กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 213-214
บทที่ 213 เธอคือผู้หญิงบ้าคนนั้น!
ผลการแข่งขันนั้นเป็นอย่างที่ชายหนุ่มได้พูดไว้และไม่มีการทดเวลาบาดเจ็บ
เขาทำได้แค่เพียงเดาได้ในตอนเริ่มต้นแต่เขาไม่สามารถที่จะคาดเดาตอนจบได้ และในทีมที่เขาคิดว่าจะต้องชนะอย่างแน่นอนนั้นกลับพ่ายแพ้ไปหลายประตู
ถึงแม้ว่าในตอนท้ายของการแข่งขันผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราชนะแล้ว!”เมื่อกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน เซี่ยเมิ่งเจียวก็กล่าวคำเหล่านั้นออกมาด้วยความภาคภูมิใจต่อหน้าชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาผู้เล่นในทีมของเธอ
ซูหยูโม่หัวเราะและเดินตามเธอไปแต่ถังมู่ซิ่วนั้นได้หายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอไม่ได้ร่ำลาชายหนุ่มเลยและในตอนนั้นก็เหลือชายหนุ่มเพียงคนเดียวอยู่ที่มุมนั้น ที่กำลังคึกคักอยู่ในตอนนี้
เขาอยากจะตะโกนให้ถังมู่ซิ่วหยุดแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร
เขาเคยสัญญาว่าจะต้องชนะอย่างแน่นอนและกำลังคิดที่จะเชิญถังมู่ซิ่วไปร่วมรับประทานอาหารหลังจากที่เขาชนะแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะฝันเฟื่องไปเสียแล้ว
ถังมู่ซิ่วไม่ได้แนะนำตัวสาวงามสองคนนั้นและในท้ายที่สุดเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใคร
และเขาก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทีมที่เป็นคู่ต่อสู้นั้นมาจากบริษัทไหนกันแน่
อย่างไรก็ตามจากการที่ถังมู่ซิ่วไม่ได้แนะนำพวกเธอสองคนให้เขารู้จักก็สามารถบอกได้ว่าถังมู่ซิ่วไม่ได้สนใจเขาหรือมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาเลย ดังนั้นเธอจึงไม่แนะนำเพื่อนของเธอให้เขารู้จัก
เมื่อเขาคิดถึงภูมิหลังครอบครัวของถังมู่ซิ่วชายหนุ่มก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเอง
แต่ไม่คิดว่าการกระทำของถังมู่ซิ่วนั้นจะมากเกินไปเช่นนี้
สาวสองคนนั้นไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่มาจากโลกเดียวกันดังนั้น ถังมู่ซิ่วจึงไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเท่าเทียมกันตั้งแต่เริ่มต้น
ในอีกด้านหนึ่งฮวงเฟิงถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงชนทำให้พวกเขารู้สึกนับถือ
ไม่เพียงเพราะพวกเขาทำภารกิจที่ผู้ใหญ่มอบให้สำเร็จเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะพวกเขามีความสุขที่สามารถเอาชนะทีมที่หยิ่งผยองเหล่านั้นได้
”ผู้อำนวยการเซี่ย?”
”ผู้อำนวยการเซี่ยคุณอยู่นี่เองเหรอ?”
”ผู้อำนวยการเซี่ยมาแล้ว!”
ในไม่ช้าฝูงชนก็พบเซี่ยเมิ่งเจียวที่กำลังใกล้เข้ามาแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับเธอมาก่อน แต่พวกเขาก็เห็นเธอจากระยะไกล และไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้จักเธอ
ฮวงเฟิงที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมองอย่างสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา
เขาไม่เคยเห็นผู้อำนวยการเซี่ยคนนี้มาก่อนแต่เมื่อฮวงเฟิงได้เห็นเธอ เขาก็ถึงกับตกตะลึง
”เป็นไปได้อย่างไรกัน?เธอคือผู้อำนวยการเซี่ยงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจ
ใช่เธอคือผู้อำนวยการเซี่ย ผู้จัดการนี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้เจอเธอใช่ไหม? พี่หวังกล่าว
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเมิ่งเจียวก็เห็นฮวงเฟิงที่กำลังงุนงงและเมื่อรู้ว่าฮวงเฟิงจำเธอได้ เธอก็มองฮวงเฟิงอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า: “เมื่อกี้คุณเตะได้ดีมากนะ คุณไม่คิดว่าจะเป็นฉัน ใช่ไหม?”
”คุณผู้หญิงบ้า คุณเป็น CEO ของบริษัทงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงเปิดเผยชื่อที่เขาแอบเรียกเธออย่างไม่รู้ตัว
ทันทีที่ฮวงเฟิงพูดจบคนรอบข้างก็เงียบลงทันทีและผู้คนก็มองไปที่ฮวงเฟิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงพูดกับผู้อำนวยการเซี่ยในลักษณะนี้จนถึงจุดที่ใบหน้าของพี่หวังเผยให้เห็นสีหน้าที่น่ากลัว
แน่นอนว่าหลังจากที่เซี่ยเมิ่งเจียวได้ยินสิ่งที่ฮวงเฟิงพูดสีหน้าที่พึงพอใจของเธอก็กระด้างขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว เธอไม่เคยคิดว่าฮวงเฟิงจะเรียกเธอแบบนั้นและต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองที่โกรธเกรี้ยวของเซี่ยเมิ่งเจียวและการหายใจที่เร็วขึ้นเรื่อยๆทุกคนก็เงียบไป พวกเขารู้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวกำลังโกรธอย่างแท้จริง
“คุณเรียกใครว่าผู้หญิงบ้า?!” เซี่ยเมิ่งเจียวมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยดวงตาสีแดงก่ำของเธอและพูดแต่ละคำด้วยการมองเข้าไปในดวงตาของฮวงเฟิง เหมือนกับว่าเธอต้องการกินฮวงเฟิงเข้าไป เธอไม่เคยถูกใครเรียกแบบนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกงุนงง เขาจึงเรียกเธอว่า ‘เซี่ยเมิ่งเจียว’ แม้ว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของผู้หญิงคนนี้จะมากเกินไป
แต่เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกับกลุ่มที่เหนือกว่าของเธอเองตอนนี้เธอถูกเรียกแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย มันคงแปลกถ้าเธอจะไม่โกรธ
”ผู้หญิงบ้างั้นเหรอ?”ฮ่าๆ เรียกแบบนี้มันเหมาะมากเลย ฉันรู้สึกว่าคำพูดของหนุ่มหล่อคนนี้มันใช่เลย” ในเวลานี้ ซูหยูโม่และถังมู่ซิ่วก็มาถึงที่นี่แล้ว
และสิ่งที่พวกเธอได้ยินคือวิธีที่ฮวงเฟิงพูดกับเซี่ยเมิ่งเจียวซูหยูโม่รู้สึกตะลึงเล็กน้อย เพราะเธอไม่รู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงได้เรียกเธอแบบนี้ แต่สำหรับถังมู่ซิ่วนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ถังมู่ซิ่วเธอมันยัยจิ้งจอก หุบปากซะ!” เซี่ยเมิ่งเจียวตำหนิแล้วหันไปมองฮวงเฟิงอีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำอธิบายของเขา
“เมิ่งเจียวรู้จักกันงั้นเหรอ?” ตอนนี้ซูหยูโม่เดินขึ้นมาถาม
”ใช่”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก สำหรับซูหยูโม่โดยธรรมชาติแล้วเธอจะไม่ยอมเผชิญหน้ากับเขา
”ผู้อำนวยการเซี่ยผมขอโทษที่ไม่ได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้” ฮวงเฟิงกล่าว ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเซี่ยเมิ่งเจียวแต่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ฮวงเฟิงก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่ควรที่จะล้ำเส้น
คำพูดของฮวงเฟิงไม่เป็นที่พอใจของเซี่ยเมิ่งเจียวแต่ในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซูหยูโม่ก็ดึงเธอกลับมาและทำหน้ามุ่ยส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่ายังมีพนักงานอีกหลายคนอยู่
ทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวตอบสนองและไม่เต็มใจนัก
สิ่งที่เธอต้องการจะพูดแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายคงไม่ยอมปล่อยฮวงเฟิงไปง่ายๆ
หลังจากนั้นซูหยูโม่ก็ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวว่าเนื่องจากพวกเขาชนะการแข่งขันในวันนี้ทุกคนจะได้รับรางวัล
นอกจากนี้เธอและเซี่ยเมิ่งเจียวได้เชิญทุกคนมาร่วมรับประทานอาหารเพื่อเฉลิมฉลองที่ร้านอาหารได้ถูกจองไว้แล้ว
ทุกคนมีความสุขอย่างมากแม้ว่าพวกเขาจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฮวงเฟิงและเจ้านาย
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะนินทาต่อหน้าเจ้านายอย่างเปิดเผยและตอนนี้เจ้านายกำลังแจกโบนัสและเชิญแขกอยู่ แค่นี้พวกเขาก็มีความสุขมากแล้ว
หลังจากนั้นทุกคนก็เตรียมตัวขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ร้านอาหารด้วยกันและฮวงเฟิงก็เตรียมตัวที่จะตามไปด้วย ซึ่งคงจะดีกว่าถ้าอยู่ให้ห่างจากเซี่ยเมิ่งเจียวไว้
แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรแต่จากแววตาของเธอมันชัดเจนว่าเธอจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ
”คุณไปขึ้นรถกับเรา”แผนการของฮวงเฟิงไม่ได้ผล ขณะที่เขากำลังจะไปขึ้นรถบัส
เซี่ยเมิ่งเจียวก็โทรมาหาเขาและบอกเขาว่าถ้าเขาปฏิเสธเรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ
นอกจากนี้ฮวงเฟิงก็ไม่ต้องการที่จะมีปัญหากับเซี่ยเมิ่งเจียวต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกลง
บทที่ 214 ไอ้ลามก
ด้วยเหตุนี้ฮวงเฟิงจึงเข้าไปในรถของเซี่ยเมิ่งเจียว ภายใต้สายตาที่งุนงง
ในเวลานี้ทุกคนมองเขาด้วยสายตาอิจฉาเล็กน้อยเพราะในรถคันนั้นนอกจากฮวงเฟิงแล้วยังมีสาวงามอีกตั้งสามคน และการปฏิบัติเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับทุกคน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาคิดถึงทัศนคติของเซี่ยเมิ่งเจียวที่มีต่อฮวงเฟิงแล้ว ความอิจฉาในใจของพวกเขาก็หายไป
เป็นไปได้ว่าเมื่อฮวงเฟิงขึ้นรถไปแล้วถึงแม้ว่าเขาจะถูกรายล้อมไปด้วยสาวสวยแต่เขาก็คงจะไม่มีอารมณ์ที่จะสนุกกับมัน
ในความเป็นจริงฮวงเฟิงก็รู้สึกเช่นนั้นเช่นกัน เพื่อทำการสอบสวนฮวงเฟิง เซี่ยเมิ่งเจียวให้ให้ฮวงเฟิงนั่งที่นั่งด้านหลังและเธอเองก็วิ่งไปขึ้นที่เบาะหลังและนั่งข้างๆ ฮวงเฟิง
และถังมู่ซิ่วก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรดังนั้นเธอจึงไม่ได้นั่งที่ด้านหน้าแต่กลับวิ่งไปนั่งที่ด้านข้างของฮวงเฟิง
ซูหยูโม่ไม่มีทางเลือกอื่นเธอจึงทำได้แค่ขับรถไปเท่านั้น
แต่เมื่อมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยความกังวลเป็นพิเศษเธอก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนสวยอย่างเซี่ยเมิ่งเจียวและถังมู่ซิ่วผู้คนไม่ใช่ทุกคนที่จะเพลิดเพลินไปกับการนั่งเบียดกันไปโดยเฉพาะกับสาวงามทั้งสองคนนี้ซึ่งมีความงามเป็นอันดับต้นๆ
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่ได้มีความสุขเลย วิธีที่เซี่ยเมิ่งเจียวมองเขานั้นไม่เป็นมิตรเลย ก็แค่เขาตะโกนเรียกชื่อเธอผิดด้วยความรีบร้อน ก็เพราะการแสดงออกของเธอก่อนหน้านี้นั้นคล้ายกับผู้หญิงบ้า แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมรับละ?
สำหรับสาวงามในอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่รู้จักดวงตาของเธอไม่เคยละจากเขาเลยตั้งแต่วินาทีที่เขามาถึง
แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเขามีเสน่ห์ดึงดูดใจแต่การจ้องมองของเธอราวกับว่าเธอได้ค้นพบของเล่นที่น่าสนใจและสนุกสนานซึ่งเต็มไปด้วยความน่าค้นหา
”เมิ่งเจียวทำไมเธอไม่แนะนำลูกน้องที่โดดเด่นคนนี้ให้ฉันรู้จัก” ถังมู่ซิ่วเป็นผู้ทำลายความเงียบภายในรถคันนั้น
”เขาเหรอ?”เขาเป็นแค่ไอ้คนทะลึ่งและไร้ยางอาย เธอไปเห็นเขาโดดเด่นตั้งแต่เมื่อไรกัน?” เซี่ยเมิ่งเจียวพูดขณะที่กัดฟัน เธอยังจำวิธีที่ฮวงเฟิงเรียกเธอได้และความประทับใจในครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน
”เฮ้ผู้อำนวยการเซี่ย ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเจ้านายของผม แต่คุณก็ไม่สามารถกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมได้จริงไหม? ผมจะเป็นคนทะลึ่งได้ยังไงกัน?” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“หรือไม่จริง?คุณเป็นผู้ชายทำไมไม่กล้ายอมรับ!”เซี่ยเมิ่งเจียว กล่าว
”ว้าวนี่มันข่าวดังพลุแตกเลย นี่รูปหล่อ อย่าบอกนะว่าเธอได้ล่วงเกินเมิ่งเจียวและทิ้งเธอน่ะ?”
“เมิ่งเจียว ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอย่าอารมณ์ร้อน ผู้ชายไม่ชอบ ดูสิเธอถูกเขาทิ้งใช่ไหม?” ถังมู่ซิ่วกล่าวอย่างย่ามใจอยู่ด้านข้าง
“เธอน่ะสิที่ถูกทิ้ง!”เซี่ยมเมิ่งเจียวพูดกระทบเธอ
“ผู้อำนวยการเซี่ยผมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างเราแล้วล่ะ?” ครั้งที่แล้วที่เซี่ยเมิ่งเจียวพบเขา เขาได้ถูกเธอขวางเอาไว้และบอกว่าเขาเป็นไอ้คนทะลึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็รู้จักชื่อของเขาในตอนนั้นหมายความว่าเธอไม่ได้จำผิดคน เป็นเพียงเพราะว่าเขาจำไม่ได้ว่าพวกเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?คุณพูดว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นคนเดียวที่เอาเปรียบฉัน แต่คุณก็ยังไม่ยอมรับผิด และในตอนนี้ ต่อหน้าคนมากมายคุณยังเรียกฉันว่าผู้หญิงบ้าอีก คุณมันไอ้คนทะลึ่ง ไร้ยางอาย!” เซี่ยเมิ่งเจียวรู้สึกว่าความโกรธของเธอกำลังจะระเบิด คนๆ นี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยแม้แต่น้อย
“ผมเอาเปรียบคุณตอนไหน?”ฮวงเฟิงถาม
“เมิ่งเจียวเขาไปเอาเปรียบเธอตอนไหนกัน?” ถึงแม้ว่าเธอจะกำลังขับรถอยู่ แต่เธอก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่เบาะด้านหลัง
และในตอนนี้เธอได้ยินเซี่ยเมิ่งเจียวพูดว่าเขาเอาเปรียบเธอเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจคิดว่าเธอคงจะเข้าใจฮวงเฟิงผิดไปหรือเปล่า?
ตอนแรกเธอคิดว่าฮวงเฟิงเป็นเพียงคนธรรมดาแต่เธอไม่เคยคิดว่าภายใต้สถานการณ์ที่เขามีเงื่อนไขพิเศษกับซูหยูโม่นี้ เขาจะไปล่วงเกินอะไรเซี่ยเมิ่งเจียวได้จริงๆ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายธรรมดาจะสามารถทำได้แม้ว่าจะเป็นนายน้อยของเมืองหลวงที่คิดเสน่หาต่อซูหยูโม่หรือเซี่ยเมิ่งเจียว แต่เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าฮวงเฟิงจะทำอะไรแบบนั้น
”ฮึกก็วันนั้นที่บาร์ตรงประตูห้องน้ำ คุณมากอดฉันตอนที่ฉันเมาและมือของคุณก็ยังคลำไปรอบๆ ด้วย แล้วคุณยังบอกว่าฉันเป็นคนป่าเถื่อนอีก คุณลืมไปแล้วงั้นเหรอ?” ในเวลานี้เซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้ปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้นในผับอีกต่อไป ถ้าเธอไม่พูดอะไร ฮวงเฟิงก็อาจจะปฏิเสธที่จะยอมรับมัน
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยเมิ่งเจียวใบหน้าของซูหยูโม่ก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
แม้ว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเธอกับฮวงเฟิงจะยังไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้แต่เธอก็ยังมีความประทับใจที่ดีต่อเขา ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะให้ฮวงเฟิงเป็นคนแบบนี้
อย่างไรก็ตามเธอนึกถึงปฏิสัมพันธ์ของเธอกับฮวงเฟิงในทันทีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนนั้นเมื่อเธออยู่ที่บ้านเธอเองก็ดื่มมากเกินไป
แต่ฮวงเฟิงก็มีความประพฤติดีต่อเธอมากและไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกติแม้แต่ความเข้าใจผิดในห้องน้ำก็เกิดจากเธอเอง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูหยูโม่จึงพูดกับเซี่ยเมิ่งเจียวว่า”เมิ่งเจียว นี่เข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
“พี่หยูโม่เธอจะช่วยคนนอกได้อย่างไรกัน? เชื่อฉันสิ ผู้ชายคนนี้เป็นคนทะลึ่งจริงๆ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความข้องใจเล็กน้อย
”อ้อฉันจำได้แล้ว คุณเป็นผู้หญิงขี้เมา!” ในเวลานี้ ฮวงเฟิงจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนในบาร์ เขามีเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงแปลกหน้า
อย่างไรก็ตามคุณตำหนิผมไม่ได้ใช่ไหม?ตอนนั้นผมเพิ่งออกมาจากห้องน้ำและเห็นว่าคุณกำลังเดินโซเซอยู่และกำลังจะล้มลง ผมจึงก้าวเข้าไปช่วยพยุงคุณและมือของผมก็ไม่ได้สัมผัสคุณแบบมั่วๆ ใช่ไหม? แต่ถ้าผมไม่กอดคุณไว้ คุณก็คงจะล้มลงแน่ๆ” ฮวงเฟิงรู้สึกถึงความจำเป็นที่เขาจะต้องบอกพวกเธอทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเพื่อไม่ให้คนเหล่านี้เข้าใจผิด
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มองคนผิด
สิ่งต่างๆที่ฮวงเฟิงทำก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปแต่เป็นเซี่ยเมิ่งเจียวเองที่ไปรบกวนเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว เซี่ยเมิ่งเจียวก็จะพูดได้ว่าเธอกำลังช่วยคนนอก
”คุณมันไอ้คนทะลึ่งคุณล่วงเกินฉัน” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว ในความคิดของเธอการที่ถูกฮวงเฟิงกอดแบบนั้น ก็คือถูกฮวงเฟิงเอาเปรียบ