กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 173 -174
บทที่ 173 อ้อมไปด้านหลัง
เจิ้งหมิงกลับมาทางด้านของฮวงเฟิงอีกครั้งถึงแม้ว่าเขาจะไม่พบอะไร แต่ถ้าฮวงเฟิงบอกว่ามี มันก็ต้องมี
“นายควรจะอยู่ตรงนี้นะและคอยเตือนคนที่อยู่รอบๆด้วย ฉันจะอ้อมไปทางด้านหลัง เมื่อไรก็ตามที่เห็นแสงสว่างให้พวกนายเข้าโจมตีเลยนะ!” ฮวงเฟิงกล่าวกับเจิ้งหมิง
“แต่พี่ฮวงมันอันตรายเกินไปนะถ้าพี่จะไปคนเดียว ฉันจะไปด้วย” เจิ้งหมิงกล่าว
“ไม่เป็นไรฉันไปคนเดียวได้ ต้องใจดูสถานที่แค่นั้นก็พอนะ” ฮวงเฟิงชี้ไปยังจุดที่เขาได้ยินเสียง แต่อีกฝ่ายยังคงเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เจิ้งหมิงยังต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ฮวงเฟิงก็ตบที่ไหล่ของเขา และจากนั้นก็งอตัวและข้ามผ่านคูลึกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชายแดน
เจิ้งหมิงอ้าปากแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นเขาก็ไปหาหัวหน้าหมวดของเขาและบอกว่าฮวงเฟิงเพิ่งจะบอกอะไร และบอกให้พวกเขาเตรียมพร้อม
ฮวงเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อในตัวเขาเหมือนอย่างเจิ้งหมิงหรือไม่
เพราะว่าเขาก็ยังไม่เห็นอะไรเลยอย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่ได้สนใจอะไรแล้วในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย
ฮวงเฟิงนั้นรวดเร็วมากหลังจากที่ไปถึงขอบของคูลึกเขาก็ออกมาจากคูและก้มตัวลงวิ่งต่อไป
เขาวิ่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่วิธีนั้นทำให้อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา
ทั้งเขายังคงสวมรองเท้าหนังพิเศษความเร็วของเขานั้นจึงเร็วมาก
ไม่เช่นน้นก่อนที่คนทั้งหลายจะไปถึงที่ด้านหลังของอีกฝ่ายอีกฝ่ายนั้นก็เกือบจะมาถึงคูลึกแล้ว และกำลังจะเข้าโจมตี
เมื่อเขารู้สึกว่ากำลังจะเข้าใกล้อีกฝ่ายฮวงเฟิงก็ค่อยๆ ก้าวเท้าของเขาให้ช้าลงและพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด
ทันใดนั้นฮวงเฟิงก็พบว่าไม่ไกลจากสายตาของเขานักมีเงาตะคุ่มเคลื่อนไหวอยู่และเห็นคนสองสามคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นอย่างรางๆ
เดิมทีฮวงเฟิงไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวในทันทีเพราะเขาไม่รู้ว่าเจิ้งหมิงพร้อมหรือยัง
แต่เมื่อมองไปที่คนเหล่านี้ที่เข้าใกล้ร่องลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อมองไปที่พวกเขาก็เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นมีทักษะสูงของกองทัพพันธมิตรด้วยการเคลื่อนไหวที่มีทักษะเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำเช่นนี้ และเป็นไปได้มากว่าพวกเขาน่าจะเป็นหน่วยรบพิเศษ
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะปล่อยให้พวกนั้นเข้าใกล้ไม่ได้”ฮวงเฟิงพึมพำ
หลังจากนั้นเขาก็เตรียมใช้เวทมนตร์ในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทเขาเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่แถวนี้ ซึ่งทำให้เขาใช้เวทมนตร์ได้อย่างสะดวก
ฮวงเฟิงใช้ทักษะ’การเจาะหิน’ เป็นครั้งแรก นี่เป็นทักษะระยะไกลที่สามารถทำลายทั้งภูมิภาคได้ แม้ว่าจะไม่สามารถรวมทุกคนในกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ก็ยังคงมีผลอยู่
อิโตะอิจิโร่ เขาเป็นผู้บัญชาการของการจู่โจมครั้งนี้แล้ว และคนที่เขาพามาด้วยก็ไม่ใช่กองทหารธรรมดาแต่ผ่านการฝึกอบรมพิเศษมาแล้ว
ในการต่อสู้ครั้งก่อนพวกเขาไม่ได้ออกโรงเองแต่เป็นกองหนุนมาตลอด
และความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งมากเหมาะสำหรับการปฏิบัติการขนาดเล็กประเภทนี้
ในทางตรงกันข้ามในแนวหน้าบทบาทของพวกเขาอยู่ระดับปานกลาง ดังนั้นจึงต้องเป็นเวลานี้เท่านั้น
แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีจำนวนไม่มากนักแต่ถ้าพวกเขาใช้มันให้ดีพวกเขาก็จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมดได้
เป้าหมายของพวกเขาในการมาที่นี่ครั้งนี้ก็คือลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังของศัตรู
เมื่อมองไปที่คูลึกที่กำลังใกล้เข้ามาอิจิโร่ ก็ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ
ในระหว่างวันพวกเขาได้กำหนดที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ชั่วคราวของศัตรูเอาไว้แล้วคราวนี้พวกเขาจึงมุ่งตรงไปยังสถานที่นั้น
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บในช่องท้องราวกับว่ามีของมีคมแทงขึ้นมาจากพื้น วัตถุนั้นแหลมคมเป็นพิเศษและแทงทะลุท้องของเขาทันที!
คราวนี้ฮวงเฟิงไม่ได้ยั้งมือเลย หลังจากผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลานานเขาได้เก็บเวทมนตร์ไว้ในร่างกายของเขา
ดังนั้นหลังจากปลดปล่อยเวทมนตร์จำนวนมากในครั้งเดียวพลังเวทย์มนตร์ที่เขาแสดงจึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
นอกจากอิจิโร่ที่ถูกแทงแล้วคนอื่นๆ อีกสองสามคนที่อยู่รอบตัวเขาก็เจอแบบเดียวกัน
“หรือว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว?”นี่เป็นความคิดแรกที่อยู่ในใจของอิจิโร่ หากอีกฝ่ายได้เตรียมการไว้แล้วจริงๆ การจู่โจมในครั้งนี้ก็คงจะเป็นเรื่องตลกจริงๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้มากนักเพราะคลื่นแห่งความเจ็บปวดที่มาจากช่องท้องของเขาทำให้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ฮวงเฟิงเองก็ตั้งใจที่จะไม่หยุดแต่คราวนี้เขาไม่ได้ใช้ทักษะการเจาะหิน เพราะทักษะนี้สามารถทำร้ายผู้คนได้ แต่ฆ่าคนนั้นยังค่อนข้างยากอยู่
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าฮวงเฟิงจะไม่สามารถฆ่าคนได้เขาเริ่มร่ายมนต์อีกครั้ง
คราวนี้เป็นทักษะประเภทไฟ:เทคนิคลูกบอลไฟ!
ฮวงเฟิงไม่เคยใช้ทักษะนี้มาก่อนแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดมันเอาไว้
นี่เป็นเพราะในความคิดของเขาการใช้เวทมนต์ที่นี่จะทำให้คนอื่นสงสัยเขาอย่างแน่นอน
แต่ตัวเขาเองไม่เคยอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อนดังนั้นเขาจึงมีความระมัดระวังน้อยลง
ด้วยการโบกมือด้านขวาของฮวงเฟิงลูกไฟที่ก่อตัวขึ้นในมือของเขา ก็ลอยไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เร็วมากจนอีกฝ่ายไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ และลูกไฟก็ตกลงมาท่ามกลางพวกเขาทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาลุกเป็นไฟ
ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ถูกจุดให้ลุกเป็นไฟ และแสงที่มาจากลูกไฟยังทำให้เจิ้งหมิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ในคูลึกสามารถมองเห็นศัตรูที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาได้อย่างชัดเจน
“บุก!”เอามันให้หนักเลย!” เสียงของลู่ต้าเปียวดังขึ้นมาและเสียงปืนดังก็ขึ้นใกล้ๆ
จากนั้นปรากฎว่าเมื่อเจิ้งหมิงไปหาหัวหน้าหมวดรองกัปตันกำลังเดินผ่านเขาไป
หลังจากได้ยินคำพูดของเจิ้งหมิงแม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ในใจ
แต่เพื่อความปลอดภัยเขาจึงได้พาคนของเขามาที่จุดซ่อนตัวนี้และรอแสงไฟตามที่ฮวงเฟิงได้บอกไว้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าฮวงเฟิงทำมันได้อย่างไร
แต่ด้วยแสงเหล่านั้นพวกเขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีข้าศึกไม่กี่คนอยู่ในระยะไกลและเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่คนของพวกเขา
เสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเทคนิค ลูกบอลไฟของฮวงเฟิงจะสามารถจุดไฟเผาผู้คนจำนวนมากได้ในตอนแรก
แต่มันก็มีพลังจำกัดและไม่สามารถฆ่าใครได้
เขายังคงเป็นนักเวทย์ฝึกหัดแต่เขาต้องการแสงเหล่านี้และสร้างความวุ่นวายในฝั่งของคู่ต่อสู้
บทที่ 174 แฝงตัว
ทางฝ่ายประเทศหวอคิดว่าเขาสามารถจับคู่ต่อสู้ของเขาได้แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว
อีกฝ่ายไม่เพียงวางกับดักไว้ที่พื้นแต่เขายังตั้งแนวป้องกันไว้ข้างหน้าอีกด้วย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดแต่สิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือการกระทำที่เขาเคยคิดว่าเข้าใจผิดในตอนแรกนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกในสายตาของฝ่ายตรงข้าม
“พรรคพวกถอยโว้ย!” เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ อิจิโร่จึงรีบถอยกลับ
ในเวลานี้คนของพวกเขาได้เกิดบาดเจ็บล้มตายแล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยไฟสว่างไสวซึ่งมันสะดุดตามาก
ฮวงเฟิงนอนลงบนพื้นอย่างเงียบๆแต่เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาใกล้ เขาก็ใช้เวทมนตร์อีกครั้ง
คราวนี้เขาใช้ใบมีดลมเนื่องจากระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่ไกลมากนัก
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงสามารถควบคุมใบมีดลมเพื่อตัดคอของคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ
นี่น่าจะเป็นทักษะเวทย์มนตร์ที่ร้ายแรงที่สุดที่ฮวงเฟิงมีมาจนถึงตอนนี้
พวกเขากุมคอด้วยความไม่เชื่อและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นราวกับว่าจู่ๆ พวกเขาก็ถูกคมมีดบาด
เลือดยังคงไหลออกมาจากลำคอและมือของเขาในตอนแรกไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนเสื้อผ้าของเขาเลย
แต่ท้ายที่สุดแล้วการกระทำของเขาก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นในตอนนี้แต่ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว
หลังจากได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็ไม่มีความหวังสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัวความตายและความคิดถึงโลก
เขายังคงต้องการรับใช้จักรพรรดิและภรรยาของเขาก็ยังคงรอให้เขากลับบ้าน แต่ทุกอย่างดูห่างไกลจากเขายิ่งนัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูยุ่งเหยิงแต่ฮวงเฟิงได้ใช้ประโยชน์จากเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปใกล้พรมแดนของพวกเขาอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นในที่ไม่สว่างนักเขาก็ได้พบกับศพของชาวหวอที่ตายแล้วและลากศพของเขาไปที่ด้านข้าง
หลังจากนั้นเขาก็รีบถอดเสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้ามและสวมใส่เข้าไปแทนเสื้อผ้าของเขา
เป้าหมายของฮวงเฟิงคือการติดตามคนเหล่านี้ไปยังค่ายของอีกฝ่าย
แน่นอนว่าเรื่องนี้อันตรายมากและหากมองผ่านๆฮวงเฟิงจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่เพราะฮวงเฟิงรู้ว่าเขาจะไม่ตายอย่างแท้จริงหัวใจของเขาจึงไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป
เขารู้ว่ากองทัพจีนคงไม่สามารถยึดฐานที่มั่นไว้ได้นาน
แม้ว่าพวกเขาจะทำภารกิจสำเร็จแต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถจากไปได้
ดังนั้นวิธีสุดท้ายที่พวกเขามีคือปล่อยให้อีกฝ่ายถอยหนีหรือตกอยู่ในความวุ่นวาย
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะยังพอมีโอกาสและฮวงเฟิงสามารถคิดแผนการลอบสังหารได้
ตอนนี้กองทหารของประเทศจีนกำลังเสียเปรียบและสามารถยึดฐานที่มั่นไว้ได้ดีพออยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเกิดเหตุการณ์ขึ้นในทุกหนทุกแห่ง ฮวงเฟิงอยู่ไม่ไกลจากพวกขี้โกงมากนักแต่ลู่ต้าเปียวและคนอื่นๆ กำลังเข้าโจมตีตลอดเวลาที่เหลืออยู่
ดังนั้นขณะที่ฮวงเฟิงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้นเขาก็โดนกระสุนจริงเข้าให้ โชคดีที่กระสุนเพียงแค่ถากขาของเขาเท่านั้นและไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต
ฮวงเฟิงอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เขาไม่ได้ถูกศัตรูโจมตีแต่ตอนนี้เขาโดนพวกของเขายิงเอง
อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็ยังดีกว่าที่พวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้มันจะสะดวกกว่าสำหรับพวกเขาที่จะแอบเข้าไปหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่าไอ้พวกนั้นจะโกลาหลไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเนื่องจากการตายของอิจิโร่
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปหลังจากนั้นลู่ต้าเปียวและคนอื่นๆ ก็เร่งโจมตีพวกเขามาตลอด
ยิ่งเมื่อพวกเขาถอยกลับมาพวกเขาไม่รู้ว่ามีสมาชิกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มขึ้นมาอยู่เคียงข้างในกลุ่มของพวกเขาแล้ว
ฮวงเฟิงเข้าร่วมกับพวกเขาที่ด้านหลังและเขาก็ยังคอยช่วยเหลือพวกนั้นที่ได้รับบาดเจ็บและเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
แม้ว่าพวกคนขี้โกงจะถอยกลับไปหลังจากพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มีจำนวนผู้เสียชีวิตก็ไม่น้อยอย่างน้อยก็หนึ่งในสามของทั้งหมดที่ได้รับบาดเจ็บ ลู่ต้าเปียวพอใจกับผลลัพธ์มากและไม่สามารถเก็บซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้
“เอาล่ะครั้งนี้ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจิ้งหมิง”ลู่ต้าเปียวตบไหล่ของเจิ้งหมิงอย่างมีความสุขและหัวเราะออกมาดังๆ
ผู้คนรอบข้างต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าพวกเขาอารมณ์ดีและแม้กระทั่งความเหนื่อยล้าในร่างกายก็ลดน้อยลงไปด้วย
พวกเขายังมีเหตุผลที่จะมีความสุขก็เพราะศัตรูได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
และถึงแม้มีโอกาสที่ซุ่มโจมตีพวกเขาในเวลากลางคืนที่ผ่านมาแต่พวกเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแล้วพวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร? จนถึงตอนนี้การต่อสู้ของนักแม่นปืนคนนี้ก็ยังสวยงามที่สุด
“อ้าวทำไมดูนายไม่ค่อยมีความสุขล่ะ?” ลู่ต้าเปียวสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเจิ้งหมิงไม่ได้มีความสุขมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ
ในขณะที่เขามองไปยังสถานที่ใกล้กับสนามรบในระยะไกล
“พี่ฮวงยังไม่กลับมาเลย”เจิ้งหมิงตอบว่า: “ฉันสงสัยว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พี่ฮวงงั้นเหรอ?”ลู่ต้าเปียวกล่าวว่า: “คนที่นายบอกว่าเป็นคนแรกที่รู้ว่าเจ้าพวกชาวหวอจะมาลอบโจมตีพวกเราใช่ไหม?”
”เอ่อเขานั่นแหละ หลังจากที่พี่ฮวงพบเขาก็บอกให้ฉันไปหาผู้บังคับหมวด แต่เขาเดินอ้อมไปทางด้านหลังของพวกชาวหวอโดยบอกว่าเขาจะไปจัดการพวกมัน” เจิ้งหมิงกล่าว
”อืมการไปคนเดียวมันอันตรายมาก ไม่ต้องห่วงฉันจะส่งคนไปดู” ลู่ต้าเปียวกล่าว
หลังจากนั้นเขาก็ส่งคนสองสามคนไปดูเหตุการณ์ในสนามรบอย่างไรก็ตามเขากลัวว่าจะมีศัตรูที่ซุ่มโจมตีอยู่ ดังนั้นเขาจึงให้พวกเขาคลานไปบนพื้น วิธีนี้เมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าความเร็วจะช้ากว่า แต่ก็ปลอดภัยกว่า
เจิ้งหมิงก็อยากไปเช่นกันแต่เขาถูกห้ามเอาไว้โดยลู่ต้าเปียว ซึ่งกลัวว่าเขาจะไม่ใจเย็นเมื่อถึงเวลานั้น และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ ฮวงเฟิงเขาอาจจะสูญเสียการควบคุมและก่อให้เกิดปัญหาขี้นได้
เจิ้งหมิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ในตำแหน่งเดิมและเฝ้าดูสนามรบที่มืดมิดจากระยะไกลเขาได้แต่รู้สึกกังวลในใจอย่างเงียบๆ
และในเวลานี้ฮวงเฟิงได้ติดตามกองทัพของประเทศหวอที่แตกกระเจิงไปแล้วและเดินทางมาถึงค่ายของพวกมัน
ผู้คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ได้คาดคิดว่าประเทศจีนจะส่งคนเข้าไป
ดังนั้นจึงได้ปล่อยพวกเขาเข้ามาโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบใดๆ
และหนึ่งในหลายเหตุผลนั้นก็คือหลายคนได้รับบาดเจ็บและสถานการณ์ก็วุ่นวายมากและไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะมาตรวจสอบ