กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 227-228
บทที่ 227 ตัดสินใจ
ซูหยูโม่ระบายยิ้มบางเบาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความเศร้าเล็กน้อย”แต่ฉันไม่รู้ว่าฮวงเฟิงจะคิดยังไง…”
“เหอะอย่างเขาจะคิดอะไรได้อีกล่ะ? สาวสวยที่มีพร้อมอย่างพี่หยูโม่ แถมชอบเขาซะด้วย เขาได้ตื่นมาเจอความฝันอันแสนหวานเชียวนะ!” ถังมู่เสวี่ยว่า
”แต่ว่าพี่หยูโม่ สิ่งที่พี่ต้องคิดในตอนนี้ไม่ใช่ความคิดของฮวงเฟิง แต่เป็นพี่จะอธิบายกับคนในครอบครัวยังไงต่างหากล่ะ พี่ว่าครอบครัวพี่จะยอมให้พี่คบกับคนธรรมดาอย่างฮวงเฟิงไหม?” ถังมู่เสวี่ยถาม แน่นอนว่าคำถามนี้เป็นปัญหาหลักที่กวนใจผู้หญิงทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้
การที่เธอเกิดมาเหมือนพวกเขาการแต่งงานเกือบไม่ใช่หน้าที่ของเธอแล้ว เธอต้องปฏิบัติตามคำสั่งของครอบครัว และคนถูกที่เตรียมไว้สำหรับเธอส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าคุณชายในเมืองหลวง
ถังมู่เสวี่ยรู้ว่าคนพวกนั้นจะปฏิบัติกับเธอยังไงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอปล่อยตัวและทำตามใจตัวเองในตอนนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าการแต่งงานในอนาคตจะทำให้เธอไม่มีความสุข
สำหรับครอบครัวของซูหยูโม่แล้วสถานการณ์ของอีกฝ่ายไม่ต่างกับเธอเท่าไหร่นัก มันถึงได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกกังวล
”จริงๆตอนที่ฉันกับเมิ่งเจียวเริ่มทำธุรกิจที่เมืองชิงพวกเราทั้งคู่เองมีความคิดแบบนี้เหมือนกันนะ” ซูหยูโม่ว่า
”ครอบครัวของเราแค่ต้องการความช่วยเหลือจากเราตราบใดที่เมิ่งเจียวกับฉันสร้างบริษัทขึ้นมาได้ เราก็จะทำประโยชน์ให้ครอบครัวได้ไม่น้อย ถึงตอนนั้นฉันก็คงเจรจากับคนในครอบครัวได้”
พวกเธอต้องการขยายบริษัทก่อนที่ครอบครัวจะตัดสินใจให้พวกเธอแต่งงาน
แต่ในเมื่อพวกเธอมีเงินพวกเธอก็มีสิทธิ์ต่อรองกับครอบครัวได้ ถึงเธออาจจะทำไม่สำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปได้สักหน่อย เรื่องนี้จึงเป็นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
”พี่คิดอย่างนั้นเหรอ?”ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอรู้ว่าซูหยูโม่กับเซี่ยเมิ่งเจียวสร้างบริษัทที่เมืองชิง เธอคิดว่าสองคนนี้ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ ถึงได้ออกมาเที่ยวเล่นตามประสาคนโสด เธอคิดว่าทั้งสองอยากหาอะไรทำฆ่าเวลาก่อนการแต่งงานจะมาถึงเสียอีก
นอกจากนี้ถังมู่เสวี่ยต้องยอมรับว่านี่เป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว ตราบเท่าที่พวกเธอทั้งสองสามารถทำให้บริษัทก้าวหน้าและสร้างประโยชน์ให้กับตระกูลได้มากพอ คนพวกนั้นอาจไม่จะจับทั้งสองแต่งงานแล้วก็เป็นได้
ท้ายที่สุดแล้วในเวลานั้น พวกเธอเองก็สามารถช่วยเหลือตระกูลได้เป็นอย่างดี ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องมือสำหรับการแต่งงานอีกต่อไป
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยากมากพวกเธอไม่มีสิทธิ์ขอยืมเงินจากครอบครัวได้มากเท่าเดิม
นอกจากนี้คนในครอบครัวที่สนับสนุนก็มีเพียงไม่กี่คน โดยรวมแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่คุ้มค่าเลยอ่ะ แถมยังมีอุปสรรค์มากกว่าคนธรรมดาตั้งเยอะ!
แต่ถึงมันจะยากขนาดไหนก็นับว่าเป็นวิธีที่จะแยกตัวออกจากการควบคุมของตระกูลไม่ใช่รึไง?
ถังโม่เสวี่ยนึกถึงตอนที่เธอได้คบกับลูกหลานคนรวยที่เมืองหลวงในช่วงสองปีที่ผ่านมาหลังจากที่สำเร็จการศึกษาเธอกำลังนึกถึงช่วงเวลาดีๆก่อนแต่งงาน คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวสองคนนี้จะตั้งใจทำเพื่อตัวเองขนาดนี้
เรื่องนี้ทำให้ถังมู่เสวี่ยที่คิดว่าตัวเองทั้งเก่งทั้งฉลาดรู้สึกละอายใจขึ้นมารู้สึกไม่ดีเลยแหะ
“ฉันตัดสินใจแล้ว!”จู่ๆถังมู่เสวี่ยก็ตะโกนขึ้นมา ทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง
”ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะยัยถัง เธอจะตะโกนทำไมเนี่ย หรือว่าเธอจงใจทำฉันหัวใจวายตาย?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
แต่ถึงอย่างนั้นในครั้งนี้ถังมู่เสวี่ยไม่ได้ชวนเซี่ยเมิ่งเจียวทะเลาะ เธอเอาแต่พูดว่า “ฉันตัดสินใจแล้ว! ฉันจะอยู่ที่เมืองชิง ฉันจะไม่กลับไปที่เมืองหลวง!”
ในเมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวกับซูหยูโม่ทำแบบนี้ได้ถังมู่เสวี่ยเองก็ไม่เชื่อว่าเธอจะทำไม่ได้ ในตอนนี้เธอไม่ได้เป็นเด็กที่เอาแต่เล่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอมีเป้าหมายชัดเจน
แม้การจะทำให้เป้าหมายสำเร็จลุล่วงนั้นเป็นเรื่องที่ยากแต่ถังมู่เสวี่ยกลับคิดว่าการมีเป้าหมายในชีวิตนั้นให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่
“ยัยลิงถัง!เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนพูดเองเหรอว่า หลังจบงานเลี้ยงคืนนี้ วันรุ่งขึ้น เธอจะกลับเมืองหลวง ไม่ใช่เหรอ? อะไรคือจะอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับแล้ว?” เซี่ยเมิ่งเจียวขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วเอ่ยถาม
อีกด้านหนึ่งซูหยูโม่ก็กำลังจ้องมองถังมู่เสวี่ยด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม แน่นอนว่าเธอรู้ว่าทำไมถังมู่เสวี่ยถึงอยากอยู่ที่นี่และทำไมก่อนหน้านี้ เธอถึงพูดแบบนั้นออกมา
ในฐานะสหายคนหนึ่งซูหยูโม่เองก็ไม่อยากเห็นถังมู่เสวี่ยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแต่งงานเช่นกัน
ถังมู่เสวี่ยไม่ได้ตอบคำถามที่เซี่ยเมิ่งเจียวสงสัยพลางใช้มือหนึ่งโอบกอดเซี่ยเมิ่งเจียวส่วนอีกมือก็กอดซูหยูโม่แล้วกล่าวออกมาอย่างห้าวหาญแทน
”ก็ฉันอยากอยู่เมืองชิงอ่ะพวกเราสามพี่น้องร่วมมือกันจัดการพวกคนน่ารังเกียจพรรค์นั้นกันเถอะ พวกเขาจะได้เคารพเรา!”
“พอได้แล้วยัยถัง เธอสติหลุดไปแล้วใช่ไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวพลางวางมือบนหน้าผาก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็เข้าใจความหมายของถังมู่เสวี่ย เห็นๆอยู่ว่าอีกฝ่ายต้องการอยู่ที่เมืองชิงและสร้างธุรกิจของตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้ในใจเซี่ยเมิ่งเจียวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งถึงทั้งสองคนจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่า เพื่อนต้องไม่ทิ้งเพื่อนอยู่แล้ว
“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ!”จากนั้นซูหยูโม่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ซูหยูโม่เข้าใจดีว่าถ้าถังมู่เสวี่ยตามหาหนทางของตัวเองพบแล้ว ความมุ่งมั่นของเธอก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเธอและเมิ่งเจียวเลย รวมถึงความสามารถที่นับว่าดีเยี่ยม ถังมู่เสวี่ยจะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพียงแต่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะขั้นตอนต่อไปจะเป็นยังไงหรือจะได้รับความเห็นชอบจากครอบครัวหรือเปล่าก็ไม่รู้…
”โอ้แขกเต็มไปหมดเลยแหะ” จากคำเชิญของผู้จัดการเหวิน ฮวงเฟิงเดินเข้ามาถึงบริเวณแผนกต้อนรับ เขาก็รู้ในทันทีว่าที่นี่มีคนธรรมดาอยู่ไม่มากนัก ดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้ว ฮวงเฟิงก็รู้แล้วว่าเขาจะต้องใส่สูท
ในบางโอกาสเขาจำเป็นต้องสวมชุดทางการและทำตัวให้ต่างจากคนอื่น เพราะเขาไม่มีจุดเด่นพอ ขืนเป็นแบบนั้น มีหวังคนอื่นได้มองเขาเป็นตัวตลกแน่
วันก่อนฮวงเฟิงได้ไปซื้อสูทตัวนี้กับซูหยูโม่จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแน่นอนว่าคนที่ซื้อคือซูหยูโม่ เธอบอกว่าเธอจะซื้อไปให้เพื่อน แต่สุดท้าย มันกลับตกเป็นของฮวงเฟิง
ด้วยเหตุนี้ชุดของฮวงเฟิงจึงไม่ได้ดูด้อยไปกว่าชุดของคนในงาน เขาเลยไม่ได้แสดงสีหน้าขมขื่นออกมาให้คนอื่นได้เห็น
”เฮ้ไหงนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? นายมาได้ยังไงเหรอ?”
ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังมองไปที่เวทีอยู่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงที่น่าประหลาดใจและคุ้นเคย ฮวงเฟิงจึงหันไปมองตามต้นเสียง และได้พบกับ…ถังมู่เสวี่ย?
ในตอนที่ถังมู่เสวี่ยเห็นฮวงเฟิงจากทางด้านหลังจู่ๆเธอก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของคนๆนี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด นึกไม่ถึงเลยว่าฮวงเฟิงจะมาที่นี่จริงๆ
ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองตาฝาดแต่พอได้ลองเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วกลับพบว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ
บทที่ 228 ทำไมนายอยู่ที่นี่
เรื่องจริงที่ว่าฮวงเฟิงได้ปรากฏตัวขึ้นณ ที่แห่งนี้ ทำเอาถังมู่เสวี่ยรู้สึกตกใจและสงสัยไม่น้อย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ถ้าไม่ร่ำรวยก็จะเป็นพวกผู้ดีกันทั้งนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างฮวงเฟิงไม่มีทางได้รับเชิญให้มาที่นี่ได้แน่ ไม่ใช่ว่าเธออยากดูถูกฮวงเฟิงแต่ดูจากฐานะของเขาในตอนนี้แล้ว…
หรือว่ามีคนพาเขามาที่นี่?
เมื่อถังมู่เสวี่ยกล้าวทักทายฮวงเฟิงฮวงเฟิงจึงทักทายเธอกลับ
คืนนี้ถังมู่เสวี่ยดูน่ารักกว่าตอนกลางวันมาก ชุดลูกไม้สีขาวทำให้เธอดูสง่างามและน่าหลงใหลมาก ในตอนนี้รังสีแห่งความเกียจคร้านบนใบหน้าเมื่อตอนกลางวันได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มบาง
“มีคนชวนผมมาน่ะครับ”ฮวงเฟิงอธิบายแล้วถามกลับว่า “แล้ว..หยูโม่กับผู้อำนวยการเซี่ยล่ะครับ?”
เมื่อได้ยินฮวงเฟิงพูดถึงสหายทั้งสองถังมู่เสวี่ยก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ในสมองของเธอกำลังคิดผู้ชายที่เรียกกับพี่หยูโม่ว่าหยูโม่ก่อนหน้านี้น่าจะเป็นฮวงเฟิง สำหรับถังมู่เสวี่ยที่รู้เรื่องบางอย่างเข้าจึงไม่เอะใจ
”สองคนนั้นไปห้องน้ำน่ะพวกเราไปนั่งรอกันตรงนั้นเถอะ” ถังมู่เสวี่ยตอบ
”ครับ”
ทั้งสองเดินมาอีกด้านที่อยู่ไกลออกไปแล้วนั่งรอถึงจะอยู่ในมุมอับ แต่กริยาและท่าทางของถังมู่เสวี่ยก็ยังดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ได้ ฮวงเฟิงเห็นว่าตรงนี้คนไม่พลุกพล่าน แต่ทุกสายตากลับจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“คุณช่างมีเสน่ห์จริงๆ” ฮวงเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ
“แล้วฉันสวยเท่าพี่หยูโม่ไหม?”ถังมู่เสวี่ยถามกลับ
“กับหยูโม่เหรือครับ?แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นมีเสน่ห์มาก แถมยังเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายอีกด้วย” ฮวงเฟิงว่า ความรู้สึกที่ซูหยูโม่มอบให้เขานั้นไม่ได้แย่เลย เธอทั้งสวยทั้งรวย แถมบุคลิกก็ดี
บางครั้งฮวงเฟิงก็รู้สึกหึงหวงอีกฝ่าย เขานึกไม่ออกเลยว่าต้องป็นผู้ชายแบบไหนถึงจะได้แต่งงานกับซูหยูโม่ในอนาคต
”นี่นายบอกว่าฉันเข้ากับคนอื่นไม่ได้เหรอ?” ถังมู่เสวี่ยถามขึ้นอีกรอบ แต่เธอไม่ได้ดูขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย
“ผมไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย”ฮวงเฟิงไหวไหล่พลางตอบ อันที่จริง ในใจเขากลับคิดแบบนั้นจริงๆ ถึงซูหยูโม่ เซี่ยเมิ่งเจียวกับถังมู่เสวี่ยที่อยู่ตรงหน้าจะงดงามขนาดไหน แต่ถ้าจะให้เขาเลือกใครสักคน เขาคงเลือกซูหยูโม่
”ไม่พูดแต่คิดสินะ” ถังมู่เสวี่ยว่า “เอาเถอะ พี่หยูโม่เป็นคนแบบนั้นจริงๆนี่นา…”
”อ๊ะจริงด้วย ถ้านายคิดว่าพี่หยู่โม่เป็นคนดี แล้วนายเคยคิดจะจีบพี่ไหม? พี่เขายังไม่มีแฟนนะ” ถังมู่เสวี่ยถาม เธอกำลังประเมินความรู้สึกของฮวงเฟิงที่มีต่อซูหยูโม่
“จีบหยูโม่…?”ภาพตรงหน้าพลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ พูดตามตรง เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย ในความคิดของฮวงเฟิง ซูหยูโม่นั้นอยู่สูงเกินไป
ก่อนหน้านี้ฮวงฟิงคิดว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ ถึงเขาจะพบกล่องจักรวาลที่วิเศษมากขนาดไหน ฮวงเฟิงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินที่ถังมู่เสวี่ยพูด ฮวงเฟิงก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย คงต้องบอกว่า ซูหยูโม่เป็นคนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลือกแฟนสาวของเขาครบทุกข้อเลยทีเดียว ถึงเขาจะครอบครังกล่องจักรวาล แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นดีกว่าซูหยูโม่เลย
”ก็ใช่น่ะสินายคิดว่าฉันพูดเล่นเหรอ? ถ้านายอยากจีบพี่หยูโม่จริงๆ ฉันช่วยนายได้นะ” สาเหตุที่เธอตื่นเต้นมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอเป็นเพื่อนของซูหยูโม่ และวันนี้ ซูหยูโม่ได้ก็แสดงด้านที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ซูหยูโม่จะต้องรู้สึกขอบคุณเธอจากใจแน่นอน
”คุณกับหยูโม่เป็นเพื่อนกันแล้ว…มันจะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหมครับ?”ฮวงเฟิงถาม
”ก็เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันฉันถึงได้ทำแบบนี้ไง ฉันรู้ว่านายเป็นคนดีและเหมาะสมกับเธอ” ถังมู่เสวี่ยตอบ เธอจะไม่บอกอีกฝ่ายว่า ที่เธอยอมช่วยเป็นเพราะซูหยูโม่ชอบเขา เพราะเกรงว่าฮวงเฟิงจะรู้ทันซูหยูโม่น่ะสิ
”คุณคิดว่าผมเป็นเป็นยังไงล่ะครับ?คนอย่างผมคู่ควรกับเธอเหรอครับ?” ภายนอก เขาก็แค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง แต่สำหรับซูหยูโม่นั้นเขาเป็นแค่คนดีคนหนึ่ง
แม้ว่าซูหยูโม่จะไม่รู้สถานะทางบ้านของขาแต่จากที่ดูแล้ว มันก็คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?
“ใช่ฉันเชื่อมั่นในตัวนายนะ นายเป็นคนที่มีความสามารถนะ” ถังมู่เสวี่ยตอบ จริงๆเธอก็ไม่เชื่อฮวงเฟิงหรอก แต่พอซูหยูโม่ตกหลุมรักอีกฝ่าย ถ้าไม่เชื่ออีกก็โง่เต็มทีแล้ว
นอกจากนี้เธอรู้ว่าถ้าซูหยูโม่ตัดสินแล้วว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ อย่างน้อยเธอก็รอบคอบกว่าเซี่ยเมิ่งเจียว ดังนั้น การรอคอยของฮวงเฟิงในอนาคตก็นับว่ามีว่าแล้ว
ถังมู่เสวี่ยคิดว่าถึงฮวงเฟิงจะประสบความสำเร็จในอนาคต แต่มันก็ไม่มีความหมายต่อครอบครัวของคนพวกนั้น เธอไม่ได้คาดหวังว่าอนาคตของซูหยูโม่กับฮวงเฟิงจะสวยหรู เธอหวังแค่บริษัทของซูหยูโม่จะประสบความสำเร็จได้สักวัน
ฮวงเฟิงไม่เข้าใจจริงๆว่าถังมู่เสวี่ยไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนแต่ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สายตาก็เหลือบไปเห็นซูหยูโม่กับเซี่ยเมิ่งเจียวกำลังเดินมาทางนี้
”ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”ซูหยูโม่ถามด้วยความสงสัยขณะที่จ้องมองฮวงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆถังมู่เสวี่ย
”คุณบอกว่าคุณมาไม่ได้ไม่ใช่หรอ?แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” เซี่ยเมิ่งเจียวถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร
“ไม่ใช่ว่าผมบอกคุณว่า‘คืนนี้ผมมีธุระ’ เหรอครับ? ธุระของผมก็คือการมาที่นี่ยังไงละครับ” ฮวงเฟิงตอบ
“อ้าวถ้างั้นคุณเข้ามาได้ยังไงล่ะ?” ณ เวลานี้ เซี่ยเมิ่งเจียวคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครนึกจะมาก็มา
”แน่นอนว่ามีคนเชิญผมมา”ฮวงเฟิงตอบ
จากนั้นฮวงเฟิงจุงเลิกสนใจเซี่ยเมิ่งเจียวแล้วเบนสายตาไปทางซูหยูโม่ก่อนหน้านี้ พอได้ยินที่ถังมู่เสวี่ยพูดแล้ว ฮวงเฟิงที่ได้สบตากับอีกฝ่าย หัวใจก็พลันรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
ภายใต้แสงยามค่ำคืนซูหยูโม่ดูความสงบนิ่งมาก ผิวกายส่วนที่ไร้การปกปิดเผยผิวขาวแวววาวให้ปรากฏสู่สายตา ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวปรากฏรอยยิ้มทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
“ถ้าได้ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนชีวิตนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว” ฮวงเฟิงนึกในใจ
ก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่น่าสงสาร เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคู่ควรซูหยูโม่ที่ร่ำรวยและงดงาม เขารู้ฐานะของตัวเองดี ดังนั้นเขาห้ามคิดไปเองเด็ดขาด
แต่ตอนนี้เขามีกล่องจักรวาลอยู่อนาคตของเขาก็คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก…มั้ง?