กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 245-246
บทที่ 245 ดักรอ
”ไปกันเถอะ!”โอวหยางซิงเหวินพูดต่อว่า “โอ้ เกือบลืมไป เจ้าไปบอกคนพวกนั้นว่าให้สอบปากคำหวังเอ้อต่อ จนกว่าจะได้ข้อมูลมา พวกมันห้ามปล่อยให้หวังเอ้อหนีไปหรือตายเป็นอันขาด”
“เข้าใจแล้วข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้” หัวใจของซุนจื่อเต้นรัว ก่อนหน้านี้ หวังเอ้อเป็นคนที่นายน้อยโปรดปราณมาก แต่ตอนนี้เขากลับต้องพบเจอกับจุดจบแบบนี้ ในอนาคต ไม่ว่าจะทำอะไร เขาจำเป็นต้องระมัดระวัง และภาคภูมิใจกับมัน
เมื่อเห็นซุนจื่อรีบเดินออกไปโอวหยางซิงเหวินที่ดันเหลือบไปเห็นเศษขยะบนพื้น จึงขมวดคิ้วมุ่น ไอ้หมอนี่ตาบอดหรือไง?
หลังจากนั้นโอวหยางซิงเหวินก็ได้พาซุนจื่อออกไปกับเขา
ตอนนี้พ่อของเขาไม่อยู่บ้าน จึงไม่มีใครหน้าไหนควบคุมเขาได้ เขาสามารถทำทุกอย่างที่ตนเองต้องการ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หากเขาต้องการจะออกไปข้างนอก เขาก็ต้องแอบปีนกำแพงออกไป
โดยที่ในตอนนี้โอวหยางซิงเหวินสามารถเดินผ่านประตูที่มียามเฝ้าประตูไปได้ และแม้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นเขา คนพวกนั้นก็ไม่มีทางห้ามปรานเขาอย่างแน่นอน
“โอวหยางซิงเหวิน?เจ้าเองก็มาที่นี่ด้วยเหรอ? ข้าไม่ได้เห็นหน้าเจ้ามาตั้งสามวัน นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ทันทีที่โอวหยางซิงเหวินมาถึงโรงเตี๊ยม นายน้อยอันก็มาถึงที่นี่อยู่ก่อนแล้ว นอกจากเขาแล้วยังมีนายน้อยท่านอื่นอีกสามคน
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนักจึงทำให้มีการแข่งขันกันเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา หากแต่นายน้อยอันและโอวหยางซิงเหวินต่างก็เป็นลูกรักเหมือนกัน ทั้งคู่จึงตกลงว่าเป็นเพื่อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน
“สองสามวันที่ผ่านมาข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการเลยไม่มีอารมณ์ออกมาข้างนอกน่ะ” โอวหยางซิงเหวินกล่าว
หากพูดถึงนายน้อยอันท่านนี้แล้วจริงๆแล้วอีกฝ่ายเป็นคนที่มีภูมิหลังด้อยกว่าเขาอยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นักจึงถามกลับไป
”อันจื่อชิงพวกคนที่มาจากกรมทหารโลหิตสีชาดไปพักอยู่ที่ไหนหรือ?”
“อ้อเรื่องนี้นี่เอง เจ้าไม่ต้องกังวลไป มานั่งแล้วดื่มนี่สักหน่อย แน่นอนว่าถ้าพวกเขามาถึง พวกเขาก็จะต้องไปที่สหภาพทหารเพื่อทำภารกิจ” อันจื่อชิงตอบ
โอวหยางซิงเหวินเองก็คิดเหมือนกันกับอีกฝ่ายแม้ว่าสำนักงานใหญ่ของงานทหารรับจ้างจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ในหลายๆเมืองก็มีสาขาย่อย
และเมืองเฮ่าเทียนก็เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ป่าแห่งหมอกมากทำให้ทหารรับจ้างจำนวนมากต่างพากันไปที่นั่น ด้วยเหตุนี้ การที่มีสาขาย่อยของสหภาพทหารตั้งอยู่ที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นอกจากนี้ยังมีการรับส่งภารกิจของสหภาพทหารในแต่ละพื้นที่ได้อีกด้วยเมื่อได้รับภารกิจมาจากเมืองหนึ่งแล้วทหารรับจ้างสามารถส่งภารกิจในอีกเมืองได้ แต่จะมีความล่าช้าในการส่งมอบของรางวัล นอกจากจะส่งภารกิจให้สหภาพทหารตามเมืองที่ได้รับภารกิจมาเท่านั้นจึงสามารถรับรางวัลได้ทันที
โอวหยางซิงเหวินนั่งลงได้กลิ่นยั่วยวนของไวน์ ทำให้เกิดความตะกละตะกลามและต้องการจัดการไวน์ที่อยู่ตรงหน้า
เนื่องจากเขาวุ่นอยู่กับเรื่องแหวนมิติเลยทำให้เขาไม่มีอารมณ์ออกไปข้างนอกและได้เพลิดเพลินไปกับกลิ่นอันหอมหวานของไวน์แบบนี้มาหลายวันแล้ว
“เยี่ยมมาก!”หลังจากดื่มไวน์ไปหนึ่งแก้ว โอวหยางซิงเหวินก็ตะโกนเสียงดัง ทำให้อันจื่อชิงรู้สึกว่าตนกำลังถูกผู้อื่นมองด้วยสายตาดูหมิ่น
เนื่องจากท่าทางของโอวหยางซิงเหวินในตอนนี้เหมือนกับคนที่ไม่เคยเห็นโลกและเพิ่งเคยดื่มไวน์เป็นครั้งแรก นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
”อ้อข้าได้ยินว่าพ่อของเจ้าไม่อยู่บ้าน แล้วอย่างนี้ใครเป็นคนห้ามไม่ให้เจ้าหนีออกมาได้อีกล่ะ? จากที่เห็นท่าทางตะกละของเจ้าแล้ว อย่าบอกนะว่าข้าจะได้เจอเจ้าก็ต่อเมื่อเจ้าหนีออกมาได้” อันจื่อชิงถาม
”อ๋าไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ไม่มีใครขังข้าไว้ทั้งนั้นแหละ สองสามวันที่ผ่านมา ข้ามีเรื่องนิดหน่อย ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูที่นิ้วของข้าดูดีๆสิ” โอวหยางซิงเหวินตอบ
”ทำไม?มีอะไรเกิดขึ้นกับนิ้วของเจ้ารึไง? …เอ๊ะ แหวนมิติของเจ้าหายไปไหนแล้วล่ะ?” อันจื่อชิงถาม ครั้งสุดท้ายหลังจากที่โอวหยางซิงเหวินได้รับแหวนมิติ เขาก็อวดมันต่อหน้าทุกคนและแน่นอนว่าอันจื่อชิงก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้เห็นมันเช่นกัน
”ก็เพราะแหวนมิติของข้าถูกคนรับใช้สารเลวที่ใกล้ชิดกับข้ามากที่สุดขโมยไปยังไงล่ะ!”โอวหยางซิงเหวินตอบขณะดื่มไวน์ ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“หืมนี่เจ้าหมายถึงหวังเอ้อ?” อันจื่อชิงถามกลับ
หวังเอ้อเป็นคนที่อยู่เคียงข้างโอวหยางซิงเหวินมาโดยตลอดแต่วันนี้ โอวหยางซิงเหวินได้พาคนรับใช้คนอื่นมา เป็นไปได้ว่าคนที่โอวหยางซิงเหวินพูดถึงก่อนหน้านี้คือ หวังเอ้อ
”ก็ใช่น่ะสิมันเป็นหนอนบ่อนไส้ ทั้งๆที่ข้าอุส่าปฏิบัติกับมันอย่างดี แต่มันกลับมาขโมยของของข้าไป ถ้าข้าไม่ต้องบีบบังคับให้มันสารภาพว่าเก็บแหวนมิติไว้ที่ไหน ข้าคงฆ่ามันไปนานแล้ว!” โอวหยางซิงเหวินตอบ
แม้ว่าที่ผ่านมาหวังเอ้อจะตั้งใจทำให้เขาพอใจโดยคิดหาวิธีและพยายามทำมันให้สำเร็จอยู่เสมอ หากแต่ตอนนี้มันกลับทำเรื่องที่ไม่สมควร และโอหยางซิงเหวินจะไม่ลังเลที่จะตัดหางคนอย่างมันเด็ดขาด
”เจ้าเข้าใจผิดรึเปล่า?หมอนั่นจะกล้าทำอย่างนั้นเหรอ?” อันจื่อชิงกลอกตาแล้วถามกลับ
“คนอย่างข้าไม่เคยคิดผิด”โอวหยางซิงเหวินโบกมือแล้วพูดต่อ “มันเป็นคนเดียวที่สามารถทำอย่างนั้นได้”
“โอ้ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็ คนรับใช้ชั่วๆอย่างมันก็สมควรตายแล้วจริงๆ!” อันจื่อชิงกล่าวด้วยความหนักแน่น
จากนั้นอันจื่อชิงก็ชนแก้วกับโอวหยางซิงเหวิน ขณะที่สมองของเขากลับคิดแต่เรื่องของหวังเอ้อ
ตามที่โอวหยางซิงเหวินบอกแหวนมิติน่าจะถูกหวังเอ้อขโมยไป เนื่องจากแหวนมิติเป็นของดี ถ้ามันยังเป็นของโอวหยางซิงเหวินเหมือนก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เป็นไร
แต่ตอนนี้มันดันอยู่ที่คนรับใช้สารเลวช่างเสียของเสียจริง หรือเขาควรหาวิธีไปขโมยแหวนมิติจากมันมาดี?
สภาพของหวังเอ้อในตอนนี้ช่างน่าเวทนาถ้าหากเขาช่วยชีวิตมันแล้วถามเรื่องที่ซ่อนของแหวนมิติ มันอาจจะยอมบอกเขาก็เป็นได้ หรือถ้ามันไม่บอก เขาก็จะทำให้มันสารภาพออกมาเอง เพื่อของดีๆอย่างแหวนมิติแล้ว ให้ตายยังไงเขาก็จะหาวิธีช่วงชิงมันมาเป็นของตนให้ได้!
ทั้งสองพูดคุยกันพร้อมกับดื่มไวน์อันจื่อชิงตั้งใจฟังเรื่องที่โอวหยางซิงเหวินเล่า เพราะเขาต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหวังเอ้อ
ขณะที่ทั้งสองกำลังเพลินเพลินอยู่นั้นทันใดนั้นประตูโรงเตี๊ยมก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ตามมาด้วยคนจำนวนมากมายที่เดินเข้ามา
“กัปตันวันนี้พวกเราต้องดื่มให้เต็มที่เลย”
”ถูกต้องข้าอยู่ในรังนกนั่นมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ขนาดตอนนี้ยังเหมือนมีนกบินอยู่ในปากของข้าเลย”
“ในเมื่อพวกเราทำภารกิจสำเร็จแล้วพวกเราต้องฉลองกันให้เต็มที่!”
ทุกคนที่เข้ามาเดินพูดคุยกันตลอดทางเสียงที่ไม่แผ่วเบาได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ในโรงเตี๊ยมได้ทันที แต่ถึงอย่างนั้น คนพวกนี้ก็ดูจะว่าจะไม่สนใจเลยสักนิด
“ลูกพี่ขอไวน์ที่ดีที่สุด!” พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็นสามคนแล้วนั่งคนละโต๊ะ
”คนพวกนั้นมาจากกรมทหารโลหิตสีชาดนี่!”อันจื่อชิงหันไปพูดกับโอวหยางซิงเหวิน
โอวหยางซิงเหวินจึงหันมองไปทางคนพวกนั้นทันทีไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะไม่รู้จักคนพวกนั้น เนื่องจากว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอคนจากกองทหารโลหิตสีชาด
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าคราวนี้ คนพวกนั้นได้สมบัติอะไรกลับมา ดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาดูมีความสุขมากผิดปกติ ข้าว่าพวกเขาน่าจะได้สมบัติล้ำค่าติดมือกลับมาด้วย” โอวหยางซิงเหวินกล่าว
”ไม่รู้สิแต่มีคนบอกว่าครั้งนี้พวกเขารับภารกิจระดับ [A] มา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำมันสำเร็จ” อันจื่อชิงกล่าว
บทที่ 246 นำมันออกมา
“หา?ภารกิจระดับ [A] ?” โอวหยางซิงเหวินร้องออกมาด้วยความตกใจ แม้แต่หนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขายังรู้เลยว่าภารกิจระดับ [A] นั้นยากขนาดไหน
เช่นเดียวกับการจัดระดับของทหารรับจ้างภารกิจที่ออกโดยสหภาพทหารรับจ้างแบ่งออกเป็นเก้าระดับโดยแบ่งตามระดับความยากง่ายในแต่ละระดับ
การจัดระดับของทหารรับจ้างนั้นคล้ายคลึงกับการจัดระดับของภารกิจและภารกิจระดับสูงบางภารกิจจำเป็นต้องมีทหารรับจ้างหรือกลุ่มทหารรับจ้างที่มีระดับถึงที่กำหนดไว้ ถึงจะสามารถรับภารกิจได้ แน่นอนว่ายังมีภารกิจบางภารกิจที่ไม่กำหนดระดับของทหารรับจ้าง
ภารกิจที่มีระดับความยากมากๆทหารรับจ้างคนเดียวนั้นไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จ แม้แต่กับกลุ่มทหารรับจ้าง หากมีความแข็งแกร่งไม่มากพอ การรับภารกิจระดับสูงก็ไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย สำหรับภารกิจในระดับนี้ โดยปกติจะมีเพียงกลุ่มทหารรับจ้างชั้นยอดเท่านั้นที่กล้ารับภารกิจ
โอวหยางซิงเหวินไม่เคยคิดเลยว่ากองทหารโลหิตสีจากจะทำภารกิจระดับ[A] สำเร็จ หากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปมันจะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงให้กับกลุ่มทหารรับจ้างของเขาอย่างมาก
ทันใดนั้นดวงตาของโอวหยางซิงเหวินก็สว่างขึ้นทันทีเป็นที่รู้กันว่าภารกิจระดับ [A] นั้นยากมาก และยิ่งภารกิจมีระดับยากมากเท่าไหร่ ของรางวัลก็จะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นตามไปด้วย หากพูดถึงสมบัติที่พวกเขาได้รับระหว่างการทำภาพกิจให้สำเร็จ ของพวกนั้นก็เป็นของที่มีมูลค่าเช่นกัน
โอวหยางซิงเหวินคิดมาตลอดว่าเขาควรจะทำยังไงให้พ่อหายโกรธและในตอนนี้เขาก็ได้พบกับทางออกแล้ว พลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
โอวหยางซิงเหวินเดินตรงไปหาพวกกองทหารโลหิตสีชาดโดยไม่สนอันจื่อชิงที่นั่งอยู่ข้างกายเลยแม้แต่น้อย
“พวกท่านทุกคนมาจากกองทหารโลหิตสีชาดเหรอ?”โอวหยางซิงเหวินเดินเข้าไปถามอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
”ท่านคือใคร?”ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราคนหนึ่งหันไปถามโอวหยางซิงเหวินด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร
”ข้าชื่อโอวหยางซิงเหวินแห่งตระกูลโอหยางหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองฮ่าวเทียน” โอวหยางซิงเหวินแนะนำตัวด้วยความภาคภูมิใจ
“ตระกูลโอหยาง?”พวกเขาไปที่ป่าแห่งหมอกอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่ไปต้องผ่านเมืองเฮ่าเทียน พวกเขาจึงรู้เรื่องสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเฮ่าเทียน
แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินชื่อของโอวหยางซิงเหวินคนนี้มาก่อนแต่แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินมานั้นส่วนใหญ่เป็นเรืองที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
”แล้วท่านมาหาพวกเราแบบนี้ไม่ทราบว่าต้องการอะไร?” ชายวัยกลางคนถาม ดูจากท่าทางแล้วอีกฝ่าย คนๆนี้น่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม
”พวกท่านเพิ่งออกมาจากป่าแห่งหมอกและสามารถทำภารกิจระดับ [A] สำเร็จ ข้าเชื่อว่าพวกท่านต้องได้รับสมบัติดีๆระหว่างที่ทำภารกิจมาไม่น้อย ข้าขอดูมันหน่อยได้ไหม?” โอวหยางซิงเหวินกล่าวด้วยท่าทางอ่อนน้อม เกรงว่าหากพวกทหารโลหิตสีชาดไม่พอใจขึ้นมา พวกเขาคงเจรจากันไม่รู้เรื่อง
”แล้วทำไมข้าต้องเอามันออกมาให้เจ้าดูด้วยเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าเป็นคนของตระกูลโอวหยางแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?” ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะตอบอะไรกลับไป จู่ๆชายที่ไว้หนวดเคราก็ชิงปฏิเสธโอวหยางซิงเหวินอย่างไร้เยื่อไย
จู่ๆก็มีใครไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นแล้วมาสั่งให้เขาเอาสมบัติออกมาให้ดูหน่อยไม่ทราบว่าคนๆนี้มีสิทธิ์อะไรอย่างนั้นหรือ? หากลองคิดกลับกัน ถ้าคนที่หามาได้เป็นเขาบ้าง เขาจะให้คนอื่นเห็นสมบัติของตนได้ง่ายๆจริงหรือ?
ท้ายที่สุดแล้วการกระทำของโอวหยางซิงเหวินนั้นไม่สมกับที่มีชื่อแซ่โอวหยางเลยแม้แต่น้อย
แล้วถ้าพวกเขาเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับ[B] ล่ะ? จริงอยู่ที่มีกลุ่มทหารรับจ้างมากมายที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาอยู่ทั่วราชอาณาจักร แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือเมืองเฮ่าเทียน ตระกูลของเขาเป็นถึงหนึ่งในตระกูลใหญ่ของที่นี่ กองทหารโลหิตสีชาดของพวกเขาส่วนใหญ่จึงถูกมองว่าเป็นต่างถิ่นเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนี้ ถูกปฏิเสธโดยอย่างไร้เยื่อไยแบบนี้ เขาจะโกรธอีกฝ่ายก็ไม่แปลก
โอวหยางซิงเหวินมีน้ำโหขึ้นมาเพราะในเมืองเฮ่าเทียนในอดีตตกาลมีน้อยคนนักที่ไม่ให้เกียรติเขา แม้แต่สมาชิกในตระกูลอีกสามคนก็ไม่มีวันทำแบบนั้นกับเขา
”ไม่ใช่ว่าสหายท่านนี้อาจด่วนสรุปเกินไปเหรอ?ข้าแค่ต้องการเห็นมันเท่านั้น แค่ดูแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ?” โอวหยางซิงเหวินเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ถ้างั้นข้าขอเห็นหน้าผู้หญิงของเจ้าหน่อยสิเรียกผู้หญิงของเจ้ามาให้ข้าเจอหน้าหน่อยสิ ตกลงไหม?”
ทหารรับจ้างคนหนึ่งถามกลับหลังจากที่เขาพูดจบ ทหารรับจ้างคนที่เหลือก็ต่างพากันหัวเราะและเยาะชายหนุ่มทันที
นอกจากนี้พวกเขายังเป็นหนึ่งในกลุ่มทหารรับจ้างอันดับต้น ๆ ของประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจในตัวเองสูง และตอนนี้พวกเขาเพิ่งทำภารกิจระดับ [A] สำเร็จ พวกเขาถึงได้กล้าทำตัวหยิ่งผยอง และไม่เกรงกลัวโอวหยางซิงเหวินที่เป็นรุ่นที่สองเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริงตระกูลโอหยางมีความแข็งแกร่งในเมืองฮ่าวเทียน แต่ในประเทศนี้ กลุ่มของพวกเขาอาจแข็งแกร่งน้อยกว่าพวกพ้องทหารโลหิตสีชาดกลุ่มอื่นด้วยซ้ำ
สำหรับทหารรับจ้างที่ไร้มิตรสหายโดยเฉพาะในกลุ่มทหารรับจ้างระดับสูงอย่างพวกเขา มีทหารรับจ้างที่โดดเดี่ยวอยู่ไม่น้อยต้องการเข้าร่วมหรือสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น
โอวหยางซิงเหวินโกรธจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงคนรอบตัวที่เห็นท่าทางของเขาต่างชี้นิ้วมาที่เขาและหัวเราะเสียงดัง
โอวหยางซิงเหวินเบนสายตาไปมองชายวัยกลางคนคนนั้นเขาสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นกำลังนั่งดื่มอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ดีดีจริงๆ พวกท่านกล้าหัวเราะข้าแบบนี้ ฝากไว้ก่อนเถอะ!” โอวหยางซิงเหวินรู้สึกเสียหน้าจึงชี้นิ้วไปที่กลุ่มคน กล่าวเตือนพวกเขาสองครั้ง จากนั้นก็สบัดมือแล้วรีบเดินออกจากโรงเตี๊ยมทันที
คิดว่าคนอย่างโอวหยางซิงเหวินจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆหรือ?เห็นๆอยู่ว่าไม่มีทาง!
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า ฝ่ายเขายังอ่อนเกินไป ถึงจะมีอันจื่อชิงเป็นพวกเดียวกัน แต่ถ้ามีเรื่องขึ้นมาจริงๆ หมอนั่นก็คงไม่มาช่วยเขาแน่นอน
ดังนั้นเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เจ็บตัวและขายขี้หน้าอีก โอวหยางซิงเหวินจึงตัดสินใจแป็นฝ่ายยอมเดินออกไปจากตรงนี้ก่อน
”เจ้ารออยู่ข้างนอกแล้วคอยจับตาดูพวกนั้นไว้คอยดูว่าคืนนี้พวกเขาไปพักที่ไหน” หลังจากเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม โอวหยางซิงเหวินก็พูดกับซุนจื่อ
”ได้เลยนายน้อย!” ซุนจื่อรับคำในทันที
“ไอ้เด็กบ้าพูดได้ไม่กี่ประโยคก็วิ่งหนีหางจุกตูดแล้ว น่าเบื่อจริงๆ!” ทันทีที่เห็นโอวหยางซิงเหวินรีบเดินออกไป ชายผู้มีหนวดเคราจึงรู้สึกว่าตนยังพูดไม่จบไอ้เด็กนี่ก็วิ่งหนีไปแล้ว
”พูดอีกก็ถูกอีกไอ้หมอนี่มันไม่ขี้ขลาดเกินไปหน่อยเหรอ? เป็นถึงลูกหลานของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ น่าละอายใจจริงๆ!”
”ข้าล่ะอยากเห็นหน้าผู้หญิงของไอ้เด็กขี้ขลาดคนนี้จริงๆฮ่า ๆ ”
ทุกคนยังคงพูดล้อเลียนโอวหยางซิงเหวินโดยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ พวกเขาเคยพบเจอกับเรื่องแบบนี้มานัดต่อนัดแล้ว เลยไม่ได้ใส่ใจประโยคสุดท้ายของโอวหยางซิงเหวินเท่าไหร่นัก
“เอาล่ะไม่ต้องพูดมาก หลังจากนี้ไปจะเป็นเขตแดนของพวกมันแล้ว จำไว้ว่า อย่าสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น” ชายวัยกลางคนค่อยๆพูดออกมา
“เข้าใจแล้วกัปตัน!” ในขณะที่ชายวัยกลางคนพูด ทุกคนที่เหลือก็ตอบรับด้วยความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก