กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 215-216
บทที่ 215 มอมเหล้า
อย่างไรก็ตามซูหยูโม่ที่ได้ยินคำอธิบายของฮวงเฟิงได้เพียงแค่หัวเราะและไม่เชื่อในคำพูดของเซี่ยเมิ่งเจียวอีกต่อไป
“พี่หยูโม่อย่าไปหลงเชื่อเขานะ เขาเป็นคนทะลึ่งจริงๆ” เมื่อเห็นว่าพี่สาวที่แสนดีของเธอไม่เชื่อ เซี่ยเมิ่งเจียวก็ตื่นตระหนก
”นี่พี่ยังบอกว่าเขาไม่ใช่คนทะลึ่งอีกงั้นเหรอ?และถึงแม้ว่าเขาจะทะลึ่ง แต่เขาก็ไม่ทำกับพี่อย่างแน่นอน” ในอีกด้านหนึ่ง ถังมู่ซิ่วก็ได้ทีโจมตีเซี่ยเมิ่งเจียวต่อ
“ใครเขาพูดกับยัยจิ้งจอกอย่างเธอ?”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว หลังจากนั้นความโกรธของเธอก็กลับพุ่งไปที่ถังมู่ซิ่ว แทนที่จะเป็นฮวงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ
แน่นอนว่าเซี่ยเมิ่งเจียวยังไม่ลืมเขาไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่กับเธอนั้น ฮวงเฟิงก็เป็นเพียงแค่คนทะลึ่ง และมุมมองนี้ได้ฝังรากลึก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอคิดไตร่ตรองดูแล้ว ฮวงเฟิงเป็นหนึ่งในพนักงานของเธอ ดังนั้นเธอจึงมีโอกาสอีกมากมายที่จะดูแลเขา
เมื่อฮวงเฟิงและคณะของเขาไปถึงร้านอาหารรถบัสก็ยังมาไม่ถึง ดังนั้นทั้งสามสาวและหนึ่งหนุ่มจึงนำเข้าไปก่อน
ระหว่างรับประทานอาหารซึ่งบรรยากาศดีมากพนักงานหลายคนได้รับประทานอาหารร่วมกันกับเจ้านายทั้งสองคนเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะมีความสุข แต่ก็ไม่มีใครกล้าดื่มกับเจ้านายเลย
อย่างไรก็ตามเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เข้ามาหาเจ้านายทั้งสองเพื่อชนแก้วนั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้านายทั้งสองจะไม่รู้วิธีที่จะต้องทำ
ไม่นานหลังจากที่งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นเซี่ยเมิ่งเจียวก็หยิบแก้วของตัวเองและเดินไปที่โต๊ะของฮวงเฟิง
”ผู้จัดการฮวงสำหรับชัยชนะในการแข่งขันวันนี้ คุณต้องได้รับเกียรติเป็นคนแรก ขอบคุณที่นำเกียรติยศมาสู่บริษัท ฉันขอดื่มให้กับคุณ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว แต่เธอมีสีหน้าที่จริงจังต่อหน้าทุกคน
”ขอบคุณผู้อำนวย สำหรับความใส่ใจ เพื่อชัยชนะในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของทุกคน ผมไม่กล้าถือว่าเป็นผลงานของผมคนเดียว” ฮวงเฟิงกล่าว
”แน่นอนว่าทุกคนมีส่วนในชัยชนะแต่อย่างไรก็ตามหากคุณไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากอีกฝ่ายได้ ฉันเชื่อว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะเอาชนะได้ ดังนั้นคุณต้องดื่มไวน์แก้วนี้” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
”ถูกต้องผู้จัดการฮวงถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงไม่มีทางชนะได้ในวันนี้”
“ใช่แล้วผู้จัดการฮวงสมควรได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่นี้”
ทุกคนต่างพากันขานรับเป็นเสียงเดียว
ฮวงเฟิงมองดูเซี่ยเมิ่งเจียที่มีสีหน้าพึงพอใจอยู่เล็กน้อยและรู้ว่าเขาจะต้องดื่มไวน์แก้วนี้ “เอาล่ะ ขอบคุณผู้อำนวยการเซี่ย”
สิ่งที่เซี่ยเมิ่งเจียวกำลังดื่มนั้นเป็นเครื่องดื่มแต่สิ่งเที่ฮวงเฟิงกำลังดื่มนั้นคือไวน์ขาว
เขาไม่เองก็ไม่กล้าขอเซี่ยเมิ่งเจียวดื่มเหล้าขาวได้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดื่มไวน์ขาวเช่นกัน เพราะว่าเขาดื่มได้แค่เหล้าขาวเท่านั้น
หลังจากที่ดื่มมันเข้าไปแล้วฮวงเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่เซี่ยเมิ่งเจียวก็ยังคงพูดต่อว่า “จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบผู้จัดการฮวงอย่างเป็นทางการ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าบริษัทของเราจะมีคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ นี่ช่างเป็นโชคดีของบริษัทเราจริงๆ ฉันขอดื่มให้ผู้จัดการฮวงเพื่อเป็นการขอบคุณเขาที่เขาช่วยยังยั้งการขโมยข้อมูลสำคัญของบริษัท”
หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็ไม่เปิดโอกาสให้ฮวงเฟิงได้พูดและยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว
ฮวงเฟิงมองดูเซี่ยเมิ่งเจียวที่ยิ้มขื่นๆแต่ก็ยังคงดื่มต่อไป
หลังจากที่ดื่มไวน์ไปแล้วสองแก้วฮวงเฟิงก็เริ่มรู้สึกเมา
แต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเมิ่งเจียวก็ยังไม่ไปจากโต๊ะของพวกเขาเสียทีแต่ยังคงหาเหตุผลที่จะดื่มกับเขา
และยังไม่นับสิ่งนี้เธอกำลังกระตุ้นให้พนักงานคนอื่นๆและฮวงเฟิงดื่ม
และคนอื่นๆก็เห็นได้ว่าผู้อำนวยการเซี่ยต้องการดื่มกับฮวงเฟิงและทุกคนก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามกีฬาก่อนหน้านี้
และไม่คิดว่าการกระทำของเธอเป็นเรื่องแปลก
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ฮวงเฟิงทำก่อนหน้านี้นั้นทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวโกรธ
ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งเซี่ยเมิ่งเจีย
ดังนั้นคนที่ดื่มกับฮวงเฟิงจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน
จนท้ายที่สุดแม้แต่ถังมู่ซิ่วก็เข้ามาร่วมสนุกด้วยโดยกล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับฮวงเฟิง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องชนแก้วกันสักหน่อย
ซูหยูโม่มองดูฮวงเฟิงที่ติดอยู่ในวงเหล้าจึงต้องการที่เข้าไปช่วยเขา แต่เซี่ยเมิ่งเจียวก็ได้คว้าตัวเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอไป
และซูหยูโม่จึงรู้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจเธอกำลังคิดว่าถ้าเธอระบายความโกรธนี้กับเขา เธอคงจะไม่มีอคติใดๆ ต่อ ฮวงเฟิงอีก
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่จ้องมองด้วยความรักและช่วยอะไรฮวงเฟิงไม่ได้เลย
เซี่ยเมิ่งเจียวมองดูฮวงเฟิงที่เริ่มเมาเล็กน้อยและในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจ
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะปล่อยให้สิ่งต่างๆเป็นไปเช่นนี้
ในตอนท้ายของงานเลี้ยงมีเพียงฮวงเฟิงเท่านั้นที่เมา
หลังจากนั้นคนอื่นๆก็ยังคงดื่มอยู่ เนื่องจากการปรากฏตัวของเจ้านายทั้งสองคน
แต่เซี่ยเมิ่งเจียวได้แสดงจุดยืนของเธอต่อสาธารณชนแล้วว่าเงินรางวัลของการแข่งขันครั้งนี้จะมอบให้ในอีกสองวันข้างหน้าซึ่งทำให้ทุกคนมีความสุขอย่างมาก
”แล้วเขาล่ะ?”
พนักงานที่เหลือได้ออกไปหมดแล้วซูหยูโม่และอีกสองคนมองไปที่ฮวงเฟิงที่เมาแล้วนอนแผ่หราอยู่บนโต๊ะและเริ่มกังวล
ก่อนหน้านี้เซี่ยเมิ่งเจียวมีความสุขมากเมื่อเห็นฮวงเฟิงเมาแต่จะพาเขากลับไปได้อย่างไรนั่นคือเป็นปัญหา
“ทำไมเราไม่ปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่เสียเลยล่ะ?”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“จะทำแบบนั้นได้ยังไง!”ซูหยูโม่กล่าว และการที่จะปล่อยให้ฮวงเฟิงอยู่คนเดียวในสถานที่แห่งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ควรทำ
”แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?พวกเราจะจัดการกับเขายังไงดี?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
ซูหยูโม่อยากจะบอกว่าเธอรู้ว่าฮวงเฟิงพักอยู่ที่ไหนแต่ถ้าเธอพูดออกไป ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็จะต้องสงสัยว่าเขามีความสัมพันธ์กับฮวงเฟิงอย่างแน่นอน และซูหยูโม่เองก็ไม่ทราบว่าฮวงเฟิงนั้นได้ย้ายไปจากที่เดิมแล้ว
“ทำไมเราไม่พาเขาไปนอนที่โรงแรมล่ะ?”ซูหยูโม่กล่าว
”นั่นเป็นทางเลือกเดียว”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว เมื่อมองไปที่ฮวงเฟิงที่ดูเหมือนหมูที่ตายแล้ว เธอก็เตะเขาอย่างแรงและพูดว่า: “ลูกน้องที่น่ารำคาญคนนี้ เมาแล้วยังต้องให้ฉันรับใช้เขาอีกงั้นเหรอ?
เซี่ยเมิ่งเจียวลืมไปแล้วว่าสาเหตุที่ฮวงเฟิงเมาก็เป็นเพราะเธอ
หลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือของบริกรของร้านอาหาร
ฮวงเฟิงได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นรถแต่อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงโรงแรมก็ไม่มีใครช่วยเขาได้
ทั้งสามคนยืนอยู่นอกรถและมองหน้ากันพวกเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
”อย่ามองฉันนะฉันไม่ช่วยหรอก” ถังมู่ซิ่วเป็นคนที่กล่าวขึ้นก่อน
“ฉันก็ไม่ช่วยเหมือนกันฉันไม่มีทางช่วยไอ้คนทะลึ่งหรอก” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“เมิ่งเจียวถ้าไม่ใช่เพราะเธอเขาก็คงไม่เมาขนาดนี้หรอก ถ้าเธอไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย” ซูหยูโม่กล่าว
เซี่ยเมิ่งเจียวก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังต้องได้รับการสนับสนุนจากเธอ “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกน้องตัวเหม็นคนนี้เลยทีเดียว”
ซูหยูโม่ซึ่งอยู่ด้านข้างก็เข้าไปช่วยฮวงเฟิงให้เข้าไปในโรงแรมสายตาของพนักงานต้อนรับมองมาที่พวกเธอ ทำให้ซูยูโมรู้สึกทั้งอายและรำคาญ แต่เธอก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ท้ายที่สุดพวกนั้นก็ทำได้แค่มองและไม่พูดอะไร
บทที่ 216 สอบสวน
”ฟู่ฉันเหนื่อยจังเลย ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่แข็งแรง แต่เขาก็หนักเสียจริงๆ”เซี่ยเมิ่งเจียวโยนฮวงเฟิงลงบนเตียงและบ่นเบาๆ
”เอาล่ะผู้ชายคนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ถังมู่ซิ่วกล่าว
ซูหยูโม่มองดูฮวงเฟิงที่อยู่บนเตียงและไม่ได้พูดอะไร
เธอไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่คนเดียวเพื่อดูแลฮวงเฟิงได้เพราะถ้าเธอทำเช่นนั้นเพื่อนรักสองคนที่อยู่ข้างๆ เธอก็อาจจะเดาอะไรบางอย่างได้
ในอีกด้านหนึ่งชิวหนิงช่วงได้เข้าร่วมกับหน่วยงานแล้วและกำลังมีส่วนร่วมในการสอบปากคำคนร้ายทั้งสองคนที่ทำร้ายเธอและฮวงเฟิงเมื่อคืนก่อน
แม้ว่าชิวหนิงช่วงจะมาที่นี่เพื่อบอกว่าเธอแค่มาดูและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆแต่สมาชิกที่เหลือของหน่วยงานพิเศษก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อการที่เธออยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะชิวหนิงช่วงจับอาชญากรสองคนนี้ได้และอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะภูมิหลังของชิวหนิงช่วงเองด้วย
“ฉันแนะนำให้แกบอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วพวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้เรื่องนี้ผ่อนจากหนักเป็นเบา”
ในห้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนและชิวหนิงช่วงกำลังสอบปากคำคนร้าย
อย่างไรก็ตามคนร้ายได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินการสอบปากคำของตำรวจ
”อย่าคิดว่าแค่คุณไม่พูดอะไรแล้วพวกเราจะไม่สามารถไขคดีนี้ได้เราแค่ให้โอกาสคุณ!”ชิวหนิงช่วงมองไปที่อาชญากรและพูดว่า “ที่แกพูดในโทรศัพท์เกี่ยวกับ ‘พี่เฉิง’ มันน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้มากใช่ไหม? แกต้องรู้ว่าไม่เพียงแค่แกเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม แต่แกยังมีซ่อนอาวุธปืนเอาไว้ด้วย
ใบหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำว่า”พี่เฉิง” และรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
พี่เฉิงนั้นเป็นคนที่โทรมาตอนที่พวกเขาถูกจับตัวดังนั้นพี่เฉิงจึงต้องถูกเปิดเผยตัวตน นอกจากนี้พี่เฉิงเองก็น่าจะรู้ตัวแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาคงจะไปซ่อนตัวหรือหนีไปแล้ว
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกเปิดเผยตัวตนก็คงจะไม่เป็นไรถ้าเขาไม่ทำเขาก็จะถูกกล่าวโทษได้ การที่จะแบกรับไว้ทั้งสองคดีมันมากเกินไปสำหรับเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าถ้าเขาขายความลับของพี่เฉิงไปเสีย เขาก็ต้องโดนตามมาแก้แค้นอย่างแน่นอน เขาจึงยังลังเลใจ
”แกกลัวพวกเขาจะมาแก้แค้นใช่ไหมล่ะ?”ชิวหนิงช่วงดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างเธอจึงพูดกับเขา: “ฉันจะบอกอะไรให้นะ พวกเราสามารถหาหมายเลขของ ‘พี่เฉิง’ ในโทรศัพท์ของแกได้ไม่ยาก และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะปล่อยข่าวว่า แกเป็นคนเปิดโปงเขาแล้วแกคิดว่าพวกเขาจะเชื่อไหม?”
”แกทำแบบนี้ไม่ได้นะฉันไม่ได้พูดอะไรเลย!” เขารู้ว่าคนอย่างพี่เฉิงต้องสงสัยแน่ๆ หากตำรวจพวกนี้แพร่ข่าวลือเช่นนั้นออกไป เขาก็จะต้องตกอยู่ในความโชคร้าย มันจะไม่แตกต่างกันไม่ว่าเขาจะพูดหรือไม่ก็ตาม
”แกพูดอะไรหรือเปล่าล่ะ?นอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครรู้!” ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะมีผลบางอย่างและเธอก็อยากเป็นตำรวจอาชญากรรมเพื่อสืบสวนคดีนี้มาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ความปรารถนาของเธอก็เป็นจริง
ชิวหนิงช่วงได้ทำตามความปรารถนาของเธอโดยไม่รู้ว่าเธอได้พูดหลายสิ่งหลายอย่างที่ตำรวจอีกสองคนควรจะพูด
เดิมทีเธอตั้งใจแค่จะดูการสอบสวนอยู่ข้างๆและไม่พูดอะไรแต่ตอนนี้เธอลืมเรื่องนี้ไปแสียแล้ว
“ฉันเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะไม่ยอมปล่อยคนที่ทรยศพวกเขาไปง่ายๆหรอกนะ ดังนั้นทางที่ดีแกควรจะซื่อสัตย์ ด้วยวิธีนี้แกไม่เพียงแต่ได้รับการผ่อนโทษ แต่ยังช่วยให้พวกเราจับคนเหล่านั้นได้ได้วย เมื่อถูกจับได้แล้วแกก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแก้แค้นอีกต่อไป” ชิวหนิงช่วงกล่าวต่อ
”เอาล่ะฉันจะพูด ฉันจะให้ปากคำ!” หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งชายคนนี้ก็ตัดสินใจที่จะอธิบาย เพราะเขารู้สึกว่าคำพูดของชิวหนิงช่วงนั้นมีเหตุผล
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนบอกด้วยตัวของเขาเองแต่คนเหล่านี้ก็จะต้องเจอตัว “พี่เฉิง” ได้อย่างรวดเร็วและหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะยังคงยังอยู่ในคุก
แต่ถ้าหาก”พี่เฉิง” ถูกจับได้จริงๆ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการแก้แค้นอีกต่อไป
ชิวหนิงช่วงและตำรวจอีกสองคนสบตากันแววตาแห่งความสุขฉายผ่านดวงตาของเธอ
มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าคนๆนี้สามารถให้ปากคำได้ ถ้าไม่เช่นนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่อง “พี่เฉิง” คนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาคืบหน้ามากนัก ยิ่งไปกว่านั้นกับคนตรงหน้านี้แล้วอีกฝ่ายก็คงจะไม่สามารถทนได้นาน
เป็นไปตามที่คาดไว้คนร้ายที่ถูกสอบปากคำในห้องสอบปากคำอีกห้องก็ถูกกระทำเช่นกัน
จากคำพูดของพวกเขาทั้งสองคนศพนั้นก็คือพี่เฉิง ซึ่งหมายถึงหลินจื่อเฉิง เป็นคนที่สั่งให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้ เพราะว่าไม่ว่าหลินจื่อเฉิงจะเป็นคนฆ่าหรือไม่ พวกเขาก็ไม่รู้เช่นกัน และพวกเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนที่ถูกฆ่านี้เป็นใคร
พวกเขาสองคนอยู่กับหลินจื่อเฉิงแต่ในระหว่างการสอบปากคำพวกเขาพูดถึงชื่อ “บริษัทรักษาความปลอดภัยตงฮวา”
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและบริษัทนั้นดูเหมือนจะค่อนข้างแน่นแฟ้นและภายในบริษัทนั้นก็มีหลายคนที่คล้ายกับพวกเขา
จริงๆเขาไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง
ดังนั้นพวกเขาจึงให้บาร์และไนท์คลับบางแห่งเพื่อจัดงานซึ่งแน่นอนว่าพวกเขายังมีบาร์และไนท์คลับของตัวเองอีกด้วย
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจทั้งหลายได้ยินเกี่ยวกับบริษัทนี้
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าชิวหนิงช่วงกำลังจะตรวจสอบบริษัทนี้มีคนบอกเธออย่างลังเลว่าเบื้องหลังของบริษัทนี้ไม่ธรรมดา
ชิวหนิงช่วงเป็นเพียงตำรวจจราจรธรรมดามาก่อนดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของบริษัทแห่งนี้
ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาบอกว่ามีคนมายื่นประกันตัวคนร้ายทั้งสองคนและผู้ที่มายื่นประกันตัวก็คือคนจาก”บริษัทรักษาความปลอดภัยตงฮวา”
”ฉันยังไม่ได้ตรวจสอบพวกเขาเลยแต่พวกนั้นมาที่นี่เพื่อประกันตัวอาชญากรแล้ว” ชิวหนิงช่วงกล่าว
“ประธานของบริษัทนี้เป็นที่รู้จักในนามว่าลุงหลี่ และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยเป็นอันธพาลและลูกน้องของเขาหลายคนก็มีลูกน้องมากมาย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาเริ่มชะลอตัว เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองและแทบไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจการของโลกมืดเลย และได้ส่งมอบให้คนอื่นดูแล บุคคลนี้มีความเชื่อมโยงมากมายในชิงไห่ของเรา และนอกจากนี้เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ถงเฉียนจุ้น คนที่รวยที่สุดในจังหวัดชิงของเรา” ชิวหนิงช่วงซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวว่า
เขารู้ว่าชิวหนิงช่วงไม่เข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่ายเขาจึงแนะนำเธอได้รู้
“ลุงหลี่งั้นเหรอ?”ชิวหนิงช่วงพึมพำกับตัวเอง “แล้วเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเขาไหม?”
นี่เป็นเรื่องยากที่จะพูดว่าหลินจื่อเฉิงก่อนหน้านี้เคยเข้าพวกกับลุงหลี่แต่ต่อมาลุงหลี่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลินจื่อเฉิงคนนี้จึงเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
ตามความเข้าใจของเราแล้วหลินจื่อเฉิงคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับลุงหลี่และเป็นไปได้มากที่ลุงหลี่จะให้เขาเป็นผู้ช่วยในโลกมืด