กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 241 -242
บทที่ 241 มาอยู่ด้วยกัน
“นี่ไหนๆพวกเราทั้งคู่ก็ยังไม่มีงานทำ เธอไม่ต้องเช่าห้องแล้วมาอยู่กับฉันก่อนดีไหม? พวกเราจะได้ประหยัดเงินยังไงล่ะ” กัวเหลียงหันมาสบตาพร้อมพูดกับโจวหรูหราน
”หืมถามแบบนี้นายอยากโดนตีใช่ไหม?” โจวหรูหรานถามกลับ ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่เธอก็ยังพิจารณาข้อเสนอของกัวเหลียง
เธอจริงจังกับกัวเหลียงมากในขณะเดียวกัน เธอก็สามารถพูดได้เต็มเต็มปากได้ว่ากัวเหลียงเองก็จริงใจต่อเธอเช่นกัน
ในตอนนี้พวกเขาสองคนไม่มีงานให้ทำแล้ว ดังนั้น เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเขา พวกเขาก็ควรทำตัวประหยัดอดออมสักนิด
แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแต่แน่นอนว่าเธอจะแยกห้องนอนกับอีกฝ่าย นอกจากนี้ เธอยังมั่นใจมากว่าหากเธอไม่ยินยอม กัวเหลียงก็จะไม่บังคับเธอเป็นอันขาด
“ถ้าจะให้ฉันมาอยู่ด้วยจริงๆมันก็ได้แหละ…แต่ว่า..นายไม่ได้คิดอะไรพิเรนทร์ๆใช่ไหม…?”หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหรูหรานก็เอ่ยถามอีกครั้ง
”ใช่!”กัวเหลียงตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆในทันที ตอนแรกเขาไม่คิดว่าโจวหรูหรานจะเห็นด้วย มันทำให้เขารู้สึกดีใจมาก
”เธอไม่ต้องกลัวไปนะถ้าเธอไม่เห็นด้วย ฉันก็ไม่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก สัญญาเลย!”
โจวหรูหรานฟาดชายหนุ่มไปอีกหนึ่งทีแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
”ฮึ่ย!พอได้แล้ว มากินข้าวเถอะ นายคงเหนื่อยกับการหางานมาตลอดสองวันนี้”
“แต่ว่าฉันไม่ได้ไปหางานนะ”กัวเหลียงส่ายหัว
”จริงๆแล้วฉันออกไปหาโรงงานกับหมอนั่นน่ะ”
กัวเหลียงที่ต้องการความช่วยเหลือแฟนสาวเป็นทุนเดิมจึงไม่ปิดบังอีกฝ่าย
”หา!?โรงงาน? โรงงานอะไรกัน นายอยากทำงานที่โรงงานเหรอ?” โจวหนูหรานเอ่ยถามด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่างานนั้นหายากมาก แต่ดูจากความสามารถของกัวเหลียงกับฮวงเฟิงแล้ว สองคนนี้ไม่น่าจะอยากทำงานที่โรงงานนี่นา…
กัวเหลียงส่ายหัว“หมอนั่นอยากทำธุรกิจก็เลยมาชวนฉันน่ะ ฉันตอบตกลงและเอาเงินเก็บทั้งหมดไปใช้ เธอ..จะไม่ว่าฉันที่ไม่ได้บอกเธอก่อนใช่ไหม?”
โจวหรูหรานรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษชายหนุ่มจึงถามกลับไปว่า
”เหอะแล้วนายจะประกอบธุรกิจแบบไหนล่ะ? การเริ่มต้นธุรกิจนั้นยากกว่าการหางานอีกไม่ใช่เหรอ? แถมก่อนหน้านี้ นายบอกฉันว่าฮวงเฟิงไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ไม่ใช่รึไง?”
”ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั่นไปหาเงินมาจากไหนตั้งสองล้านมันอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว พวกเรากำลังเตรียมผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย อ้อ ฉันจะบอกว่า พรุ่งนี้ ฉันอยากให้เธอมาช่วยงานด้วยน่ะ ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะยังไม่อยากลาออกจากงานเร็วๆนี้ และฉันเองก็ยุ่งเกินไปแล้ว” กัวเหลียงกล่าว
”หืออุปกรณ์บำบัดน้ำเสียเหรอ?” โจวหรูหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อน “ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่และฉันก็เชื่อว่านายเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ใช่ไหม? ทำไมพวกนายต้องการสร้างมันขึ้นมาล่ะ?”
เป็นธรรมดาที่โจวหรูหรานเป็นกังวลแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีอะไรกับกัวเหลียง แต่พวกเราทั้งสองก็เป็นผู้ชายและผู้หญิง เธอจึงต้องคิดถึงเรื่องในอนาคต
หญิงสาวไม่ได้คัดค้านเรื่องที่กัวเหลียงต้องการสร้างธุรกิจแต่อย่างน้อยก็ควรจะเป็นธุรกิจที่อีกฝ่ายคุ้นเคย ไม่ใช่เครื่องบำบัดน้ำเสียที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแบบนี้ ให้ตายสิ!
“อืม..ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉันก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันน่ะ เหตุผลที่ฉันต้องทำแบบนั้นก็เพราะว่าหมอนั่นได้วัสดุสำหรับการผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียมา ตามที่หมอนั่นพูดไว้คือ ถ้าเราสามารถผลิตมันขึ้นมาได้จริงๆ มันก็จะมีคุณภาพดีกว่าที่มีอยู่ในตลาด เพราะอย่างนี้ ฉันเลยไม่กลัวว่าจะขายไม่ออก” กัวเหลียงกล่าว
“นี่เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”โจวหรูหรานแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ถึงอย่างไร ฮวงเฟิงก็ไม่ใช่พวกที่จะผลักไสสิ่งดีๆออกไปไกลตัว
”เท่าที่ฉันรู้จักหมอนั่นไม่ใช่คนที่จะพูดจาใหญ่โต ถึงของจริงจะดูไม่ดีเท่าที่เขาบอกนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป เพราะฉะนั้นมันต้องดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดแน่นอน” กัวเหลียงกล่าว
ต่างจากโจวหรูหรานโจวหรูหรานเพิ่งรู้จักฮวงเฟิงได้ไม่นาน แต่ชายหนุ่มรู้จักฮวงเฟิงมาประมาณสามปีแล้ว
”ฉันก็หวังว่าจะอย่างนั้นนะ”แฟนของเธอทุ่มเงินเก็บทั้งหมดให้กับโครงการ และเขาก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ดังนั้น เธอจึงไม่อยากให้โครงการนี้ต้องสูญเปล่า
“พรุ่งนี้เธอเองก็ไปโรงงานกับฉันสิ ที่นั่นมีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย หมอนั่นทำงานสองที่พร้อมกันไม่ได้ ส่วนฉันก็มีงานรัดตัว” กัวเหลียงกล่าว
”ได้เลย!”โจวหรูหรานใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
เนื่องจากตอนนี้เธอยังไม่มีงานเธอเลยไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อ ด้วยเหตุนี้ การไปโรงงานของพวกเขาจึงถือว่าเป็นความคิดที่ดี
สถานที่ที่ฮวงเฟิงพักอยู่นั้นอยู่ห่างจากกัวเหลียงมากในขณะที่กัวเหลียงกับโจวหรูหรานกำลังเพลิดเพลินอยู่ในโลกของกันและกัน เขาก็เพิ่งเข้ามาในสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่ง
“ฮึก..ฮือ…”ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังเดินลงไปที่ชั้นล่างสุดของที่พัก ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ
”ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนมานั่งร้องไห้อยู่ข้างนอกอีกเหรอ?”ฮวงเฟิงคิดในใจ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเดินไปตามที่มาของเสียงร้อง
ที่มุมตึกเล็กๆ ที่ห่างออกไม่ไกล ฮวงเฟิงเห็นร่างหนึ่งหมอบอยู่บนพื้น โดยศีรษะก้มลงไปอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง ไหล่ของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งยังร้องอวดครวญเสียงดังจนทำให้คนที่ผ่านมาทางนี้ได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนา
ฮวงเฟิงตัดสินใจเดินไปดูว่าคนๆนั้นคือใครเนื่องจากเขาค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยกับร่างนี้มาก จึงก้าวเท้าเดินตรงไปหาคนๆนั้นทันที
ในตอนที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเสียงร้องไห้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น แสงจากโคมไฟดวงน้อยๆตามทางทำให้ฮวงเฟิงสามารถยืนยันได้ว่าคนๆนั้นคือใคร
“กัวเมิ่งหานเหรอ?”ฮวงเฟิงพยายามตะโกน
หลังจากได้ยินเสียงของฮวงเฟิงทันใดนั้นร่างนั้นก็หยุดร้องแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น เธอมองไปที่ฮวงเฟิงเงียบๆ
จนกระทั่งหญิงสาวตระหนักว่าคนที่พูดกับเธอคือฮวงเฟิง เธอจึงก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นก็รีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าทันทีจนไม่เหลือร่องรอยแห่งความโศกเศร้าบนใบหน้าอีก
ท่าทีที่กัวเมิ่งหานแสดงให้ฮวงเฟิงเห็นนั้นเงียบและนิ่งมากถึงขั้นเป็นคนเก็บตัวจนดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบเขา และไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เธอไม่รู้จัก
แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่งแต่มันก็ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่
“เป็นอะไรรึเปล่า?”ฮวงเฟิงนั่งลงข้างๆ กัวเมิ่งหาน ชายหนุ่มอยากจะยื่นทิชชู่ให้หญิงสาวซับน้ำตา แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันทีที่พบว่าตัวเขาไม่ได้พกมันมาด้วย
อย่างไรก็ตามกัวเมิ่งหานไม่ได้ส่งเสียงออกมาและเพียงแค่เช็ดน้ำตาอยู่เงียบ ๆ
”ถ้าเธอมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอยู่เธอบอกฉันได้นะ บางทีฉันอาจช่วยเธอได้ก็ได้ แต่ถึงฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ระบายมันออกมา เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น” ฮวงเฟิงพูดต่อ
จากนั้นฮวงเฟิงก็นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนหญิงสาวจู่ๆฮวงเฟิงก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เนื่องจากเขาดูเหมือนคนพูดมาก และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการให้เขารบกวน
อย่างไรก็ตามตอนนี้กัวเมิ่งหานไม่ได้มีอารมณ์เท่าไหร่นัก หญิงสาวอาจไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็เป็นได้
ทันใดนั้นฮวงเฟิงก็นึกถึงวันที่กัวเหลียงลาออกเมื่อสองวันก่อน กัวเหลียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังตอนที่ทั้งสองไปดื่มด้วยกัน จากนั้นเขาก็เอ่ยถามอีกฝ่ายต่อว่า “หรือว่าจะเป็นเรื่องงาน?”
บทที่ 242 มาทำงานกับฉัน
”นายรู้ได้ยังไง?!”กัวเมิ่งหานรีบโพล่งออกมาพลางหันไปมองฮวงเฟิงด้วยความตกใจ
“ฉันเดาถูกใช่ไหม?”ฮวงเฟิงเองรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กัวเมิ่งหานจะร้องไห้ฟูมฟายเพราะเรื่องงาน
”ฉันไปเจอกัวเหลียงมาหมอนั่นก็เพิ่งลาออกใช่ไหมล่ะ? พอดีว่าเขาเล่าเรื่องงานให้ฉันฟังน่ะ” ฮวงเฟิงกล่าว
ในตอนที่กัวเมิ่งหานได้ยินคำตอบเธอก็ก้มหน้าลง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงถึงถามแบบนั้นออกมา
“หัวหน้าคนนั้นเขาทำอะไรเธอรึเปล่า?” ฮวงเฟิงถาม
“อือ…”กัวเมิ่งหานไม่ได้นิ่งเฉย ครั้งนี้ เธอรู้สึกสนิทกับฮวงเฟิงมาก ในตอนนี้ทั้งสองถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ฮวงเฟิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงไม่พยายามปิดบังอีกฝ่ายอีก
จากคำตอบของกัวเมิ่งหานทันใดนั้นฮวงเฟิงก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาว
อดีตหัวหน้าของกัวเหลียงไม่ได้หยุดการกระทำดังกล่าวหลังจากที่ถูกโจวหรูหรานตบต่อหน้าสาธารณชน อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะกำจัดกัวเหลียงกับโจวหรูหรานเท่านั้น
เมื่อเขารู้ว่าโจวหรูหรานกับกัวเมิ่งหานเป็นเพื่อนกันเขาก็เพ่งเล็งไปที่กัวเมิ่งหานด้วย นอกจากนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามจับตาดูกัวเมิ่งหาน และในตอนนี้เขาก็ได้วางแผนไล่เธอออก
อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำอะไรโดยประมาทในครั้งนี้เขาตรวจสอบสถานการณ์ครอบครัวของกัวเมิ่งหานและโทรหาเธอในช่วงบ่ายวันนี้จากนั้นเปิดเผยไพ่ของเขาเธอยังมีน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่ม.3 และกำลังจะเข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมปลายในปีหน้า ผลการเรียนของน้องชายคนเล็กของเธอไม่ได้แย่ จึงมีโอกาสที่จะได้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายดีๆสักแห่ง
หากเป็นแบบนั้นจำนวนเงินที่เธอจำเป็นต้องใช้ค่อนข้างสูง และความสามารถในการหาเงินของพ่อแม่ของกัวเมิ่งหาน พวกเขายังไม่สามารถจ่ายค่าเทอมให้น้องชายได้ แล้วนับประสาอะไรกับการมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในอนาคต
เธอจำเป็นต้องหาเงินให้ได้เยอะๆนอกจากจะต้องเลี้ยงดูตัวเองแล้ว เธอยังต้องคืนเงินให้กับครอบครัว และช่วยส่งน้องชายเรียนด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถลาออกจากงานได้
แต่อย่างไรก็ตามคำพูดที่อีกฝ่ายพูดกับเธอตอนบ่ายทำให้เธอตกอยู่ในความเคียดแค้นอย่างสิ้นหวัง
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้ฐานะของเธอและรู้ว่าเธอต้องการทำงานนี้เพราะรายได้สูง นี่เป็นสาเหตุที่อีกฝ่ายพยายามคุกคามเธอ และเป็นสาเหตุที่ทำกัวเมิ่งหานมานั่งร้องไห้ที่นี่ในคืนนี้
“ไอ้บ้านั่นมันชั่วจริงๆ”ฮวงเฟิงกล่าวหลังจากทีได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากกัวเมิ่งหาน
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้กำลัง แต่กลับทำอะไรที่มันอันตรายยิ่งกว่า
”ตอนนี้ฉันต้องทำงานและต้องหาเงินให้ได้”กัวเมิ่งหานกล่าว
ในความเป็นจริงเพื่อเป็นการประหยัดเงิน กัวเมิ่งหานจะต้องเก็บเงินให้ได้มากขึ้น โดยปกติ หญิงสาวไม่ค่อยชอบกิจกรรมเข้าสังคม ถ้าไม่ใช่เพราะกัวเมิ่งหานและโจวหรูหรานเป็นเพื่อนกัน การที่ฮวงเฟิงจะได้พบหญิงสาวที่บาร์ถึงสองครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
และสาเหตุอื่นก็คือหญิงสาวไม่เก่งในด้านการสร้างเพื่อนใหม่และกลัวการใช้เงินกับสิ่งต่างๆมากเกินเกินความจำเป็น
เงินที่เธอหามาได้ถูกนำไปจ่ายค่าเล่าเรียนของตัวเองแม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยมาทั้งชีวิต แต่เธอก็ไม่เคยตำหนิครอบครัวของตัวเองเลย
นอกจากนี้เธอยังรู้สึกขอบคุณพ่อคุณแม่สำหรับเรื่องนี้ เธอรู้ฐานะทางครอบครัวของตัวเองดี และคุณพ่อคุณแม่ก็พยายามสุดความสามารถแล้วเช่นกัน
เพราะเหตุนี้หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอจึงอยากขยันทำงานและหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อตัวเธอเอง
อย่างไรก็ตามโรงเรียนที่เธอจบมานั้นมีชื่อเสียงน้อยกว่าโรงเรียนของฮวงเฟิง และเนื่องจากเธอไม่ได้มีผลงานดีเด่น เธอเลยไม่อยากผูกมิตรกับใคร
นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอในการโปรโมตตัวเองและ ในความคิดของเธอ งานนี้ยังคงเป็นงานที่ดีงานหนึ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเธอถึงรับไม่ได้ที่ต้องแยกทางกับมัน
เมื่อได้ยินคำพูดจากกัวเมิ่งหานฮวงเฟิงก็ไม่มีท่าทีที่จะดูถูกหญิงสาวเลยแม้แต่น้อง เธอเป็นคนที่กตัญญูต่อพ่อแม่ และเป็นคนที่เข้มแข็งมาก
”ถ้าเธอจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆฉันสามารถให้เธอยืมได้นะ” ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาและกัวเมิ่งหานก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ในเมื่อเพื่อนกำลังประสบปัญหา เขาก็ไม่สามารถทนดูอยู่เฉยๆได้
”ถึงมันจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนก็เถอะ…จริงสิฉันขอถามเธอได้ไหมว่าเธอยังอยากทำงานที่นั่นต่อไหม?”
ฮวงเฟิงสามารถให้หญิงสาวยืมเงินเขาได้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะให้เธอยืมมันได้ตลอด เนื่องจากข้อมูลที่อีกฝ่ายมีอาจทำให้เธอถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ ฮวงเฟิงยังคงคาดหวังว่ากัวเมิ่งหานจะยอมลาออกจากงาน
แน่นอนว่าหลังจากที่เธอลาออกแล้วการหางานดีๆสำหรับเธออาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และสำหรับเขาการขอความยุติธรรมให้อีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
“แน่นอนว่าฉันก็ไม่อยากทำงานที่นั่นต่อเหมือนกัน!”กัวเมิ่งหานตอบโดยไม่ต้องใช้ความคิด
“แต่ว่าฉันไม่อยากยืมเงินของนายเหมือนกันฉันคิดว่าอีกสองวัน ฉันจะลองไปหางานใหม่ ถึงเงินเดือนอาจจะไม่ได้เยอะเท่าเดิมก็เถอะ เอาไว้ฉันจะลองไปหางานพิเศษทำระหว่างที่ยังว่างงานอยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันเอาตัวรอดได้”
ถ้าลองเทียบดูแล้วยังไงช่วงทดลองงานในช่วงแรก เงินเดือนต้องต่ำกว่าตอนที่ได้ทำงานจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เธอจะหางานที่ให้เงินเดือนใกล้เคียงกับที่งานเธอทำอยู่ในตอนนี้ก็ค่อนข้างยาก
ฮวงเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากัวเมิ่งหานเข้มแข็งถึงขนาดปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาตรงๆ เขาจึงรู้สึกประทับใจอีกฝ่ายในใจ
”คือวันนี้ฉันกับกัวเหลียงซื้อโรงงานเห่งหนึ่งมาถ้าเธอสนใจจะลองไปทำงานที่นั่นดูก็ได้นะ อ้อ โจวหรูหรานเองก็ไปทำงานที่นั่นด้วย” ฮวงเฟิงใช้ความคิดอยู่ครูหนึ่งแล้วพูดกับหญิงสาว
เนื่องจากกัวเมิ่งหานไม่เต็มใจที่จะรับเงินจากเขา ฮวงเฟิงก็เลยจัดการหางานให้เธอทำซะเลย
ส่วนเรื่องโรงงานแม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่เติบโตนัก แต่ในอนาคตฮวงเฟิงก็คิดที่จะขยายโรงงานเช่นกัน นี่ไม่ใช่แค่การว่าจ้างกัวเมิ่งหานเพียงคนเดียว แต่หลังจากนี้เขาก็จะรับสมัครพนักงานคนอื่นด้วย
แม้ว่าอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียจะออกมาไม่ดีเท่าที่เขาคิดเอาไว้แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังใช้เงินที่ได้รับจากกล่องจักรวาลเพื่อนำมาขยายโรงงานได้
เนื่องจากเขาต้องการขยายกิจการในอนาคตเขาจึงไม่สามารถรอให้ได้กำไรก่อนที่จะรับสมัครพนักงานเพิ่ม เนื่องจากไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
”หืมโรงงานเหรอ?” กัวเมิ่งหานหันไปถามฮวงเฟิงด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่เข้าใจว่ากัวเหลียงต้องการจะทำอะไรกันแน่
แต่ในเมื่อกัวเหลียงกับโจวหรูหรานก็อยู่ด้วยและฮวงเฟิงเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี ดังนั้น ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะโกหกเธอได้ เรื่องนี้ทำให้เธอสงสัยเกี่ยวกับโรงงานที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
”ใช่ฉันจะทิ้งที่อยู่ไว้ พรุ่งนี้ เธอก็ลองไปที่นั่นดูก็แล้วกัน” ฮวงเฟิงกล่าว แม้ว่าเขาต้องการช่วย กัวเมิ่งหานด้วยความเต็มใจ แต่อย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนเช่นกัน