กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 233-234
บทที่ 233 ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
“อืม…”ซูหยูโม่ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะชอบมันจริงๆหรือไม่ ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้คำตอบ
การประมูลยังคงดำเนินต่อไปและราคาที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างช้าๆ“ผู้จัดการหยวน ดูท่าแล้ว ซูหยูโม่แห่งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปต้องการประมูลภาพวาดนี้นะครับ”
ในเวลาเดียวกันในกลุ่มของผู้จัดการหยวนนั่งไม่ไกลจากซูหยูโม่นัก หนึ่งในนั้นเห็นท่าทีของซูหยูโม่เขาก็รีบพูดกับผู้จัดการทันที เมื่อผู้จัดการหยวนได้ยินดังนั้น เขาจึงหันไปมองซูหยูโม่ เป็นไปตามคาด เขาเห็นเธอประมูลอีกครั้ง จากนั้น เขาก็เลือกที่จะยกป้ายประมูลขึ้นเพื่อร่วมประมูลของชิ้นนี้ด้วยอย่างไม่ลังเลใจ
หนึ่งในเหตุผลที่ผู้จัดการหยวนมาที่นี่ในวันนี้คือเพื่อสร้างปัญหาให้กับซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวเขาเป็นตัวแทนที่ทรงอิทธิพลของเมืองชิงและตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นปฏิปักษ์กับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปเรียบร้อยแล้วหลังจากที่เขามาที่นี่ เช่นนั้นเขาไม่ได้คิดที่จะใช้โอกาสในวันนี้เพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ในขณะเดียวกันเขาใช้ช่วงเวลานี้เพื่อบ่งบอกถึงความทรงอิทธิพลและความมีอำนาจของเขาไปด้วย
ในตอนแรกซูหยูโม่ไม่รู้ว่าผู้จัดการหยวนและคนอื่นๆ ร่วมประมูลด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีคนจำนวนมากเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เธอจะเห็นหน้าผู้เข้าร่วมประมูลทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่น ๆ เริ่มเสนอราคาประมูลแข่งกันน้อยลง
”ผู้ชายคนนั้นน่ารำคาญจริงๆ เขาตั้งใจต้อนพวกเราทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้ด้วย เขากำลังสู้กับพี่หยูโม่เพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ” เซี่ยเมิ่งเจียวที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นการกระทำของผู้จัดการหยวนแล้วขมวดคิ้ว
ซูหยูโม่ยกป้ายประมูลขึ้นโดยไม่ลังเลขึ้นอีกครั้ง
”เอาล่ะครับตอนนี้หมายเลข 35 ราคาประมูลอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นหยวน มีใครให้ราคาได้สูงกว่านี้ไหมครับ? ผมต้องบอกก่อนว่าภาพวาดนี้เป็นของสะสมที่หายากจริงๆ แม้ว่าภาพอู๋ทงจื่อภาพนี้จะยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่จุดเด่นของมันก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าภาพวาดที่มีชื่อเสียงอื่นๆเลย ในอนาคตภาพวาดชิ้นนี้อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็เป็นได้” เจ้าหน้าที่ประมูลกล่าว
“นี่ก็น่ารำคาญเหมือนกัน”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว จากสิ่งที่ผู้ประมูลพูดเป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการให้มีคนเข้าร่วมการประมูลมากขึ้น ดังนั้นซูหยูโม่จึงประมูลภาพวาดนี้ได้ยากขึ้นไปอีก
ยิ่งราคาสูงเท่าไหร่รายได้ของเขาก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้น ความตะขิดตะขวงใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะซูหยูโม่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอประมูลได้ในราคาที่สูงที่สุด เช่นนั้นหากเธอประมูลภาพวาดนี้ไปได้ นั้นไม่ได้เหมือนกับว่าเขาขายภาพให้ซูหยูโม่ และเธอก็เป็นเหมือนลูกค้าที่ให้เงินแก่เขาหรอ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮวงเฟิงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
ความรู้สึกอึดอัดของฮวงเฟิงอยู่ได้ไม่นานโชคดีที่ผู้จัดการหยวนยกป้ายประมูลขึ้นอีกครั้งและไม่เพียงเท่านั้นเขาเสนอราคาประมูลเพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงหนึ่งหมื่นหยวนแต่เพิ่มเป็นห้าหมื่นหยวนด้วย
”แปดแสนหยวน!”“ผู้อำนวยการซู ผมต้องขอโทษที่ต้องพรากของรักจากคุณไป ผมก็ชอบภาพวาดชิ้นนี้เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ ” ผู้จัดการหยวนไม่เพียงแต่เสนอราคาประมูลเท่านั้น อีกฝ่ายยังพูดจายั่วโมโหซูหยูโม่อีกด้วย
วิธีนี้ทำให้ผู้จัดการหยวนพอใจมากเดิมทีเขาต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้ออคิดบีนกรุ๊ปเป็นที่รู้จักและในขณะเดียวกันนั้นเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งและพลังอำนาจของออคิดบีนกรุ๊ปด้วย แล้วตอนนี้เขาก็เป็นคู่แข่ง มันไม่มีช่วงเวลาไหนจะดีไปมากกว่านี้แล้ว อย่างไรก็ตามซูหยูโม่กลับไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่าย
“แปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน!สาวสวยคนนี้ประมูลถึง แปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน! มีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกไหมครับ?! “เจ้าหน้าที่ประมูลตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นทันที แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่สายตาของเขากลับมองไปยังตำแหน่งของผู้จัดการหยวนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังถามผู้จัดการหยวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ เขารู้ว่าคนที่จะประมูลของไปได้ต้องเป็นผู้จัดการหยวนอยู่แล้ว
แน่นอนว่าผู้จัดการไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังเพราะเขาได้ชูป้ายประมูลขึ้นอีกครั้ง
“ผมเสนอราคาแปดแสนกับอีกห้าหมื่นหยวน!”
“แปดแสนห้าหมื่นหยวน!คุณผู้ชายท่านนี้เสนอราคามาถึง แปดแสนห้าหมื่นหยวน! มีท่านใดให้ราคาประมูลสูงกว่านี้อีกไหมครับ? แปดแสนห้าหมื่นหยวนครั้งที่หนึ่ง!” ในขณะที่เจ้าหน้าที่ประมูลกำลังกล่าวเขาก็มองไปยังตำแหน่งของซูหยูโม่
ด้านซูหยูโม่ก็ชูป้ายขึ้นอีกครั้งโดยไม่ลังเล”เก้าแสนหยวน!” เสียงของซูหยูโม่ดังขึ้นในงานประมูลเป็นครั้งแรก น้ำเสียงที่ดูไม่แยแสของซูหยูโม่ทำให้ในห้องเกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง
”หนึ่งล้านหยวน!”เสียงของผู้จัดการหยวนดังขึ้นมาอีกครั้ง การเสนอราคาของเขาทำให้เสียงซุบซิบดังขึ้นไปอีก จริงๆ ทุกคนรู้ดีว่าราคานั้นเกินมูลค่าของภาพวาดนี้ไปแล้ว แม้ว่าเทคนิคของภาพวาดนี้จะไม่ธรรมดาแต่ศิลปินผู้วาดก็ยังไม่เป็นที่ไม่รู้จักซึ่งมันมีผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของของที่ใช้ประมูล โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะรวบรวมผลงานของบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่มูลค่าของผลงานชิ้นนี้มันจะไม่สูงเกินไปหรือ
ราคาสุดท้ายของภาพวาดนี้ควรอยู่ระหว่างเจ็ดถึงแปดแสนหยวนซึ่งมันเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เช่นนั้นต่อให้ราคาของภาพนี้จะสูงแค่ไหนมันก็ดูไม่คุ้มสักเท่าไหร่นัก และในตอนนี้ซูหยูโม่กับผู้จัดการหยวนก็ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากการประมูลเลยแม้แต่น้อย เหตุผลที่ทุกคนต่างพากันพูดถึงเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวกับราคาที่สูงเกินกว่ามูลค่าของภาพวาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนเห็นว่าซูหยูโม่และผู้จัดการหยวนเป็นเหมือนพวกคนโง่เง่าและเป็นเรื่องไม่ง่ายแล้วที่พวกเขาจะซื้อภาพวาดชิ้นนี้ ทุกคนต่างเคยได้ยินถึงเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเขาทั้งสองและเห็นชัดถึงเบื้องหลังของทั้งสองบริษัทที่ต่างไม่พอใจกันจนแสดงความไม่พอใจนั้นออกมาผ่านทางการประมูล
โดยปกติแล้วบริษัทประมูลจะมีความสุขมากเนื่องจากราคาถ้ายิ่งสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นบริษัทประมูลจึงกระตือรือร้นอยากที่จะเห็นผู้คนแข่งกันเสนอราคาในการประมูล
“หนึ่งล้านห้าหมื่นหยวน!” ซูหยูโม่พูดขณะยกมือขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ความสงบของเธอทำให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกด้อยกว่าเธอ
ในเวลานี้ทุกคนต่างค่อยๆเริ่มทำความรู้จักกับซูหยูโม่ ก่อนหน้านี้ทุกคนเพียงแค่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสองบอสสาวแสนสวยแห่งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปแต่ยังไม่มีใครเคยเห็นพวกเธอทั้งสอง เหตุผลแรกอาจเป็นเพราะพวกเธอเพิ่งมีชื่อเสียงได้ไม่นานและอีกอย่างคือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้สนใจออกมาพบปะกับคนรุ่นสองเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามในวันนี้ซูหยูโม่ยังใช้โอกาสนี้เพื่อให้ทุกคนจดจำเธอในฐานะผู้หญิงที่มีทั้งความสวยและความสามารถ
ถึงแม้จะมีคนได้ยินว่าถงเฉียนยังคงตามหลังซูหยูโม่อยู่เนื่องจากเขาธุรกิจของเขายังไม่ประสบความสำเร็จแต่เรื่องนี้ไม่สามารถหยุดความคิดเรื่องซูหยูโม่ลงได้ ภูมิหลังของถงเฉียนนั้นน่าประทับใจแต่ในปัจจุบันก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้มีภูมิหลังที่เลวร้ายมากกว่าเขานักและไม่ค่อยเกรงกลัวเขาด้วย
บทที่ 234 ไม่ชอบงั้นหรอ?
“หนึ่งล้านสองแสนหยวน!”ผู้จัดการหยวนขึ้นราคาอีกครั้ง แม้ใจจริงเขาจะเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็ตาม
ใจจริงผู้จัดการหยวนรู้สึกประหม่าไม่น้อย แม้ว่าเขาจะเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของออคิดบีนกรุ๊ป แต่มันก็ไม่เรื่องปกติของคนทั่วไปที่จะจ่ายเงินซื้อของจำพวกนี้ แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียหน้า ในตอนนี้ เขาถึงจำเป็นต้องเป็นคนควักเงินจ่ายด้วยตัวเอง
ในตอนแรกเขาคิดว่าซูหยูโม่จะต้องหวั่นเกรงเขาแต่เมื่อมองไปทางด้านซูหยูโม่เมื่อครู่ เธอกลับดูเหมือนจะประมูลจริงจังกว่าเขาเสียอีก ภาพวาดนั้นมันมีดีอะไรกัน?
ผู้จัดการหยวนเองก็ไม่รู้ว่าจะชื่นชมหรือซาบซึ้งกับภาพวาดนี้ได้อย่างไรเหตุผลที่เขาเรียกราคาประมูลนั้นก็เพื่อสกัดซูหยูโม่
ตอนที่เขาพูดเสนอราคาขึ้นมันจึงไม่แปลกที่เขารู้สึกเจ็บใจภายหลังเนื่องจากราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาในใจของเขาแล้วตอนนี้
เขาอยากจะพูดเพียงแค่สองสามคำและอยากบีบให้ซูหยูโม่กลับไปด้วยซ้ำแต่ใครจะไปรู้ว่าซูหยูโม่ไม่มีความมลังเลเลยที่จะเสนอราคาประมูลขึ้นมาอีกครั้ง
“หนึ่งล้านสามแสน!”ผู้จัดการหยวน ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันก็ต้องการสิ่งนี้เช่นกัน ถ้าอยากได้จริงๆ ฉันเกรงว่าราคานี้ยังไม่พอ! “ซูหยูโม่กล่าว
เมื่อเห็นท่าทีที่สงบของซูหยูโม่ฮวงเฟิ่งจึงนึกสงสัยว่าเธอคงไม่มีทางยอมแพ้แน่ๆ จนกว่าจะเอาชนะผู้จัดการหยวนได้ซึ่งนั้นทำให้เขาเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันฮวงเฟิงก็รู้สึกลังเลอยู่ในใจเช่นกัน เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ซูหยูโม่เสียเงินไปกับเขามากขนาดนี้ เกรงว่าภาพนี้ก็ไม่ต่างจากสิ่งของหลายอย่างที่เขาได้มาจากกล่องจักรวาล และพวกมันก็ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นด้วย หากผู้จัดากรหยวนต้องการซื้อภาพวาดนั้นก็ปล่อยให้เขาได้ไป เพราะฮวงเฟิงไม่อยากให้ซูหยูโม่ต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้
”หยูโม่เธอชอบภาพวาดนี้จริงๆ เหรอ?” ฮวงเฟิงกล่าวกับซูหยูโม่ด้วยเสียงทุ่ม
“มีอะไรเหรอ?”ซูหยูโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอชอบเขาแต่เพราะเธอเห็นว่าฮวงเฟิงดูเหมือนจะชอบเธอจริงๆ เมื่อนึกถึงตอนที่ฮวงเฟิงให้สร้อยคอกับเธอเช่นนั้น เธอจึงคิดได้ว่าควรจะให้อะไรตอบแทนแก่เขาบ้าง เรื่องเสื้อผ้าที่เธอซื้อให้มันเป็นเพียงความต้องการพื้นฐานที่เขาควรได้รับอยู่แล้ว นั้นจึงไม่ถูกนับรวมกับสิ่งที่เธอจะต้องตอบแทนเขา ท้ายที่สุดแล้ว เกียรติยศและชื่อเสียงเป็นสิ่งที่เธอสามารถซื้อเพื่อตอบแทนให้เขาได้ในฐานะ ‘เพื่อน’
เพียงแค่มองท่าทีของฮวงเฟิงตอนนี้มันก็ดูออกแล้วว่าเขาคงจะไม่ชอบภาพวาดนี้จริงๆ
”ฉันไม่คิดว่าภาพวาดนี้จะคุ้มค่ากับเงินมากขนาดนั้นดังนั้นเธอไม่ควรเสียเงินไปฟรีๆนะ ถ้าเธอชอบภาพวาดพวกนี้จริงๆ ผมสามารถหาให้เธอได้ในอนาคต” ฮวงเฟิ่งกล่าว
หากไม่ใช่เพราะเขายังต้องการหาเงินทุนในตอนนี้เขาคงสามารถซื้อภาพวาดพวกนี้แล้วมอบให้ซูหยูโม่เป็นของขวัญไปแล้ว
และแม้ว่าเขาจะยังทำไม่ได้ในตอนนี้แต่เขาก็สามารถได้ภาพวาดแบบนี้มาจากกล่องเก็บของได้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาสามารถมอบของขวัญให้ซูหยูโม่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน
”ไม่คุ้มเหรอ?”ซูหยูโม่ตกใจ แม้ว่าภาพวาดชิ้นนี้จะไม่คุ้มค่าสำหรับการประมูลครั้งนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ยังคงมีมูลค่าอยู่ที่หนึ่งล้านหยวน ฮวงเฟิงบอกว่าเขาได้ส่วนแบ่งจากการประมูลครั้งนี้ด้วย แล้วอย่างนี้ ภาพนี้ควรมีราคาเท่าไหร่ล่ะ?
”ใช่ฉันคงต้องบอกว่า จริงๆแล้ว เพื่อนของฉันเป็นคนขายภาพนี้ มันไม่คุ้มกับเงินจำนวนมากขนาดนั้นหรอก” เพื่อที่จะปัดความคิดของซูหยูโม่ที่ว่าเธอใช้เงินอย่างผิดๆ ฮวงเฟิงจึงพูดได้เพียงเท่านี้
”เพื่อนของนาย?งั้นก็แสดงว่านายไม่ได้ชอบภาพวาดนี้หรอ?” ซูหยูโม่ถึงกับอึ้ง เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิด?
”ฉันชอบภาพนี้งั้นหรอ?ฉันบอกตอนไหนว่าฉันชอบภาพนั่น? ฉันไม่รู้วิธีชื่นชมภาพวาดแบบนั้นด้วยซ้ำ แล้วฉันจะชอบมันได้ยังไง..?” ฮวงเฟิงถึงกับตกใจคำถามของซูหยูโม่
“อ๋ออย่างนี้นี่เอง” ในที่สุดซูหยูโม่ก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ทำไมเขาถึงให้ความสนใจกับภาพวาดนี้มากนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบมัน แต่เป็นเพราะภาพนี้ถูกประมูลโดยเพื่อนของเขา ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ดีซูหยูโม่ได้มองไปที่ผู้จัดการหยวนที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เธอมองออกว่าในใจของอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้การประมูลครั้งนี้แน่นอน แม้เขาจะไม่ต้องการซื้อภาพวาดนี้ นี่คือสิ่งที่ทำให้ซูหยูโม่ประหลาดใจ
“หนึ่งล้านห้าแสนหยวน!”ผู้จัดการหยวนลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเสนอราคาประมูลที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานตกใจ
”แม้ว่าผมจะบอกว่าสุภาพบุรุษไม่ควรขโมยมือของคนอื่นแต่ผม หยวนคนนี้ชอบภาพวาดนี้มาก คุณต้องการให้ผมตัดคุณออกหรือไม่?” ผู้จัดการหยวนกล่าวกับซูหยูโม่ด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้าอิ่มเอิบของเขา
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเขามีเลือดไหลออกมาจากความรู้สึกที่เจ็บปวดจริงๆ เขาใช้เงินไปกว่าล้านหยวนกับเพียงแค่ภาพวาดตัวหมัด เขาเหมือนติดกับดักตัวเองตายจริงๆ
ท้ายที่สุดนั้นก็เป็นเขาเองที่เป็นคนที่ริเริ่มการต่อสู้และถ้าเขายอมแพ้ในตอนนี้พรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นตัวตลกและเป็นที่หัวเราะของทั้งเมืองชิง จริงๆ แล้วเขาไม่ควรเอาชนะผู้หญิงด้วยซ้ำแต่ที่เขาต้องมาเจอสถานณการณ์แบบนี้ก็เพราะเธอมายั่วโมโหเขาก่อน
ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้เพียงรั้งตัวไม่ให้พุ่งไปหาเธอ
“ผู้จัดการหยวนดูเหมือนฝืนใจจังเลยนะคะถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็เลิกประมูลเถอะค่ะ”
ซูหยูโม่กล่าวว่า”ฉันเสนอราคาหนึ่งล้านเจ็ดแสนหยวน!”
ว้าว!
หลายคนถึงกับอุทานออกมาเบาๆ ถึงจะมีคนอีกจำนวนมากที่สามารถจ่ายได้ในราคาเช่นนี้ แต่การใช้เงินจำนวนมากเพียงเพื่อซื้อภาพวาด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ คงไม่มีใครเต็มใจจ่ายเพราะมันไม่ต่างกับการทำอะไรสิ้นคิด
ฮวงเฟิงเองก็ตกใจอยู่ในใจเขาได้อธิบายให้ซูหยูโม่ชัดๆแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตะโกนเรียกราคาที่สูงขึ้นอีกเช่นนี้
เดิมทีฮวงเฟิงเพียงคิดจะพูดโน้มน้าวเธอแค่สองสามคำแต่พอเห็นท่าทีของซูหยูโม่กับผู้จัดการหยวนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลในตอนนี้ ฮวงเฟิงก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ในทางกลับกันเซี่ยเมิ่งเจียวยังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นพี่สาวใช้เงินมหาศาลเพื่อซื้อภาพวาดนี้ แต่การที่ต้องเห็นพี่สาวของเธอใช้จ่ายมากมายจนทำให้เป็นครหาว่าเป็นเหมือนกับพวกสิ้นคิดที่ชอบพล่านเงินเล่น
แต่อย่างไรก็ดีซูหยูโม่ก็ได้ให้ความมั่นใจกับกับเซี่ยเมิ่งเจียวเพื่อให้เธอสบายใจเนื่องจากน้องสาวของเธอก็ไม่รู้ว่าเธอคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่เซี่ยเมิ่งเจียวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสงบสติอารมณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่สาวของเธอ
ใบหน้าของผู้จัดการหยวนจากที่มีสีแดงระเรื่อกลับต้องเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเขาพูดออกมาอย่างยากลำบากจนเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้คนอื่นๆ เห็นสิ่งนี้โดยเฉพาะซูหยูโม่
เขาไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าซูหยูโม่ได้”สองล้าน! ผมเสนอราคาสองล้าน! ผมสงสัยว่า ผู้อำนวยการซู ยังจะกล้าเรียกประมูลสู้กับผมอยู่อีกรึเปล่า?”
หากซูหยูโม่ยังคงเสนอราคาต่อไปเขาก็จะยอมแพ้เพราะตอนนี้ราคาสูงกว่ามูลค่าของภาพวาดนั้นไปแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเขาจะยอมแพ้ คนอื่น ๆ ก็จะไม่คิดว่าเขาไม่มีเงิน แต่พวกเขาจะคิดว่าเขาฉลาดเสียด้วยซ้ำ
ใบหน้าสบอารมณ์ของผู้จัดการหยวนอยู่ได้เพียงไม่นานก่อนที่ซูหยูโม่จะส่ายหน้าและกล่าวว่า
”สุภาพบุรุษพึงมีวุฒิภาวะแม้ว่าฉันจะไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เนื่องจากผู้จัดการหยวนชื่นชอบภาพวาดนี้มาก ถ้าฉันยังดึงดันสู้ต่อ มันจะไม่ทำให้ผู้จัดการหยวนเสียหน้าใช่ไหมคะ?”
“นี่เธอกำลังหมายถึงอะไร?”จู่ๆผู้จัดการหยวนเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆขึ้นมา