กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 229-230
บทที่ 229 แค่คนชั้นต่ำ
ซูหยูโม่สัมผัสได้ว่าท่าทางของฮวงเฟิงแปลกไปเมื่อได้สบตากับอีกฝ่าย จู่ๆใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงดูแปลกไปก็เถอะ
ถังมู่เสวี่ยที่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจับตาดูทั้งสองด้วยรอยยิ้มส่วนผู้ชมอย่างเซี่ยเมิ่งเจียวที่ไม่รู้อะไรเลย ยังคงหงุดหงิดท่าทีของฮวงเฟิงที่ปฏิบัติต่อตน
ในขณะที่ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่าห่างออกไปไม่ไกลมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่
ถึงก่อนหน้านี้เขาจะถูกฮวงเฟิงเล่นงาน แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็เบากว่าถงเฉียนอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุนี้หลังจากพักราษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณสองสามวัน เขาก็กลับบ้านได้แล้ว ในวันนี้ เขากลับบ้านและมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
แม้ว่าเหลาหยูจะไม่ได้มีแสดงออกกับฮวงเฟิงได้ตรงมาก่อนแต่ก็รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ก่อนที่เขาจะได้สอนบทเรียนฮวงเฟิง เขาดันไปเห็นรูปถ่ายของฮวงเฟิงจากเธอเอาซะได้
ถึงตอนนี้พอเห็นว่าคนที่เขาจะสั่งสอนสบายดีแถมยังได้พูดคุยกับสาวสวยอีก เหลาหยูอดรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาไม่ได้ จึงเดินเข้าไปหาผู้หญิงสามคน เขาจำเซี่ยเมิ่งเจียวกับซูหยูโม่ได้
“ถงเฉียนนึกถึงซูหยูโม่มาตลอดแต่ตอนนี้เขาอยู่ในโรงพยาบาล จากที่เห็นแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฮวงเฟิงกับเขานี่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย” เหลาหยูแอบคิดในใจทันทีที่เห็นร่างฮวงเฟิง
เขารู้ว่าฮวงเฟิงเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่น่าจะมาที่นี่ได้ แสดงว่าต้องมีคนพาเขามาที่นี่และคนๆนั้นก็น่าจะเป็นซูหยูโม่
ก่อนหน้านี้ถงเฉียนต้องการสั่งสอนฮวงเฟิงแต่เพราะฮวงเฟิงหยุดรถเลยทำให้เขาเสียหน้า
แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขากำลังมีความคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายและซูหยูโม่นั้นไม่ปกติแล้ว มันต้องมีลับลมคมนัยมากกว่านี้แน่ ถ้าเกิดว่าถงเฉียนมาเห็นฉากนี้เข้าโดยบังเอิญล่ะ? เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงเหมือนกัน
แน่นอนว่าถงเฉียนไม่มีกระจิตกระใจมาคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้หรอกเขากำลังวุ่นวายอยู่กับการพบหมอที่มีชื่อเสียงเพื่อรักษาขา
”เหลาหยูนายกำลังมองอะไรอยู่? นั่น เพื่อนนายเหรอ?” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยถาม
”ไม่ใช่เพื่อนหรอกก็แค่สนใจเฉยๆน่ะ” เหลาหยูตอบ เขาไม่คิดจะหาเรื่องฮวงเฟิงอีก เพราะก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยมีความแค้นกับฮวงเฟิงมาก่อน
เหตุผลที่เหลาหยูต้องการจะสั่งสอนฮวงเฟิงเป็นเพราะเขาต้องการประจบถงเฉียนแต่ตอนนี้ถงเฉียนไม่สนใจ ฮวงเฟิงแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียแรงทำอะไรแบบนั้นอีก
แน่นอนว่านี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเหลาหยูถึงไม่รู้ว่าคนที่ทุบตีเขาในวันนั้นก็คือฮวงเฟิง
“ผู้อำนวยการหยวนคุณเองก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอครับ?”
ในเวลานี้ที่อีกด้านหนึ่งในงานผู้จัดการหยวนที่มาพร้อมกับใครคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น ในค่ำคืนนี้มีคนที่มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตาได้มารวมตัวกันที่นี่
สำหรับผู้จัดการหยวนที่ต้องการเปิดตลาดในเมืองชิงจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไปเด็ดขาด นอกจากนี้ เขาเองก็เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนจึงมาที่นี่ได้
”ผู้อำนวยการเฉิงพอดีว่าสหายของผมต่างมารวมตัวกันที่นี่น่ะครับ ผมก็เลยตามมาด้วย” ผู้จัดการหยวนตอบระคนหัวเราะ
“นั่นสินะครับโอกาสแบบนี้จะขาดผู้จัดการหยวนไปได้ยังไง ผมเห็นว่าผู้อาวุโสจากเฮฟเว่นไพร์สองคนก็มาร่วมงานด้วยเหมือนกัน สองคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมงานกัน พวกคุณทั้งสองควรสนิทกันไว้นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ความจริงแล้วพวกเขาเป็นคู่อริที่ไม่อยากเสวนาด้วย
”เหอะคุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ? ผมเห็นฮีโร่หญิงทั้งสองคนจากเฮฟเว่นมาสักพักแล้ว งั้นผมขอตัวไปทักทายพวกเธอสักหน่อย” ผู้จัดการหยวนกล่าว ตอนนี้เขายังไม่มีเรื่องกับเฮฟเว่นไพร์ แต่ก็อึดอัดอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าเขามีสหายมากมายในเวลานี้และคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือหนึ่งในสหาย ผู้อำนวยการเฉิง ยิ่งเขามีสหายเยอะก็ยิ่งดี
หลังจากกล่าวลาผู้อำนวยการเฉิงผู้จัดการหยวนก็เดินไปหาซูหยูโม่และคนอื่น เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขาก็เห็นฮวงเฟิง เขารู้สึกตกใจมาก บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองทันทีที่ได้เห็นไอ้ขี้เหล่ฮวงเฟิงที่สร้างเรื่องให้เขาในวันนั้น
ผู้จัดการหยวนไม่มีวันลืมเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเขาไม่ได้รู้สึกประทับใจพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อไหร่ที่เขามีโอกาสเขาจะสั่งสอนรปภ.คนนี้ซะให้เข็ด ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอมันที่นี่ในวันนี้ ให้ตายสิ!
”เฮ้นั่นใครน่ะ เขาคือรปภ.ไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเขาพูดคำว่า ‘รปภ.’ เน้นย้ำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆได้ยิน คนพวกนั้นจึงมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยความสงสัย แน่นอนว่ามันคือสายตาดูถูกท่ามกลางพวกเขา
“ที่นี่มาตรฐานต่ำจนใครๆ ก็เข้ามาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เป็นแค่รปภ.ก็มาที่นี่ได้งั้นรึ?” เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหยวนกัดฮวงเฟิงไม่ปล่อย ต่อมาก็เบนสายตาไปมองซูหยูโม่กับสาวๆที่เหลือ
“ศัตรูของผู้อำนวยการซูกับผู้อำนวยการเซี่ยคงเก่งไม่เบาถึงได้พารปภ.ของบริษัทมางานนี้ด้วย ยังไงนะครับ? พวกคุณกลัวตัวเองไม่ปลอดภัยใช่ไหม? ” ผู้จัดการหยวนกล่าวพลางหัวเราะ
เรื่องจริงที่ว่าถ้าคำพูดพวกนี้เป็นความจริง แสดงว่าซูหยูโม่กับเซี่ยเมิ่งเจียวคงไม่ไว้ใจเจ้าภาพเลย
”ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้จัดการหยวนเรื่องพาคนอื่นมานะคะ”ซูหยูโม่ตอบอย่างไม่แยแสขณะที่จ้องหน้าอีกฝ่าย
”ผมไม่จำเป็นต้องอนุญาติเธอก็จริงแต่สำหรับผู้อำนวยการซู ทำแบบนี้ก็เหมือนกับว่าพวกคุณไม่ไว้ใจผู้จัดการเหวินเลยนะครับ” ผู้จัดการหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าผู้จัดการเหวินเป็นผู้จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้
”เอ่อ..ผู้จัดการหยวน คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้มาที่นี่กับผู้อำนวยการซูและสาวๆครับ ผมเพิ่งพบพวกเธอในตอนที่ผมเข้ามาในงาน” ฮวงเฟิงลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับชายหนุ่มที่เข้าใจบางอย่างผิดไป
”ฮ่าฮ่า ตลกตายล่ะ! นายเป็นแค่รปภ.ที่ต่ำต้อย ถ้าไม่มีผอ.ซูกับสาวๆ นายจะเข้ามาที่นี่ได้ไหม? นายคิดว่าที่นี่คือที่ไหนล่ะ? หรือว่านายคิดว่ารปภ.อย่างนายอยากมาก็มาได้เลย?” ผู้จัดการหยวนหัวเราะออกมาดัง ๆ ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกสุดๆ
”ผู้จัดการหยวนมั่นใจจังเลยนะครับแล้วถ้าผอ.ซูกับสองคนนี้ไม่ได้เป็นคนพาผมมา อย่างผมจะเข้ามาที่นี่เองไม่ได้เหรือครับ?” ฮวงเฟิงว่าขณะที่ถลึงตาใส่คนตรงหน้า
”มันต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนอกจากผอ.ซูกับสาวๆแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนกล้าพารปภ.ที่ต่ำต้อยอย่างนายมาหรอก!” ผู้จัดการหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจ
”ฉันพาเขามาเอง!”ไม่รู้ว่าผู้จัดการเหวินมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เพราะคนกลุ่มนี้กำลังยุ่งอยู่กับการต่อปากต่อคำเลยไม่ทันได้สังเกต
“เหอะฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้โง่คนนั้นคือใคร?” ผู้จัดการหยวนไม่คิดว่าจะมีคนตอบคำถามของเขาจริงๆ ในขณะที่พูดก็ได้หันไปตามต้นเสียง ในตอนที่เห็นผู้จัดการเหวินยืนอยู่ข้างหลัง เขาก็ไม่สามารถปปริปากพูดอะไรได้อีก
บทที่ 230 ใครคือไอ้โง่กันแน่
หรือว่าผู้จัดการเหวินจะเป็นไอ้โง่คนนั้น?ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว!
ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ต้องไม่ใช่ไอ้โง่ที่มีฐานะในบ้านประมูลห้าอันดับแรกของประเทศตั้งแต่อายุสามสิบด้วยตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแห่งเมืองชิงเด็ดขาด!
ดังนั้นใบหน้าของผู้จัดการหยวนจึงเต็มไปด้วยความสงสัยในตอนแรกกลับกลายเป็นความขมขื่น
แต่ถึงอย่างนั้นผู้จัดการเหวินกลับไม่สนใจอีกฝ่ายนัก จึงหันไปพูดกับฮวงเฟิงว่า “คุณฮวงมาอยู่นี่เองเหรอครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นคุณในงาน ผมนึกว่าคุณฮวงไม่อยากมาซะแล้ว…”
“ผู้จัดการเหวินสุภาพเกินไปแล้วครับ”ฮวงเฟิงว่า
“อ่ะ..พวกคุณทั้งสองคงจะเป็นสองบอสสาวแสนสวยแห่งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปสินะครับผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่พวกคุณทั้งสองคนมาที่นี่ในค่ำคืนนี้” ผู้จัดการเหวินกล่าวขณะที่จ้องมองซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียว
”ฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับคำเชิญเช่นกันค่ะ”ซูหยูโม่ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เฮฟเว่นไพร์เพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นานจึงไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้บริษัทประมูลเจียเฉิ่งจะไม่เคยจัดงานเลี้ยง แต่เรื่องที่พวกเธอได้รับเชิญมาวันนี้เปรียบเสมือนการแสดงจุดยืน
ด้วยเหตุนี้ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวจึงตั้งใจเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้และพวกเธอจะไม่ปิดบังตัวตนใดๆ แม้ทั้งสองจะไม่ได้รับความสนใจเลยก็ตาม
“คุณฮวงเองก็รู้จักโฉมงามทั้งสองคนนี้ด้วยเหรอครับ”ผู้จัดการเหวินถาม
”ถ้าจะพูดให้ถูกคือพวกเธอเป็นเจ้านายของผมครับ”ฮวงเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“อ้อเป็นอย่างนี้นี่เอง” ผู้จัดการเหวินแอบรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูถูกฮวงเฟิง
สำหรับอาจารย์อาวุโสชิวที่ใช้เรียกเขาเห็นๆอยู่ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงทำงานที่เฮฟเว่นไพร์ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องรู้เช่นกัน
บางทีเหตุผลที่ฮวงเฟิงมาทำงานที่เฮฟเว่นไพร์อาจเป็นเพราะเขาได้ใกล้ชิดกับสาวสวมทั้งสองมากขึ้นก็ได้
ท้ายที่สุดความงามและความสามารถของทั้งสองก็มีชื่อเสียงในชนชั้นสูงแห่งเมืองชิง และจะโด่นดังขึ้นไปเรื่องๆในภายภาคหน้า
”ผอ.เซี่ยกัยผอ.ซูมีลูกน้องที่ดีจริงๆ”ผู้จัดการเหวินยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ผมยังมีแขกที่รอให้ผมไปทักทายอยู่ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญคุณตามสบายเลยค่ะผู้อำนวยการเหวิน” ซูหยูโม่และคนที่เหลืออีกสามคนกล่าวพร้อมกัน
จากนั้นผู้จัดการเหวินก็เดินออกไปทางดด้านซ้าย ส่วนผู้จัดการหยวนที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ข้าง ๆ นอกจากการทักทาย ผู้จัดการเหวินก็ไม่ได้สนใจเขาอีกเลย เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก
ผู้จัดการเหวินไม่นึกถึงความรู้สึกของผู้จัดการหยวนเลยแม้แต่น้อยถึงเขาจะเพิ่งมาเมืองชิง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถปรับตัวได้หรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้นชัยชนะที่ดีต้องพิจารณาจากการเป็นที่หนึ่งในหมู่คนรวยแห่งเมืองชิง ดังนั้นแม้ว่าศัตรูจะเป็นถึงมังกรที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ต้องชนะคนรวยพวกนั้นให้ได้
ในเมืองชิงหรือแม้แต่ในประเทศจีนคอนเนคชั่นแห่งชัยชนะที่ดีไม่ใช่สิ่งที่เขา จะเทียบได้
ด้วยเหตุนี้ผู้จัดการหยวนจึงดุเขาต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญ และผู้จัดการเหวินไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเรื่องนี้จะรั่วไหลออกสู่ภายนอก ก็ถือเป็นความผิดของอีกฝ่ายไม่ใช่ของเขา
”ผู้จัดการหยวนฉันชื่นชมคุณมากจริงๆ คุณกล้าด่าเขาต่อหน้าเจ้านายเขา ความกล้าหาญและความบ้าบิ่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงบอบบางจะทำได้” เซี่ยเมิ่งเจียวไม่ใช่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือจึงพูดจาดูถูกอีกฝ่ายอย่างเจ็บแสบ เธอพูดพลางหัวเราะผู้จัดการหยวน
”เหอะ!”ในตอนที่เขากำลังจะจากไป เขาก็เหลือบมองฮวงเฟิงด้วยความข้องใจ เขาไม่เข้าใจว่ารปภ.ที่ต่ำต้อยอย่างฮวงเฟิงรับคำเชิญจากผู้จัดการเหวินได้ยังไง
หญิงสาวทั้งสามที่รวมถึงซูหยูโม่ก็ไม่เข้าใจไม่ต่างกันหลังจากผู้จัดการหยวนจากไป พวกเธอทั้งสามก็หันไปมองฮวงเฟิงด้วยความสงสัย ราวกับว่าพวกเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
แม้ว่าผู้จัดการเหวินจะเป็นเพียงผู้จัดการของบริษัทประมูลแต่เขาก็มีคอนเนคชั่นทั่วทั้งเมืองชิง นอกจากนี้เขายังมีผู้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
สถานะของผู้จัดการเหวินไม่ธรรมดาเลยสักนิดแต่เขากลับวางตัวสุภาพกับรปภ.อย่างฮวงเฟิง ไม่แปลกที่พวกเธอทั้งสามจะสงสัย
“ทำไมพวกคุณถึงมองผมแบบนั้นละครับ?”ฮวงเฟิงเอ่ยถามด้วยยิ้มเหยเกทันทีที่เห็นทั้งสามกำลังจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท่าอย่างไม่ลดละ
“ก็ฉันไม่รู้ว่าคุณได้คำเชิญจากผู้จัดการเหวินจริงๆนี่แล้วคุณรู้จักเขาได้ยังไง?” ผู้หญิงอีกสองคนก็มองฮวงเฟิงด้วยใบหน้าสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเองก็อยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน
“ผมรู้จักเขาจากการทำธุรกิจ”ฮวงเฟิงตอบ
”หานายทำธุรกิจกับเขา? ธุรกิจประอะไร?” เซี่ยเมิ่งเจียวถาม
“ผมแค่ขอให้เขาช่วยขายของให้ไม่ใช่เขาทำบริษัทประมูลเหรือครับ? อย่างผมจะทำธุรกิจอะไรได้อีกล่ะ?” ฮวงเฟิงมองเซี่ยเมิ่งเจียวราวกับเธอเป็นคนซื่อบื้อ
สายตาของฮวงเฟิงทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวรู้สึกหงุดหงิดใบหน้าของหญิงสาวพลันขึ้นสี
”เหอะ!ใครจะไปรู้ว่านายทำธุรกิจแบบไหนล่ะ เขายังมีแขกอีกตั้งเยอะ ฉันยังไม่เห็นว่าเขาจะทำตัวสุภาพกับคนพวกนี้เท่านี้เลย นายไม่ได้พูดความจริงนี่!”
เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวไม่ผิดที่นี่คือบริษัทประมูล ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่ได้ติดต่อธุรกิจกับผู้จัดการเหวิน และพวกเธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะพูดจาดีกับใครเลย
”สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับส่วนเหตุผลที่เขาพูดจาสุภาพกับผมขนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…” ฮวงเฟิงตอบ แต่อย่างน้อยเขาก็พอเดาออก มันน่าจะเกี่ยวข้องกับอาวุโสชิว
เมื่อนึกถึงอาวุโสชิวฮวงเฟิงก็เห็นอีกฝ่ายตัวจริง เขาเพิ่งมาถึงและผู้จัดการเหวินที่เพิ่งจากไปก็ยืนอยู่ข้างชายชรา
ฮวงเฟิงอยากจะขึ้นไปกล่าวคำทักทายอีกฝ่ายแต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เขาจึงรอโอกาสแล้วค่อยไปทักทาย
แต่ฮวงเฟิงกลับไม่ได้โอกาสนั้นชายชราคนนี้มีผู้คนรายล้อมมากมาย เห็นได้ชัดว่าผู้คนเหล่านั้นจดจำเขาได้
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวซูหยูโม่และคนอื่น ๆ มางานวันนี้
แต่สำหรับฮวงเฟิงนั้นต่างออกไปเขาไม่ได้มีความคิดที่จะมาพบใครในงานเลี้ยง แต่มาเพื่อการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังงานเลี้ยงจบลง
ดังนั้นเมื่อซูหยูโม่และหญิงสาวอีกสองคนไปทักทายแขกคนอื่นฮวงเฟิงที่ยืนอยู่ตามลำพังจึงเริ่มลงมือจัดการอาหารของตัวเอง
”เฮ้!สหาย นายเองก็ถูกลากมาที่นี่เหมือนกันเหรอ?” ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังลิ้มรสอาหารอันโอชะ ได้มีเด็กหนุ่มร่างท้วมเล็กน้อยเดินมานั่งข้างๆแล้วพูดกับเขาอย่างสนิทสนม
ฮวงเฟิงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัยไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าหมอนี้กำลังคิดอะไรอยู่
เด็กอ้วนคนนั้นกินเค้กเต็มปากแล้วพูดว่า”นี่เป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อที่สุดเลย! แต่พ่อของฉันบอกว่าจะลากฉันมาที่นี่ให้ได้ เขาอยากให้ฉันรู้จักคนอื่นเยอะๆน่ะ เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ”
ฮวงเฟิงพอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นดูท่าเด็กอ้วนคนนี้จะเป็นลูกเศรษฐีที่ถูกพ่อลากตัวมาเพื่อเปิดหูเปิดตา