กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 203-204
บทที่ 203 มีศพ
ความจริงที่ว่ามีคนตายอยู่ในรถนั้นออกจะเป็นเรื่องแปลกอยู่สักหน่อยแต่ก็ยังพอรับได้
บางทีใครบางคนในครอบครัวของอีกฝ่ายอาจจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายได้หนีไปด้วยความตื่นตระหนกหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางจราจรนั่นจึงทำให้เกิดปัญหา
“คุณสายตาดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”คุณสามารถมองเห็นคนในรถได้จากระยะนั้นเลยเนี่ยนะ?” ถึงแม้ว่าจางหลินจะไม่อยากเข้าไปยุ่งแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโต้กลับฮวงเฟิง
”คุณพูดมากเกินไปแล้วนะหลีกไปสิ” อย่างไรก็ตาม ชิวหนิงช่วงรู้สึกไม่พอใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลยที่จะตระหนักว่านี่อาจจะเป็นคดีอาชญากรรม แล้วเธอจะยินดียอมรับคนที่ราดน้ำเย็นใส่เธอได้อย่างไรกัน?
”สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมดมีศพอยู่ที่เบาะหลังของรถคันนั้น ถ้าพวกคุณไม่ไล่ตาม พวกเขาก็จะหนีไปได้” ฮวงเฟิงกล่าว
เดิมทีฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้มีความประทับใจในตัวพี่เปียวอยู่แล้วและเคยปะทะกับพวกเขามาก่อนแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดที่จะฆ่าพวกเขา
ที่สำคัญเมื่อไม่นานมานี้ฮวงเฟิงก็ได้ทำร้ายร่างกายถงเฉียนและใส่ร้ายว่าเป็นพี่เปียวที่เป็นคนทำ
ไม่นานหลังจากนั้นพี่เปียวก็เสียชีวิต ฮวงเฟิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับถงเฉียน
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงชิงหนิงช่วงก็ไม่ลังเลใดๆ เธอพูดกับคนขับว่า: “รถของคุณได้ถูกยึดไว้แล้ว ให้ไปที่สถานีตำรวจจราจรเพื่อรับรถของคุณในวันพรุ่งนี้นะ”
จากนั้นเธอก็เข้าไปที่ที่นั่งคนขับและฮวงเฟิงก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะขึ้นรถเช่นกันเขาต้องการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นและเกี่ยวข้องกับถงเฉียนหรือไม่
จางหลินที่ยืนอยู่นอกรถด้วยความเคว้งคว้างว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เขาต้องการร่วมเดินทางไปกับชิวหนิงช่วงด้วยแต่เขาก็กลัวเช่นกันว่าถ้าคนในรถเป็นอาชญากรแล้วการไล่ตามชิวหนิงช่วงก็จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เขาไม่ต้องการเช่นนั้นและเขาก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงขนาดนั้น
ในเวลานี้หัวใจของจางหลินเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อฮวงเฟิง
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นเขาก็คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
ชิวหนิงช่วงเองก็เห็นความลังเลของจางหลินในเวลาเดียวกันเธอก็คิดดูถูกเขาและพูดว่า: “คุณไม่ต้องไปด้วยหรอก จัดการกับเรื่องที่นี่และติดต่อตำรวจซะ”
”ตกลงตกลง” จางหลินถือโอกาสนี้ตอบตกลง
จากนั้นชิวหนิงช่วงก็มองไปที่ฮวงเฟิงแต่ไม่ปล่อยให้เขาลงไปและขับรถออกไป
“เฮ้นั่นรถฉันนะ รถฉัน เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?! เอารถฉันคืนมานะ!” เมื่อคนขับรถแท็กซี่กลับมาได้สติและตะโกนเรียกรถของเขา มันก็ไปไกลเสียแล้ว
“นี่คุณจะตะโกนหาอะไร?รถของคุณถูกยึดแล้ว พรุ่งนี้ก็แค่มาที่สถานีตำรวจ ถ้าขืนยังตะโกนอยู่อีก ผมจะแจ้งว่าคุณขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่!” จางหลินตะคอกใส่คนขับแท็กซี่ที่อยู่ข้างๆ เขา
เพราะการแสดงของเขาในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกรำคาญนิดหน่อยแต่ตอนนี้เขากำลังระบายความโกรธของเขากับคนขับแท็กซี่
”แน่ใจนะว่าเห็นชัด?”ภายในรถแท็กซี่ ชิวหนิงช่วงก็ถามขึ้นมา
ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่เชื่อในคำพูดของฮวงเฟิงอย่างง่ายดาย
แต่ใครจะรู้ว่าชิวหนิงช่วงจะเจอคดีใหญ่แบบไหนที่จะทำให้เธอสามารถได้แสดงความสามารถของเธอได้?
ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเธอก็จะไม่ยอมแพ้
”ฉันไม่แน่ใจ”อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็ยังส่ายหน้าและกล่าวทันทีว่า: “อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นว่ามีคนนอนอยู่บนเบาะหลังของรถคันนั้น ใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาของเขาปูดโปน และเขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวอีกด้วยนะ”
”สายตาของคุณดีขนาดนั้นหรือ?ตอนนั้นคุณยังไม่ได้ลงจากรถเลยใช่ไหม?” ชิวหนิงช่วงกล่าว
แม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่แน่ใจแต่จากคำอธิบายของฮวงเฟิง รถคันนั้นน่าสงสัยมาก
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไล่ตามต่อไปแล้วจะเป็นอย่างไรถ้ามีคนตายที่นั่น?
”สายตาของฉันดีมาตลอดถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณสามารถตรวจสอบได้หลังจากที่หยุดรถคันนั้นได้แล้ว” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย เขาค่อนข้างมั่นใจในสายตาของตัวเอง
ชิวหนิงช่วงพยักหน้า:”โอเค เราจะจอดข้างถนนเร็วๆ นี้แหละ ฉันจะทำให้คุณผิดหวัง”
”ไม่ฉันก็อยากดูเหมือนกันนะคุณเจ้าหน้าที่ ฉันเป็นคนพบเรื่องนี้คุณเองก็คงไม่อยากทำลายสะพานหลังจากข้ามแม่น้ำใช่ไหม?” ฮวงเฟิงรู้สึกไม่พอใจทันที
”คุณหมายถึงอะไร?’ทำลายสะพานหลังจากข้ามแม่น้ำ’ ฉันกำลังทำสิ่งนี้เพื่อความปลอดภัยของคุณอยู่นะ” ชิวหนิงช่วงเกือบจะพูดไม่ออก
เพื่อนร่วมงานของเธอกลัวและก็ไม่กล้าตามมาในขณะที่คนที่ไม่เกี่ยวข้องคนนี้กลับคิดที่จะติดตามเรื่องนี้
”ไม่เป็นไรฉันเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน นอกจากนี้คุณกำลังเสียเวลากับการจอดรถและเปิดประตู คุณควรดูแลคนมากกว่านี้ใช่ไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
”ใช่แต่คุณต้องเชื่อฟังฉันนะ” ชิวหนิงช่วงคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า
”แน่นอนไม่มีปัญหา” ฮวงเฟิงให้สัญญาอย่างมีความสุข
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฮวงเฟิงและคนอื่นๆกำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาไม่ได้ใช้เวลามากเกินไป
นอกจากนี้การจราจรยังไม่ค่อยดีนักในตอนนี้พวกเขาจึงไม่คลาดกับรถคันหน้าเพราะรถคันนั้นยังอยู่ในสายตาของพวกเขา
รถคันข้างหน้าดูเหมือนจะไม่ทันได้สังเกตเห็นรถที่ตามหลังพวกเขามาตั้งแต่เริ่มต้น
แต่เมื่อพวกเขาขับเข้าไปในที่เปลี่ยวพวกเขาก็จะสามารถมองเห็นรถแท็กซี่ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจุดหมายปลายทางเดิมของพวกเขาอยู่ที่นอกเมือง
”พวกเราจะทำยังไงดี?เหมือนจะมีคนตามเรามานะ” คนที่นั่งตรงที่นั่งผู้โดยสารมองกระจกมองหลังแล้วพูดออกมา
”เชี่ยเอ้ยฉันก็แค่เฉี่ยวรถพวกมันเองนะแต่มันกลับไล่ตามเรามาตลอดเลย” เขาคิดว่าเป็นคนขับรถที่ต้องการติดตามพวกเขาและให้พวกเขาจ่ายเงินให้
คนในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้ามีความคิดเช่นเดียวกันอย่างชัดเจน:”แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?”
”เอาไว้ทีหลังพวกเราจะจอดข้างหน้า แกลงไปจัดการมันซะ ถ้ามันอยากได้เงินก็จ่ายให้มันไป ถือว่าเป็นโชคร้ายของเราก็แล้วกัน” ชายที่นั่งที่คนขับมองไปที่ศพที่อยู่เบาะหลังแล้วพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาใดๆ ในตอนนี้
ก่อนหน้านี้พวกมันหนีออกไปได้เพราะมันอยู่ในเขตตัวเมืองและคนขับก็หนีไปแล้ว
ถ้าพวกเขาไปถึงรถคนนั้นพวกเขาก็อาจสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเห็นว่ามีตำรวจจราจรอยู่ไม่ไกลจึงไม่กล้าหยุดรถ
“ให้ตายเถอะถ้าฉันรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันคงจะเอาศพใส่ไว้ในท้ายรถไปแล้ว” คนขับบอกว่าพวกเขาวางศพไว้ที่เบาะหลังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุพวกเขาจึงไม่กล้าหยุดรถ ถ้าเอาใส่ไว้ที่ท้ายรถ พวกเขาก็คงไม่ต้องกลัวแบบนี้
ในขณะนี้มีรถสองคันคันหนึ่งอยู่ข้างหน้าและคันหนึ่งอยู่ข้างหลังได้ออกนอกเมืองไปแล้ว พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยแสงไฟสลัวและมีการจราจรที่โล่งมาก
บทที่ 204 ฆ่าซะ
”ดูเหมือนพวกเขาจะจอดแล้ว”ภายในรถ ฮวงเฟิงเห็นว่ารถคันข้างหน้าดูเหมือนจะหยุดและตอนนี้พวกเขาก็ได้ออกมานอกเมืองแล้ว ซึ่งมีรถน้อยมากคนที่อยู่ในรถคันหน้าน่าจะสังเกตเห็นว่าพวกเขาตามมาแล้ว
ชิวหนิงช่วงพยักหน้าเธอเองก็เห็นเช่นกันและในเวลานี้มีคนลงมาจากที่นั่งผู้โดยสารเป็นคนแรกซึ่งดูเหมือนจะรอพวกเขาอยู่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดรถชิวหนิงช่วงก็ลดความเร็วลงและกำลังจะจอดรถ “คุณต้องระวังตัวให้ดีนะ” เธอกล่าวเตือนฮวงเฟิงด้วยความเป็นห่วง
ฮวงเฟิงพยักหน้า
ชิงหนิงช่วงหยุดรถและลงจากรถมาครึ่งตัวแล้วคนที่อยู่ด้านนอกเห็นเธอและตกตะลึงไปชั่วครู่
จากนั้นเขาก็รีบขึ้นรถไปในทันที“เร็วเข้ารีบออกรถ นั่นมันไม่ใช่คนขับแท็กซี่ นั่นมันตำรวจจราจร!”
คนขับก็ตกใจเช่นกันเขาคิดว่าเป็นคนขับรถแท็กซี่ที่ไล่ตามพวกเขามา แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเป็นตำรวจจราจร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าหยุด
”ไม่ดีแน่พวกมันจะหนีแล้ว!” ฮวงเฟิงกล่าวกับชิงหนิงช่วง
การเคลื่อนไหวของชิวหนิงช่วงก็ไม่ช้าเช่นกันคนในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าเพิ่งเปิดประตูลงมาและกลับไปที่รถเมื่อเธอลงมาเขาก็เข้าไปที่ที่นั่งคนขับอีกครั้งและสตาร์ทเครื่อง
ความเร็วของคู่ต่อสู้ช้ากว่าเธอเล็กน้อยดังนั้นชิวหนิงช่วงจึงเกือบจะเข้าใกล้พวกเขาได้แล้ว
“พวกเราจะทำยังไงดี?”เดิมทีพวกเขาคิดว่ามันเป็นงานง่าย แต่ตอนนี้กลับเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
พวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นครั้งแรกและตอนนี้พวกเขาถูกตำรวจจราจรไล่ตามแม้ว่าตำรวจจราจรจะไม่ใช่ตำรวจ แต่เธอก็ยังเป็นตำรวจอยู่ดี!
”โทรหาพี่เฉิงและถามเขาว่าเราควรจะทำยังไง?”คนขับรถกล่าว
“อ้ออ้อ ดี” ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาทันทีและโทรหาหลินจื่อเฉิง
”เฮ้พี่เฉิง ตอนนี้ตำรวจจราจรไล่ตามพวกเราอยู่ พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
”แล้วตำรวจจราจรมาสังเกตเห็นพวกแกได้ยังไงกัน?”หลินจื่อเฉิงมองไปที่ลุงหลี่และพูดโทรศัพท์ ในตอนนั้นเขาอยู่กับลุงหลี่
”เราเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และตำรวจจราจรก็อยู่แถวๆนั้น พวกเราจึงขับรถหนีมา แต่ตอนนี้ตำรวจจราจรกำลังไล่ล่าเราพวกเราหนีมันไม่พ้นเลย” ชายคนนั้นกล่าว
“ไอ้โง่เอ้ย!”หลินจื่อเฉิงตะคอก อุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแล้วจะให้เรียกว่าอะไรดี?
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะตะคอกแต่เขาก็ยังคงต้องจัดการกับปัญหานี้
หลินจื่อเฉิงไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองดังนั้นเขาจึงแจ้งให้ลุงหลี่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ลุงหลี่เองก็ยังรู้สึกโมโหอยู่ในใจแม้ว่าถงเฉียนจุ้นจะบอกว่าเขาจะแก้ปัญหานี้ แต่หากมีการเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป เขาจะต้องถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะไม่ติดคุกไปกับถงเฉียนจุ้นแต่เขาก็อยากจะขาวสะอาดเหมือนกับถงเฉียนจุ้นในตอนนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้ที่สถานีตำรวจ
”ฆ่าตำรวจจราจรคนนั้นซะแล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันทั้งสองคนจะไม่กลับมาที่นี่ ให้ไปซ่อนตัวอยู่ในเมืองอื่นเสีย ตราบใดที่พวกมันไม่ถูกจับได้คาหนังคาเขาและถงเฉียนจุ้นก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์ทุกอย่างละเอียดเอง” ลุงหลี่กล่าว
”ครับ”หลินจื่อเฉิงตอบแล้วบอกทั้งสองคนเกี่ยวกับความตั้งใจของลุงหลี่
จริงๆแล้วพวกเขาสองคนมีความคิดเหมือนกัน
ท้ายที่สุดถ้าพวกเขาถูกจับได้พวกเขาก็จะจบเห่
และถ้าพวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ได้ฆ่าคนๆนี้ พวกเขาก็พูดได้แค่ว่าเป็นหลินจื่อเฉิงและลุงหลี่
และนี่ก็หมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีประเด็นสำคัญใดๆแต่ลุงหลี่และหลินจื่อเฉิงจะต้องตามมากแก้แค้นพวกเขาอย่างแน่นอน
และถ้าพวกเขาไม่เปิดเผยเรื่องนี้หลินจื่อเฉิงและลุงหลี่ทั้งสองคนก็จะต้องเข้าคุกดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากถูกจับ
”แม่งเอ้ยเพราะแกนั่นแหละ ตำรวจจราจรที่เสือกเข้ามายุ่ง แกรนหาที่ตายซะแล้ว แกโทษใครไม่ได้นะ!” คนขับพึมพำขณะที่มองกระจกมองหลังแล้วเข้าใกล้รถแท็กซี่มากขึ้น
จากนั้นเขาลดความเร็วลงเล็กน้อยและเมื่อรถแท็กซี่เข้ามาใกล้พวกเขาก็เหวี่ยงพวงมาลัยเข้าชน
”โครม”ร่างของฮวงเฟิงและชิวหนิงช่วงที่ไม่ได้เตรียมตัวสะเทือนอย่างรุนแรง โชคดีที่ทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
”เร็วเข้าจอดรถ!” ฮวงเฟิงกล่าว
ชิวหนิงช่วงกรอกตาใส่ฮวงเฟิง:”คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” แต่จากนั้นเธอก็เหยียบคันเร่งไปด้านหน้า จากนั้นก็หักพวงมาลัยรถเพื่อขวางทางของพวกมันเอาไว้
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนภายใต้คำสั่งของลุงหลี่จึงไม่กล้าที่จะประวิงเวลาไว้นานเกินไป
เนื่องจากพวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกจับได้แล้วพวกเขาจึงต้องจัดการตำรวจจราจรคนนี้โดยเร็วที่สุดแล้วรีบหลบหนีให้เร็วที่สุด
หากพวกเขาต้องล่าช้าไปกว่านี้ตำรวจจราจรคนนี้อาจจะขอความช่วยเหลือ และพวกเขาก็ต้องลืมเรื่องที่จะหลบหนีไปได้เลย
ดังนั้นทั้งสองคนจึงหยุดรถที่ริมถนนไม่น่าแปลกใจที่แท็กซี่ก็หยุดด้วย
เนื่องจากคนที่ไล่ตามพวกเขานั้นคือตำรวจจราจร
โดยปกติแล้วตำรวจจราจรจะไม่ยุ่งกับปืนดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่กังวลมากนัก แต่พวกเขาออกมานานแล้ว
แม้ว่าทักษะของพวกเขาจะไม่ดีเท่าของหลินจื่อเฉิงชิวหัว และคนอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับตำรวจจราจรธรรมดาแล้ว ทั้งสองคนก็มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
”คุณอยู่ในรถก่อนฉันจะออกไปข้างนอก” ชิวหนิงช่วงมองไปที่ทั้งสองคนที่อยู่นอกรถและหันไปพูดกับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้ขัดขืนเช่นกันแม้ว่าเขาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกชิวหนิงช่วง
”คุณสองคนมากับฉัน”หลังจากลงจากรถ ชิวหนิงช่วงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม อีกฝ่ายได้ใช้รถชนรถของเธอดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ทั้งสองคนมองตากันและหัวเราะอย่างน่ากลัว:”คุณเป็นแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตัวเล็กๆ ทำไมคุณไม่ติดตราของคุณไว้ที่กำแพงและเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นล่ะ?”
”ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าตำรวจจราจรที่ไล่ตามพวกเรามาตั้งนานจะสวยขนาดนี้พวกเราขอสนุกกันก่อนแล้วค่อยจัดการกับเธอแล้วกันนะ!” ทั้งสองคนเริ่มพูดโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจต่อหน้าของชิวหนิงช่วง ในใจของพวกเขาคิดว่าชิวหนิงช่วงเป็นคนที่ตายไปแล้วและไม่ว่าคนตายจะรู้สักกี่เรื่องมันก็ไร้ประโยชน์
ชิวหนิงช่วงขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปที่พวกเขาสองคนเธอก็เข้าใจแล้วว่าทั้งสองคนพยายามจะฆ่าเธอ
พวกเขาแค่เอารถเข้าชนและไม่ได้ฆ่าเธอเห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนยังไม่ยอมแพ้
ชิวหนิงช่วงไม่ได้รู้สึกกลัวแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย
ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้เจอคดีใหญ่และเพราะเธอใฝ่ฝันที่จะเป็นตำรวจเมื่อเธออยู่ในสถาบันตำรวจเธอจึงได้ฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่สำเร็จการศึกษาเธอก็ได้เป็นตำรวจจราจรมาโดยตลอดและไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือเลย ในที่สุดวันนี้เธอก็มีโอกาส
เมื่อเห็นว่าชิวหนิงช่วงไม่ขยับตัวพวกเขาทั้งสองก็คิดว่าชิวหนิงช่วงกำลังกลัวจึงเดินเข้าไปหาชิวหนิงช่วงพร้อมกับรอยยิ้มทั่วใบหน้าของเขา
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สังเกตว่ามุมปากของชิวหนิงช่วงนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชา