบนี้มาก่อน ฉันเองก็มีคนสวยๆ อยู่ในสังกัดอยู่สองสามคม แล้วฉันจะพาพวกนั้นขึ้นไปทีหลัง” ชายคนก่อนหน้านั้นกล่าว
“ทุกครั้งที่เขามาเขาก็มักจะเป็นแบบนี้แหละนะ เขาจะเลือกนานตลอดแหละ” ชายคนที่อยู่ด้านข้างกล่าวต่อ
ทั้งสองคนนั้นพูดกันขณะที่เดินห่างออกไปฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินเข้าไปถาม ถ้าไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นายน้อยถงคนที่พูดถึงอาจจะเป็นถงเฉียน และฮวงเฟิงจึงมั่นใจได้จากการสนทนาของพวกเขา
หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นบนในขณะที่เดินเขาหลบเลี่ยงกล้องไปด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แต่เขาก็ได้ลดศีรษะลงและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นเขา
ฮวงเฟิงไปถึงที่ชั้นสองอย่างรวดเร็วและพบเลาจน์หลี่ชุ่ยเขามองซ้ายทีขวาทีจากนั้นก็ก้มศีรษะลง และเขาก็เดินเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะประตูก่อน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องลุงหลี่หรอกพี่เปียวกับไอ้ รปภ. กระจอกนั่นไม่มีทางหนีไปไหนรอดหรอก” ภายในห้องส่วนตัวถงเฉียนพูดกับเหลาหยูขณะที่กำลังดื่มไวน์ไปด้วย
“แน่นอนอยู่แล้วคนของนายน้อยถงจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน” เหลาหยูกล่าว
“แน่นอน”ถงเฉียนกล่าวขึ้นทันที “นี่แกคิดว่าแกจะทำอะไรก็ได้ที่แกอยากจะทำงั้นเหรอ? ฉันบอกให้แกหาคนไปสั่งสอนไอ้ รปภ. คนนั้น แต่เจ้านั่นมันก็ยังไม่เป็นอะไร ไอ้สารเลวนั่นจะกล้ามาล้างแค้นพวกเราอีกเหรอ แม่งเอ้ย คิดแล้วฉันก็โมโห ถึงฉันจะสับพี่เปียวออกเป็นหมื่นๆ ชิ้นได้ ก็ยังไม่พอกับความแค้นในใจของฉันเลย” ยิ่งถงเฉียนยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เคยถูกทำร้ายแบบนั้นมาก่อนในชีวิต แต่ในตอนนี้เขาถูกตีโดยไอ้พวกสวะ จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเข้าประตูมาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองและรู้ในใจว่า นี่คือนายน้อยถงคนที่เขากำลังตามหา
เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่านอกจากนายน้อยถงแล้วจะยังมีอีกคนที่มีเจตนาไม่ดีต่อเขาอยู่ที่นั่นด้วย
คนทั้งสองกำลังพูดกันอยู่ข้างในจึงไม่ทันได้สังเกตุเห็นฮวงเฟิงที่กำลังเข้ามาเพราะพวกเขาคิดว่าเป็นบริกรหรือเหล่าสาวงามดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจ แต่ทันใดนั้นเองพวกเขาก็มองไม่เห็นและไฟในห้องนั้นก็ดับลง
“แม่งเอ้ยเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
“คนหายไปไหนกันหมด?บริกรอยู่ที่ไหน? ไปเรียกผู้จัดการมานี่ซิ ไฟดับได้ยังไงกันเนี่ย?!”
ถงเฉียนและเหลาหยูตะโกนออกมาทันทีด้วยความไม่พอใจทั้งสองคุยกำลังกันอย่างมีความสุข แต่สถานที่นั้นกลับไฟดับ
คนที่ปิดไฟเห็นได้ชัดว่าคือฮวงเฟิงหลังจากที่ปิดไฟและรออยู่ เขาได้เดินเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างง่ายดายโดยอาศัยเสียงของคนทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามเขา รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องที่เขาเห็นก่อนหน้านี้
“ปัง!”
เหลาหยูที่กำลังพูดทันใดนั้นเขาก็ถูกชกเข้าที่ใบหน้าและลอยออกไปทันที
“แกเป็นใคร?นี่แกกำลังจะทำอะไร?!”
แม้ว่าถงเฉียนที่อยู่ข้างๆจะไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาตะโกนเสียงดังแต่มีความตื่นตระหนกในน้ำเสียงของเขา
ฮวงเฟิงไม่ได้พูดอะไรและตอบกลับด้วยหมัดคู่หนึ่งเท่านั้น
หมัดนั้นพุ่งเข้าที่ปากของเขาอย่างเหมาะเจาะและทันใดนั้นถงเฉียนก็ล้มลงเช่นกัน
แต่เขาก็น่าสังเวชยิ่งกว่าเหลาหยูเพราะเขาถึงกับฟันร่วงถึงสองซี่ จากนั้นกำปั้นนี้ก็ไม่ได้หยุดยั้งเลยและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทานทนได้
“นี่แกเป็นใครกัน?แกรู้ไหมว่าพวกฉันเป็นใคร?” อีกด้านหนึ่งเหลาหยูที่อยู่ในอาการเจ็บปวดและกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่เขาก็ได้ส่งเสียงตะโกนถามออกมาในเวลาเดียวกัน
“แน่นอนสิฉันรู้ว่าพวกแกเป็นใคร ฉันมาที่นี่เพื่อมาสร้างปัญหาให้พวกแกไงล่ะ!” ฮวงเฟิงกล่าวตอบด้วยเสียงทุ้มขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเหลาหยู
“แกนี่แกจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ!” ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่เหลาหยูก็มองเห็นลางๆ ว่าร่างนั้นกำลังเดินเข้าไปหาเขา เขาจึงขู่ออกมาทันทีด้วยความกลัว
“ตอนนี้แกรู้จักกลัวแล้วเหรอ?”มันสายไปแล้วล่ะ!” ฮวงเฟิงเดินไปที่ด้านข้างของเหลาหยู คว้าคอเสื้อเขาขึ้นาและจากนั้นก็ชกเข้าที่หน้าของเขาอีกครั้ง
หลังจากที่โดนชกไปสามหมัดเหลาหยูก็สลบเหมือดไป และจากนั้นฮวงเฟิงก็หันกลับไปสนใจถงเฉียนอีกครั้ง
ถงเฉียนที่อยู่ด้านข้างถือโอกาสที่ฮวงเฟิงกำลังชกเหลาหยูวิ่งหนีไป แต่เขาก็วิ่งไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ฮวงเฟิงก็ไล่ตามมาทางด้านหลังของเขา และถามว่า “นี่แกกำลังจะไปไหน?”
“แกอย่าเข้ามานะฉันคือถงเฉียนนะ พ่อของฉันชื่อ ถงเฉียนจุ้น ฉันเป็นคนที่รวยที่สุดในมณฑลชิงนะ ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน ฉันจะไปฟ้องพ่อให้มาฆ่าล้างโคตรแกเลยทีเดียว!” ถงเฉียนกล่าวด้วยความวิตก
“ฆ่าล้างโคตรฉันงั้นเหรอ?คนอย่างพวกแกนี่ชอบฆ่าล้างโคตรใช่ไหม? ฉันจะตีแกมัน แล้วมันจะเป็นไง!” หลังจากที่ฮวงเฟิงพูดจบ หมัดของเขาก็ชกเข้าที่ท้องของถงเฉียน
ขณะที่เขากำลังพูดเขาตั้งใจทำเสียงให้แหบและแม้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
แต่ถงเฉียนและเหลาหยูไม่ได้คุ้นเคยกับเขาถงเฉียนเคยพบเขาแค่เพียงครั้งเดียวและ เหลาหยูก็ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ฮวงเฟิงจึงไม่กลัวที่จะถูกจำได้
อา!
ถงเฉียนรู้สึกราวกับว่าท้องของเขาถูกฟาดด้วยค้อนยักษ์ความเจ็บปวดนั้นช่างเหลือประมาน
“แกมันน่าขยะแขยงแล้วแกยังกล้าขู่ฉันในเวลาแบบนี้อีกงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงชกเขาอีกครั้ง
ถงเฉียนร้องโอดโอยอีกครั้งในเวลานี้เขาไม่กล้าที่จะแสดงความกล้าหาญ และพูดขึ้นมาทันทีว่า “ท่านผู้ใจดี ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมีเงินนะ ฉันจะเอาเงินให้!”
”จะมีกี่คนที่ขี้เหนียวแบบแก!”ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขายังคงชกอยู่
น้ำตาของถงเฉียนเริ่มร่วงเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและไม่รู้ว่าเขาได้ไปทำให้เขาขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อไร
“แกอยากจะรู้จักชื่อฉันไหมล่ะและจะได้มาแก้แค้นฉันใช่ไหม?” ในเวลานี้ฮวงเฟิงได้ทุบเข้าที่ขาของถงเฉียน แรงเตะนั้นไม่ธรรมดาเลยจนถึงขั้นได้ยินเสียงของกระดูกที่ถูกัน
“ฉันไม่กล้าฉันไม่กล้า ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้” ถงเฉียนก่นด่าฮวงเฟิงอยู่ในใจแต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
“ฉันไม่กล้าแต่แกคิดอยู่ในใจใช่ไหม? นี่แกคิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงชกเขาอีกคร้ง
“ยังไงก็ตามบอกแกไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกรู้ไหมว่าทำไมแกถึงถูกตีแบบนี้? ก็เพราะพี่เปียวไงล่ะ! คนอื่นเรียกฉันว่า พี่หลาง พี่เปียวกับฉันพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าแกยังกล้าส่งคนไปทำร้ายเขาก็เชิญเลย ถ้าแกยังไม่อยากมีชีวิตอยู่?!”
ฮวงเฟิงรู้เพียงแค่ว่าถงเฉียนส่งคนไปสั่งสอนพี่เปียวแต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เปียวบ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจถ้าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับทางนั้น
“ฉันไม่กล้าฉันไม่กล้าแล้ว” ถงเฉียนจดจำชื่อของพี่เปียวและพี่หลางไว้ในใจแต่ขณะที่ปากกำลังร้องขอความเมตตา
บทที่ 156 พี่หลาง
“ฉันสงสัยว่าถ้าแกยังกล้าที่จะทำแบบนี้อีกในอนาคตฉันก็คงจะไม่กล้าละสายตาจากแกได้เพื่อไม่ให้ใครมาทำให้ฉันต้องเคืองใจ!” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างยโส
“ใช่ใช่ ฉันจะระวัง” เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงหยุดตีเขาแล้ว ถงเฉียนก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตามเขายังดีใจเร็วเกินไป เพราะเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้วแต่ทันใดนั้นเสียงลมกระพือก็ดังขึ้นและหลังจากนั้นเขาก็ได้สลบไป
เมื่อเห็นว่าถงเฉียนสลบไปแล้วฮวงเฟิงก็ถอนหายใจหนัก
ในใจของเขานั้นรู้สึกหงุดหงิดถงเฉียนเป็นอย่างมากและตอนนี้มันก็รู้สึกดีขึ้นมาก
แน่นอนว่าถ้าถงเฉียนยังคงสร้างปัญหาให้เขาอีกในอนาคตเขาก็คงจะไม่ปล่อยเขาเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขายังคงทำเช่นนี้ต่อไปเขาก็คงจะไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆ เขาก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้หากเขายังคงทำเช่นนั้นต่อไปเขาก็คงจะไม่ลงเอยเช่นนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าฮวงเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอและถ้าถงเฉียนรู้ว่าเขามีความเคลื่อนไหวเขาจะต้องตอบโต้เขาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมาะกับตระกูลถงดังนั้น ฮวงเฟิงจึงสามารถเลือกใช้วิธีนี้ได้เฉพาะตอนที่เขาไม่ต้องการแสดงตัวเอง
เมื่อเรื่องนี้สงบลงฮวงเฟิงจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องจากไป คนสองคนที่เดินผ่านเขาไปคงจะกลับมาเร็วๆ นี้ เขาไม่ต้องการให้พวกนั้นสังเกตเห็นเขา
เป็นตามที่คาดไว้เมื่อฮวงเฟิงเดินลงมาจากชั้นสองเขาก็พบทั้งสองคนจากก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามคราวนี้มีสาวสวยเซ็กซี่สองสามคนตามมาข้างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาพร้อมกับถงเฉียน
แต่ว่าตอนนี้ถงเฉียนนั้นไม่สามารถที่จะหาความสุขกับผู้หญิงเหล่านี้ได้แล้ว
สาวสวยเซ็กซี่เพียงไม่กี่คนก็มองไปที่ฮวงเฟิงไม่ใช่เพราะเขาหล่อ แต่เป็นเพราะพวกหล่อนมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของพวกเธอ
ขณะที่ฮวงเฟิงเดินผ่านพวกเธอไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง
พร้อมกับก้มหน้าลงซึ่งนั่นทำให้พวกเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“แปลกคนจริงๆ”สาวสวยทั้งหลายคิดอยู่ในใจ
“ก๊อกก๊อก ก๊อก!” นายน้อยถง นายน้อยถง พวกเรากลับมาแล้ว คราวนี้ฉันหวังว่าท่านจะพอใจกับคนที่พวกเราพามาด้วย”
คนเหล่านั้นเข้ามาในห้องส่วนตัวของถงเฉียนและเหลาหยูพวกเขาเคาะประตูและกล่าวออกมา
อย่างไรก็ตามภายในห้องยังคงเงียบสนิทและไม่มีเสียงตอบรับ
ผู้หญิงที่นำคนพวกนั้นมาถึงกับยิ้มเจื่อนเธอจึงเคาะประตูอีกครั้ง “นายน้องถง นายน้อยถง ฉันพาสาวสวยมาแล้ว ฉันเข้าไปได้ไหม?”
เมื่อยังไม่มีเสียงตอบจากทางด้านในคนที่เดินนำมาจึงมองหน้าคนที่อยู่ข้างและกล่าวว่า “คงจะเป็นเพราะพวกเขากำลังร้องเพลงอยู่ หรือไม่ก็คงจะกำลังคุยกันเพลินอยู่กระมัง”
การเก็บเสียงของห้องส่วนตัวนั้นดีมากถึงจะอย่างนั้นก็ตาม ยังไงพวกเขาก็ต้องได้ยินเสียงเคาะประตูสิ พวกเขาก็ยังสงสัยอยู่ในใจ
“อย่าบอกนะว่าพวกเขาเมาซะแล้ว?”อีกคนที่อยู่ข้างๆ กล่าว
คนที่นำทีมารู้สึกว่ามันก็คงจะเป็นไปได้แต่เธอก็ยังไม่อยากที่จะยอมแพ้ดังนั้นเธอจึงเคาะประตูอีกครั้งและกล่าวว่า “นายน้อยถง นายน้อยหยู พวกเราจะเข้าไปแล้วนะ”
หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้าให้คนที่อยู่ด้านหลังเธอเปิดประตูออกและเดินนำเข้าไป
“เอทำไมถึงได้ปิดไฟมืดแบบนี้ล่ะ?” คนที่นำทีมมากล่าว หลังจากที่เธอพูดจบประโยค เธอก็คิดอยู่ในใจว่า “นี่สองคนนั้นปิดไฟในห้องแบบนี้ พวกเขายังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถึงแม้ว่านายน้อยถงจะมาตรฐานสูงอยู่สักหน่อย แต่เขาก็ชอบสาวสวย เธอไม่เคยได้ยินว่ามีใครชอบผู้ชาย
นอกจากนี้ในห้องก็ยังเงียบเกินไปและดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้นหญิงที่สงสัยจึงเปิดไฟที่อยู่ข้างประตู
เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ในห้องเธอถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องเสียงดังออกมา
ฮวงเฟิงได้เดินไปที่ทางเข้าคลับเฮาส์แล้วและดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้น
เขาถูจมูกอย่างไม่รู้ตัวเป็นไปได้ไหมว่าเขาจะทุบตีพวกนั้นรุนแรงเกินไปและทำให้สาวงามเหล่านั้นตกใจกลัว?
ฮวงเฟิงเดาถูกแล้วสาวงามเหล่านั้นหวาดกลัวอย่างแท้จริง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเพียงไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป ถงเฉียนและเหลาหยูจะกลายเป็นเช่นนี้แล้ว
ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและมีเลือดไหลออกจากมุมปากและจมูกซึ่งทำให้ทั้งสองคนหมดสติ
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่กล้าที่จะทำอะไรถงเฉียนเขาเชื่อว่าหลังจากคืนนี้ไป ถงเฉียนจะต้องพุ่งเป้าไปที่พี่เปียวและคนที่ไม่มีตัวตนที่ชื่อว่า พี่หลาง
ฮวงเฟิงผิวปากขณะที่รอให้รถกลับมาเมื่อเขากลับมาถึงที่พักแล้วเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เพราะว่าในเวลานี้กล่องจักรวาลของเขาได้รับของชิ้นใหม่มาอีกแล้ว
ปืนที่ถูกทิ้งไว้:ปืนพกที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างธรรมดา
คำอธิบายยังคงเรียบง่ายขณะที่ฮวงเฟิงหยิบปืนขึ้นมาเขาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะสามารถจับต้องสิ่งนี้ได้
ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาจะเอาปืนปลอมเข้าไปไว้ข้างใน
ครั้งสุดท้ายตอนที่ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพราะมีคนมาต่อแถวรอจ่ายเงินเยอะเขาเลยรู้สึกเบื่อกับการต้องเข้าแถวรอ
ในตอนนั้นเขาเห็นคนขายปืนของเล่นที่อยู่ใกล้ช่องชำระเงินเขาจึงหยิบขึ้นมาดูอย่างไม่ใส่ใจนัก
ตอนที่ฮวงเฟิงยังเด็กเขาจะใช้เงินปีใหม่ซื้อปืนแบบนี้ในทุกวันปีใหม่ เขาซื้อมันทุกปี แต่เขาไม่ได้ทำมันอีก จนกว่าเขาจะโตขึ้น
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นปืนนี้อีกครั้งเขาจึงรู้สึกคิดถึงเล็กน้อย เขาจึงได้ซื้อมันมา
หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาบ้านเขาก็ได้ใส่มันเข้าไปในกล่องจักรวาลและลืมนำมันออกมา
ฮวงเฟิงสัมผัสปืนในมือของเขาเห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากปืนที่เขาได้ใส่ไว้ก่อนหน้านี้
ปืนกระบอกนั้นทำจากพลาสติกแต่ปืนกระบอกนี้ทำจากโลหะและยังมีโคลนและเลือดติดอยู่บนปืนด้วย
ลักษณะของปืนกระบอกนี้ค่อนข้างคล้ายกับปืนพกเมาเซอร์แต่ชื่อเรียกนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ฮวงเฟิงก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าจะมาจากอวกาศเดียวกันกับของพวกเขา
”ฉันสงสัยว่ามันต้องมีกระสุนอยู่ข้างในแน่เลย”ฮวงเฟิงพึมพำแล้วหยิบแม๊กกาซีนออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่นกับปืนจริงมาก่อนแต่เขาก็เคยเล่นปืนปลอมมาพอสมควร
ดังนั้นหลังจากสัมผัสอยู่สักพักเขาก็สามารถกำจัดแม็กกาซีนได้อย่างง่ายดาย
”มีกระสุนอยู่จริงๆด้วย!” ฮวงเฟิงตะโกนออกมา แต่หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า: “ขี้เหนียวจริงๆ มีแค่นัดเดียวเอง”