กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 221-222
บทที่ 221 จบการต่อสู้รอบแรก
ประการแรกเนื่องจากพวกเขาถูกกดขี่จากจักรวรรดิมาช้านาน ในเมื่อพวกเขาได้รับโอกาสในการล้างแค้น พวกเขาก็จะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด
ประการที่สองเนื่องจากพวกเขาทราบดีว่าอีกฝ่ายพยายามทำลายเมืองนี้ให้สิ้นซาก เมื่อเมืองนี้ถึงคราวล่มสลาย พวกเขาทุกคนก็จะไม่มีวันได้พบกับตอนจบที่สวยงามได้อย่างแน่นอน ทุกคนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าศัตรูบุกเข้ามาในเมืองได้
จิตใจของทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งมากเนื่องจากทหารคุ้มกันเมืองไม่มีความสามารถเท่ากับกองทัพที่ประจำการอยู่ด้านนอกเมือง เนื่องจากการขาดแคลนอาวุธ แต่อย่างไร พวกเขาก็เป็นถึงทหารคุ้มกันเมืองจึงได้เปรียบในเรื่องพื้นที่
ไม่นานทั้งสองฝ่ายจึงอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ไม่อาจบอกได้ว่าฝ่ายไหนคือผู้ชนะ เพราะแม้ว่าผู้บุกรุกจะสามารถฝ่าเข้าไปถึงกำแพงเมืองได้แล้ว แต่พวกเขาก็ถูกทหารคุ้มกันเมืองจัดการอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงเกอรุยรู้สึกกังวลมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ตะโกนให้ถอยทัพ แล้วค่อยกลับมาสู้อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
”ให้ตายสิในที่สุดมันก็ถอยสักที!” ผู้นำชิวที่ยืนอยู่ด้านบนสุดของกำแพงเมืองตะโกนออกมา ในขณะที่มองดูพลทหารจำนวนมหาศาลค่อยๆถอยออกจากตัวเมืองราวกับกระแสน้ำที่เริ่มลดระดับลง
ชายหนุ่มใช้มือเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าพร้อมกับร้องออกมา
เมื่อการต่อสู้กลายเป็นเรื่องฉุกลหุกแม้แต่เขาเองก็ยังต้องลุกขึ้นสู้ แต่เดิมทักษะในด้านการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมกว่าคนที่เคยเป็นชาวนาธรรมดาพวกนี้อยู่แล้ว และในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้นำ เขายังสามารถพัฒนาทักษะด้านการต่อสู้ของทุกคนได้โดยการต่อสู้แบบตัวต่อตัว
“จริงด้วยกองทัพของจักรวรรดินั้นไม่เหมือนกับพวกเราเลยสักนิด ต้องบอกว่าพวกเขาไม่มีกำลังรบที่มากพอ แต่พวกเขากลับไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเขากล่าว
”พวกเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญเพียงเพราะพวกเขาต้องต่อสู้กับทหารอย่างพวกเราทำไมคุณไม่ลองส่งพวกเขาไปที่สมรภูมิทางเหนือละครับ? ผมขอรับประกันเลยว่าผมจะเป็นคนที่วิงหนีได้เร็วกว่าทุกคน อุ๊บ น่าเสียดายที่คนพวกนั้นรู้แค่วิธีต่อสู้ด้านในเท่านั้น” ชายคนหนึ่งพูดจาดูหมิ่น
กองทัพของจักรวรรดิพ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้งในสมรภูมิทางเหนือและอยู่ภายใต้การป้องกันอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งพวกเขาเองก็ไม่สามารถปกป้องพื้นที่เอาไว้ได้ จึงถูกอาณาจักรจื่อเฟิงยึดไป
อย่างไรก็ตามทหารพวกนี้กลับไม่กล้าต่อสู้กับกองทัพของชาติอื่นเท่าไหร่นัก การปราบปรามกองทัพกบฏในประเทศ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาให้เห็นเล็กน้อย
ผู้นำชิวจ้องมองกองกำลังศัตรูที่อยู่ด้านนอกเมืองแล้วขมวดคิ้วขึ้นเขาตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นประเมินความสามารถของกองทัพจักรวรรดิต่ำไป แม้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะลดลงไปมาก แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับชัยชนะจากการสู้กับอาณาจักรจื่อเฟิง
อย่างไรก็ตามการต่อสู้กับศัตรูโดยมีเขาเป็นผู้นำนั้นทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ดี
แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความสามารถของกองทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาด้วยเช่นกัน
คนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาส่วนใหญ่เคยเป็นชาวนามาก่อนนอกจากจะไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมแล้ว พวกเขายังขาดแคลนอาวุธอีกด้วย
นี่เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่สุดที่เขาสามารถโค่นล้มเทศมณฑลได้
แต่ถึงอย่างไรผู้นำชิวก็ไม่ได้นั่งรอให้ความตายมาถึง เขารู้ว่าดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หากเขาถูกจับตัวไป มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะยอมจำนน แต่ในฐานะผู้นำแล้ว ฝ่ายศัตรูไม่มีทางปล่อยให้เขารอดออกไปได้แน่
ดังนั้นเขาจึงต้องคิดหาวิธีขับไสไล่ส่งศัตรูพวกนี้ไปให้เร็วที่สุด
ทหารด้านนอกเมืองตั้งแคมป์ทีละหลังแล้วมองไปยังค่ายของศัตรูที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่จู่ๆดวงตาของผู้นำชิวก็พลันสว่างวาบขึ้นมา เขาคิดว่าในที่สุด ตัวเองก็มีโอกาสแล้ว
“ผู้อาวุโสชูเชิญคุณทานอาหารและพักผ่อนก่อนเถอะครับ พวกเราจะเลือกยอดฝีมือแล้วออกไปนอกเมืองกันในคืนนี้ครับ” ผู้นำชิวกล่าวกับชายที่อยู่ข้างๆเขา
”ออกไปนอกเมือง?ทำไมพวกเราต้องออกไปนอกเมืองด้วยล่ะ?” ก่อนหน้านี้เขายังอยากจะต่อสู้กับศัตรู แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าระหว่างพวกเขากับอีกฝ่ายมันคนละระดับกัน
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากกำแพงเมืองแต่การต่อสู้ก็ยังคงรุนแรง ถ้าพวกเขาต้องออกไปนอกเมืองตอนนี้ ก็เหมือนกับรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?
”ผมจะไปฆ่าคนครับเอาเป็นว่า ตอนนี้คุณไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลาคุณก็จะเข้าใจเอง” ผู้นำชิวว่า
”ฉันเข้าใจแล้ว”ผู้อาวุโสชูรู้ว่าเขาไม่ได้มีไหวพริบดีขนาดนั้น เขาจึงตัดสินใจทิ้งมันไว้ที่นั่น
ให้ตายสิน่าโมโหจริงๆเลย ไอ้พวกบ้า!
ในเต็นท์นอกเมืองเกอรุยยังคงรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ เขาคิดว่าเมื่อกองทัพของเขามาถึง กบฏพวกนั้นก็จะยอมจำนนแต่โดยดี แถมยังสร้างชื่อเสียงให้เขาได้อีกด้วย นอกจากนี้ เขายังมีพี่เขยคอยให้การสนับสนุน ไม่แน่เขาอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าสหายในเมืองจะจองหองได้ถึงเพียงนี้ คนพวกนั้นไม่เพียงจะฆ่าเขา ยังอาศัยกำแพงเมืองกีดกันกองกำลังของเขาไม่ให้เข้ามาในเมืองได้อีก
หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานานเขาก็ยังไม่สามารถฝ่ากำแพงเมืองนี้ไปได้ มิหนำซ้ำยังสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาไปมากมายอีกด้วย
เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าความสามารถของคนที่อยู่ในเมืองนั้นไม่แข็งแกร่งเท่าคนที่เขาพาเขามาด้วยแต่เหตุผลที่อีกฝ่ายยังคงต่อต้านได้เป็นเพราะพวกเขามีจิตใจที่แข็งแกร่งและมีความอดทนสูงมาก
”ใครก็ได้ไปเอาไวน์มาให้ฉันสักแก้ว!” เกอรุยที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
จากนั้นไม่นานก็มีทหารนายหนึ่งเดินถือแก้วไวน์เข้ามาตามกฎแล้วจะมีการจำกัดในเรื่องการดื่มในค่ายทหาร โดยเฉพาะกับตอนที่อยู่ระหว่างการทำศึก เรื่องนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเข้าไปใหญ่ แต่เห็นได้ชัดว่าเกอรุยไม่สนเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ในไม่ช้ามันก็เต็มไปทั่วเต็นท์ เกอรุยหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมอมเมา ถึงขนาดว่ายังไม่ทันดื่มมันเข้าไป เขายังรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศได้
”ไวน์ดีไวน์ดีอะไรอย่างนี้! ไวน์ดีๆแบบนี้ดันเป็นได้แค่ขยะในมือของไอ้แก่นั่น” เกอรุยกล่าว
ระหว่างการเดินทางมาที่นี่เขาได้ผ่านเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ตอนนั้นเขาบังเอิญพบชายชราที่หมักไวน์ชั้นดีด้วยตัวเอง เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากราชสำนักของจักรวรรดิมีคำสั่งว่าเอกชนไม่ได้รับอนุญาตให้ขายไวน์ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้เหตุผลนี้ช่วงชิงไวน์ทั้งหมดมาจากชายชราโดยตรง นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เขาบังคับให้อีกฝ่ายส่งสูตรมาให้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการลิ้มลองมันแค่ครั้งเดียว
ส่วนชายชราคนนั้นถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในตอนที่ปะทะกับลูกน้องของเขาแค่ฆ่าคนตายเกอรุยไม่เห็นต้องใส่ใจเลยสักนิด
บทที่ 222 สูตรไวน์
“อย่าดูถูกว่าเขาเป็นแค่ชายชราถึงเขาใช้ชีวิตได้อย่างน่าอัปยศอดสู แต่ทักษะในการต้มไวน์ของเขานั้นนับว่าใช้ได้ทีเดียว” หลังจากที่เกอรุยดื่มไวน์เข้าไปเต็มปาก เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ามึนเมา
เป็นเพราะพี่เขยก่อนหน้านี้ เขาถึงได้ดื่มไวน์ดีหลายครั้งหลายครา แต่ไวน์ดีที่เขาได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าไวน์ที่เขาเคยดื่มก่อนหน้านี้มีรสชาติไม่ต่างจากน้ำเปล่าเลยสักนิด ต้องไวน์แบบนี้สิถึงเป็นไวน์ที่แท้จริง!
แม้ว่าจักรวรรดิจะห้ามไม่ให้เอกชนผลิตและขายไวน์แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่แอบหมักไวน์
บางคนต้องการหมักไวน์เพื่อประโยชน์ส่วนตัวแต่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะทำเช่นนั้น ส่วนบางคนต้องการหมักไวน์ขายเพื่อเอาไว้เลี้ยงชีพ
อย่างไรก็ตามคุณภาพและรสชาติของไวน์ที่หมักโดยคนพวกนี้ไม่ค่อยจะได้มาตรฐานสักเท่าไหร่นัก เกอรุยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้สมบัติชิ้นนี้มาโดยบังเอิญ
“พี่เขยก็ชอบดื่มเหมือนกันถ้าฉันต้มไวน์นี้เสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะนำไปฝากเขาก็แล้วกัน” เกอรุยคิดในใจ
ในเมื่อเขามีสูตรไวน์แล้วเขาก็จะต้มไวน์ในแบบของตัวเองได้ นอกจากเขาจะได้ตอบสนองความต้องการของตัวเองแล้ว เขายังสร้างรายได้จากการขายไวน์นี้ได้ด้วย
ถึงแม้ว่าจักรวรรดิจะไม่อนุญาตให้เขาขายไวน์นี้เป็นการส่วนตัวแต่เพราะการควบคุมของจักรวรรดิที่ถดถอยและการสนับสนุนของพี่เขยแล้ว เรื่องนี้แค่นี้ คนอย่างเกอรุยไม่กลัวหรอกนะ
เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมที่จะพักผ่อนแต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลมากเกินไป แต่ถ้าเขาได้เผชิญหน้ากับศัตรู เขาคงกลัวอีกฝ่ายจะมาปล้นค่ายเสียมากกว่า
แต่ถึงอย่างไรพวกมันเขาเป็นได้แค่ปลาตีนที่อาศัยกำแพงเมืองเพียงอย่างเดียว พวกเขาเกือบป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายไม่ได้ และพวกเขาก็ไม่กล้าออกไปนอกเมือง การต่อสู้ในป่าก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตายสักเท่าไหร่นัก
เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากที่เกอรุยนอนหลับไป เสียงของการต่อสู้ก็ดังมาขึ้นจากด้านนอก เกอรุยคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมาปล้นค่ายจริงๆ เห็นได้ชัดว่าทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาก็คิดไม่ถึงเช่นนั้น และเกอรุยเองก็ไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับรับเรื่องนี้
เมื่อผู้นำชิวพาคนมาที่นี่ปล้นค่ายลูกน้องของเกอรุยทุกคนที่หลับไปแล้ว ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันในทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากการฆ่าฟันกัน
”พวกเราฆ่ามัน! ฆ่าสุนัขของจักรวรรดิให้สิ้นซาก!” ผู้นำชิวไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะลักลอบเข้าไปในค่ายของศัตรูได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกฮึกเหิมเลยตะโกนออกมา
แม้ว่าครั้งนี้เขาจะไม่ได้พาทุกคนมาที่นี่แต่เขาก็ยังดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของนายพลออกมาได้ การต่อสู้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และถ้าไม่มีภาระอย่างชาวนาที่ไม่มีความสามารถในการรบแล้ว พวกเขาก็คงสู้กับศัตรูได้ดีกว่านี้แน่
เสียงของการต่อสู้ดังขึ้นไม่หยุดหย่อนมิหนำซ้ำยังมีคนลักลอบจุดไฟเผาค่าย ทำให้หลังจากนั้นไม่นานเปลวไฟก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้า
”นายพล!นายพล! เกิดเรื่องแล้วครับ พวกศัตรูบุกมาที่นี่ครับ!” ทหารที่ไม่ได้สวมเกราะทั้งตัว รีบวิ่งเข้าไปในเต็นท์ของเกอรุยเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
”เฮ้เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน น่ารำคาญ! ฉันยังดื่มไหว ฉันยังไม่เมา เอาไวน์มาเติมให้ฉันสิ!” หากแต่ตอนนี้เกอรุยที่ยังไม่ได้สติไม่ได้สนใจฟังรายงานจากคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
”นายพลตื่นได้แล้วครับ! ศัตรูบุกมาแล้วครับ!” ชายคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเกอรุย แล้วใช้มือเขย่าตัวอีกฝ่ายไปมา พยายามปลุกเขาให้ตื่น
เห็นได้ชัดว่าความพยายามของเขาไร้ความหมายเกอรุยยังคงหลับสนิทอยู่อย่างเดิม และไม่ว่าเขาจะเขย่าตัวคนตรงหน้าแรงขนาดไหน มันก็ไม่มีประโยชน์
ขณะที่ทหารกำลังเขย่าตัวเกอรุยผ้าคลุมเต็นท์ก็ถูกปัดออก มีคนสองสามคนเดินเข้ามาข้างในเต็นท์ โดยมีผู้นำชิวเป็นคนนำ
ทหารคนนั้นตกใจเลยชักกระบี่ออกมาโดยสัญชาตญาณแต่เขายังไม่ได้พุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าในทันที เขายังคงจ้องมองผู้มาใหม่ด้วยความระแวดระวัง
“คนที่นอนอยู่ตรงนั้นคือใคร?”ก่อนหน้านี้ เขาเห็นว่าเต็นท์หลังนี้มีขนาดใหญ่และหรูหราที่สุด นี่คือเหตุผลที่เขารีบพาลูกน้องเข้ามาข้างใน ขอเดาว่าคนที่อยู่ในนี้น่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพศัตรู
”เขาคือคนของเราเกอรุย นายพลเกอ นายพลเกอเป็นน้องเขยของนายพลเสวี่ย นายพลเสวี่ย ถ้าคุณทำร้ายเขา นายพลเสวี่ยไม่มีทางปล่อยคุณเอาไว้แน่!” ทหารคนนั้นตอบ เขาจะให้นายพลเสวี่ยไปจัดการชายคนนั้น
”ฮ่าฮ่าพวกฉันมาที่นี่เพื่อจัดการพวกแก ทำไมถึงคิดว่าพวกฉันจะกลัวนายพลเสวี่ยล่ะ? ฆ่าพวกมันซะ! ” ผู้นำชิวกล่าว
แม้ว่าเขาจะพูดออกไปแบบนั้นแต่หัวใจของเขากลับรู้สึกหนาวเล็กน้อย ในตอนที่เขาเคยเป็นทหาร เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของนายพลเสวี่ยมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในนายพลเพียงไม่กี่คนที่เข้ารบในศึกใหญ่และได้รับชัยชนะกลับมา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังหารนายพลเกอคนนี้จักรวรรดิก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอยู่ดี
หากเขาเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้นอกจากเขาจะได้รับชื่อเสียงแล้ว เขายังสามารถคัดเลือกคนได้อีกด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆละก็ความแข็งแกร่งของเขาก็จะสูงขึ้น ถึงตอนนั้น ถึงคนๆนั้นจะเป็นนายพลเสวีย เขาก็ไม่กลัว!
“นายจะปากดีเกินไปแล้ว!”เขาไม่มีทางยอมรับความผ่ายแพ้แล้วยอมจำนนเด็ดขาด ครอบครัวของเขายังอาศัยอยู่ในเมืองด้านหลังเขา หากเขายอมรับความพ่ายแพ้ที่นี่ คนในครอบครัวต้องถูกจับตัวไปแน่นอน แล้วเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ชายหนุ่มก้มลงไปมองขาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยดินโคลนเขาไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!
ทหารคนนั้นร้องตะโกนแล้วพุ่งเข้าหาคนตรงหน้าน่าเสียดายที่การโจมตีนั้นไม่ได้ผล ก่อนที่เขาจะต้านทานการโจมตีสองครั้งจากทหาร เขาถูกตัดศีรษะไปก่อนแล้ว
”ท่านผู้นำเราควรทำยังไงกับคนๆนี้ครับ?” หลังจากที่จัดการสังหารทหารคนนั้นแล้ว ทุกคนเลยเดินมาข้างเตียง แล้วเอ่ยถามพลางจ้องมองเกอรุยที่ยังคงนอนหลับสนิท
มุมปากของผู้นำชิวยกยิ้มเย้ยหยันปัจจุบันจักรวรรดิมีกฏระเบียบทางทหารในกองทัพ อีกฝ่ายกล้าดื่มในค่ายทหารแถมยังอยู่ในระหว่างการต่อสู้เสียด้วย…
”ฆ่ามันแล้วนำหัวมันมาเสียบธง!” หากเขาต้องการเพิ่มยศให้ตัวเองเยอะๆ เขาจำเป็นต้องสังหารผู้ที่มีเกียรติยศเท่ากันหรือสูงกว่า ถึงคนตรงหน้าจะมีพละกำลังปานกลาง แต่ตำแหน่งและภูมิหลังของเขานับว่าใช้ได้ทีเดียว
”ครับท่าน!”จากนั้นเขาก็ตัดศีรษะของเกอรุยทันที ในตอนนั้นเกอรุยถูกฆ่าตายทั้งที่กำลังฝันหวาน ขนาดตาย เขายังไม่รู้เลยว่าเขาตายได้อย่างไร
หลังจากผู้นำชิวเดินออกไปทหารสองสามคนก็เริ่มทำงานค้นเต็นท์เพื่อหาของที่มีประโยชน์ แม้แต่เกอรุยเองก็ไม่เว้น
“นั่นอะไร?กระดาษ?” ทหารคนหนึ่งหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกของเกอรุย สภาพกระดาษไม่ถึงกับดูไม่ได้ แต่อักษรที่เขียนไว้บนนั้นกลับคดเคี้ยวจนไม่สามารถอ่านได้จึงโยนไปให้ทหารอีกคนแทน
ทหารคนนั้นรับกระดาษมาเขาเองก็อ่านไม่ออกเช่นกัน จึงโยนกระดาษแผ่นนั้นทิ้งไปอย่างไม่แยแสเมื่อเห็นว่ากระดาษาแผ่นนั้นไม่ใช่เงิน