กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 249-250
บทที่ 249 หนีรอดไปได้
ทันใดนั้นโอวหยางซิงเหวินที่อยู่ด้านนอกประตูเห็นร่างหนึ่งกระโดดลงมาด้านล่าง ร่างนั้นกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้งแล้วลุกขึ้นยืนราวกับว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
”ชายที่มีเคราคนนั้น!”โอวหยางซิงเหวินมีความประทับใจอย่างมากกับชายมีเคราคนนี้ เขาเลยจำอีกฝ่ายได้ทันทีที่เห็น
ฝ่ายชายมีเคราก็มองเห็นโอหยางซิงเหวินที่อยู่ไม่ไกลเช่นกันทันใดนั้นความโกรธก็ได้สะท้อนออกมาผ่านดวงตาของเขา เขาแกว่งดาบแล้วเตรียมพุ่งเข้าหาโอหยางซิงเหวินทันที
โอหยางซิงเหวินตกใจมากเขารู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายมีเครา แม้ว่าชายมีเคราจะได้รับบาดเจ็บแล้วก็ตาม
แต่โชคดีที่ในเวลานี้องครักษ์สองสามคนรีบวิ่งออกมาจากทางเดินทันทีที่ชายมีเคราเห็นคนพวกนั้น เขาก็หันไปมองโอหยางซิงเหวินแล้วหันกลับมามององครักษ์ แล้วก็วิ่งหนีไปอย่างไม่เต็มใจ
แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าโอหยางซิงเหวินขนาดไหนแต่ตอนนี้ เขายังมีภารกิจที่สำคัญกว่า เขาได้รับภารกิจที่ต้องเสี่ยงชีวิต หากเขาไม่สามารถหลบหนีได้ การเสียสละของพวกพ้องก็จะสูญเปล่าน่ะสิ!
ไม่ว่าอย่างไรตระกูลโอหยางก็อยู่ที่นี่ ในอนาคต เขายังพอมีโอกาสที่จะกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง
”จะยืนเฉยอยู่ตรงนั้นทำไมเล่า?!”รีบตามมันไปสิ! “โอหยางซิงเหวินกล่าวกับทหารที่อยู่ข้างๆเขา
ในตอนนี้ทหารล้อมรอบโอหยางซิงเหวินกลัวว่าจะมีคนกระโดดลงมาจากบันไดอีก
โอหยางซิงเหวินก็นึกขึ้นได้และรีบพูดว่า”รออยู่ตรงนี้สองคน ส่วนที่เหลือไปไล่ตามพวกมันให้หมด!”
เหล่าองครักษ์รับคำสั่งและการต่อสู้ที่ชั้นบนกำลังจะสิ้นสุดลง แม้ว่าทหารโลหิตสีชาดจะแข็งแกร่งจนถึงจุดที่คาดไม่ถึงก็ตาม
แต่เนื่องจากจำนวนคนที่ด้อยกว่าพวกเขายังคงถูกสังหารโดยองครักษ์ตระกูลโอวหยางซึ่งพวกเขาไม่เต็มใจที่จะทำ แต่เนื่องจากได้รับคำสั่งจากโอหยางซิงเหวิน แล้วพวกเขาก็ได้แต่ทำตามเท่านั้น
”สวะ!ไอพวกสวะ! คนเยอะแยะที่ไปสู้กับพวกมันมีแค่ไม่กี่คน แต่ยังฆ่าพวกมันได้นิดเดียว แถมยังปล่อยให้พวกมันหนีไปได้อีก! ไอพวกสวะ!”
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงโอหยางซิงเหวินก็เข้าไปในโรงเตี๊ยม แล้วตำหนิทุกคนในขณะที่มองดูความยุ่งเหยิงบนพื้น
ตอนนั้นเองคนที่ไล่ตามชายมีเคราก็กลับมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถจับชายมีเคราได้ แล้วปล่อยให้มันหนีไป
เรื่องนี้ทำให้โอหยางซิงเหวินโกรธมากเขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง มันจะทำให้ตระกูลของเขาเดือดร้อน
แม้โอหยางซิงเหวินจะคิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีใครต้องการให้มันเกิดขึ้นอยู่ดี
มันเป็นความผิดของเขาที่ตอนนั้นเขาโกรธมากเกินไปและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในครู่หนึ่งแต่ก็ไม่เป็นไรตราบใดที่เขาฆ่าคนเหล่านี้ทั้งหมด
ข่าวจะไม่รั่วไหลถ้าเขาจับคนที่หนีไปกลับมาได้ เห็นได้ชัดว่า คราวนี้เขาไม่สามารถปกปิดข่าวนี้ได้อีกต่อไป
ที่สำคัญที่สุดคือทหารส่วนใหญ่ในกองทหารโลหิตสีชาดไม่ได้อยู่ที่นี่ถ้าคนที่หลบหนีไปรายงานเรื่องนี้กับกลุ่มทหารรับจ้างที่เหลือจะต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าพวกมันจะทำอะไรแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอกคนเดียวในช่วงเวลาหนึ่งแน่นอน
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วไม่มีประเด็นที่จะโกรธอีกต่อไป หลังจากที่โอหยางซิงเหวินสาปแช่งได้สักพัก เขาก็เริ่มค้นหาสมบัติที่ทหารโลหิตสีชาดหามาได้
”ค้นหาให้ทั่วระมัดระวังห้ามทำให้สมบัติเกิดความเสียหายเป็นอันขาด! ค้นหาให้ทั่วทุกซอกทุกมุม!” โอวหยางซิงเหวินออกคำสั่ง เหตุที่เขาทำแบบนี้ในตอนนี้เป็นเพราะเขาถูกฉีกหน้าต่อหน้าสาธารณชนในตอนกลางวัน
แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการที่จะฉกสมบัติทหารโลหิตสีชาดจากป่าแห่งหมอกให้พ่อของเขาและรักษาตำแหน่งของเขาในฐานะผู้สืบทอดสำหรับตำแหน่งนี้ไม่ว่าเขาจะฆ่าผู้บริสุทธิ์กี่คนเขาก็ไม่สน
”ขอรับท่าน!”ทุกคนตอบกลับ
”นายน้อยพบกล่องแล้วขอรับ” หลังจากนั้นไม่นานองครักษ์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าโอหยางซิงเหวินพร้อมสิ่งที่ดูคล้ายกับหีบสมบัติ
โอวหยางซิงเหวินหยิบมันมาแล้วหมายจะเปิดมันแต่เขากลับเปิดไม่ออก ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจในทันทีว่านี่ไม่ใช่กล่องธรรมดา มันเป็นกล่องที่นักเล่นแร่แปรธาตุทำขึ้นมา
ดังนั้นหากเขาต้องการเปิดกล่องนี้เขาต้องใช้กุญแจพิเศษเพื่อไขมัน แน่นอนว่าไม่สามารถทำลายมันจากภายนอก เพราะกล่องนี้แข็งแรงมาก ถ้าใช้แรงของคนปกติไม่สามารถทำได้ เขาเลยเปิดมันไม่ได้
โอหยางซิงเหวินบอกให้องครักษ์ลองเปิดดูแต่กลับไม่มีใครสามารถเปิดมันได้ แต่ถึงอย่างนั้น โอหยางซิงเหวินก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร
ยิ่งกล่องนั้นดีเท่าไหร่ของที่อยู่ข้างในก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้นและข้างในก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นสมบัติที่ได้รับจากทหารรับจ้างโลหิตสีชาด
หลังจากนั้นพวกเขาก็ค้นหาต่ออยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่พบอะไรอีก พบแค่เพียงเหรียญ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ โอวหยางซิงเหวินต้องการอย่างแน่นอน
”มาเถอะกลับกันได้แล้ว” โอหยางซิงเหวินโบกมือ
ทุกคนออกจากโรงเตี๊ยมตามมาในตอนนี้โรงเตี๊ยมก็ว่างเปล่าและคนอื่นๆ ก็หนีไปไกลแล้ว ถ้าชายมีเคราจากก่อนหน้านี้ไม่หนีไปไหน
โอหยางซิงเหวินคงสามารถปิดผนึกข่าวได้อย่างดี
แน่นอนว่าโอหยางซิงเหวินไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกอันจื่อชิงถูกจับตามองอยู่ถึงชายมีเคราจะหลบหนีไม่สำเร็จ โอหยางซิงเหวินก็จะไม่สามารถปิดข่าวนี้ได้
อารมณ์ของโอหยางซิงเหวินไม่ค่อยดีนักแม้ว่าเขาจะได้สิ่งของจากอีกฝ่ายมา แต่เขาก็ไม่รู้รายละเอียดและเขากังวลเกี่ยวกับการโต้ตอบของอีกฝ่าย นอกจากนั้นทหารของเขาสามคนก็เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกกว่าสิบคน
แต่อย่างไรก็ตามทันทีที่เขากลับมาถึงบ้านก็มีบางสิ่งบางอย่างที่วุ่นวายกว่ากำลังรอเขาอยู่
”นายน้อยแย่แล้ว หวังเอ้อหนีไปแล้วขอรับ!” ไม่นานหลังจากที่โอหยางซิงเหวินเข้ามาหลังจากที่เขาให้องครักษ์แยกย้ายไปก่อน คนรับใช้ก็เข้ามารายงาน
“หา!เกิดอะไรขึ้น? มันได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เร๊อะ! แล้วทำไมมันถึงหนีไปได้เล่า!” โอวหยางซิงเหวินคว้าคอเสื้อของชายคนนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
การที่คนรับใช้จะหายไปคนนึงนั้นจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เพราะหวังเอ้อเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแหวนมิติและยาเสริมความหลักแหลมถูกเก็บไว้ที่ไหน ถ้ามันหนีไปแล้วเขาจะไปหาของทั้งสองอย่างนี้ได้จากที่ไหนเล่า?
“นายน้อยขอรับมีคนช่วยมันไว้ มันไม่ได้หนีไปเองขอรับ” คนรับใช้รีบอธิบาย
”พาข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”โอหยางซิงเหวินกล่าว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่ๆหวังเอ้อถูกคุมขัง ไม่มีใครอยู่ที่นั่น แต่มีศพสองศพกองอยู่ที่พื้น
ศพทั้งสองนี้เป็นคนที่เขาได้มอบหมายสั่งให้สอบปากคำหวังเอ้อก่อนหน้านี้
บทที่ 250 มีคนช่วยหวังเอ้อ
ปัง!
เมื่อเห็นสิ่งนี้โอหยางซิงเหวินก็ทุบกำแพงอย่างรุนแรงและตะโกนอย่างโกรธสุดๆ ว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? อ้ากก!” นี่มันบ้านของเขา แต่กลับถูกใครบางคนบุกรุกแล้วลอบฆ่าพวกพ้องสองคน แต่กลับช่วยชีวิตคนรับใช้ ว่าแต่ พวกมันไม่ได้สังเกตเลยรึไง! โอ๊ย! นี่พวกมันเป็นตอไม้โง่ๆงั้นเร๊อะ?
บรรดาผู้ที่รายงานและผู้ที่มาเก็บศพของบ่าวทั้งสองทันทีเพราะไม่กล้ายืนอยู่เฉยๆ
”สวะไอ้สวะ เป็นสวะไปหมดแล้วทุกคน!” โอหยางซิงเหวินโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาสาปแช่งอย่างต่อเนื่อง
”นายน้อยวันนี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกองครักษ์ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ทำให้เราเปิดโอกาสให้พวกมันบุกเข้ามา ไม่อย่างนั้น พวกมันคงเข้าไปช่วยหวังเอ้อไม่ได้ง่ายๆหรอกขอรับ”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องการเตรียมการของโอหยางซิงเหวินในคืนนี้ดังนั้นเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นองครักษ์เหล่านั้นไม่สามารถมาที่นี่ได้ทันเวลา องครักษ์พวกนั้นจะต้องโดนลงโทษ!
“เพี๊ยะ!”
เขาไม่รู้ว่าทำไมโอหยางซิงเหวินจะตีเขาแต่เขาบอกความจริงทุกอย่างไปหมดแล้ว ถ้าทหารพวกนั้นพูดถึงเรื่องนี้ จากนั้นสหายนั่นก็อาจจะเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ โอกาสช่วยเขาได้น้อยกว่า
“นี่แกกล้ากล่าวหานายน้อยอย่างข้างั้นเหรอ!”โอหยางซิงเหวินกล่าวขณะที่จ้องมองอีกฝ่าย
”ไม่..ไม่ใช่ขอรับข้าไม่ได้กล่าวหานายน้อยขอรับ! ข้ากำลังบอกว่าเป็นเพราะองครักษ์พวกนั้น ข้าคิดว่าน่าจะเป็นใครสักคนใน…!” คนรับใช้คนนั้นรีบอธิบายทันที
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบใบหน้าของเขาก็ถูกตบอีกฉาด ใบหน้าทั้งสองข้างบวมฉึ่ง
”ออกไปออกไปให้พ้น!” โอหยางซิงเหวินคำราม
ทันใดนั้นคนรับใช้ก็รีบตะเกียกตะกายวิ่งออกไปจากห้องเขายังคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเขาพูดถึงองครักษ์แล้วเจ้าน้อยถึงได้โกรธขึ้นมาได้เล่า?
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่กล้าถาม นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วเกรงว่าจะถูกตบอีกรอบแทน
“ใครกัน?ใครกันที่ช่วยเจ้าทาสสุนัขตัวนั้น” โอวหยางซิงเหวินคิดในใจ
หวังเอ้อถูกขายให้อยู่ที่จวนของพวกเขาตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้ยินว่ามันจะมีญาติหรือพี่น้อง ทำไมจู่ๆถึงได้มีคนมาช่วยมันได้ล่ะ?
“หรือว่าคนที่มาช่วยมันต้องการขโมยของจากข้า?
มันต้องใช่แน่ๆมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ไม่อย่างนั้นทาสสุนัขตัวนั้นไม่มีทางกล้าขนาดนั้น มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ ข้าละสงสัยจริงๆว่าจนถึงตอนนี้ทำไมมันถึงยังไม่สารภาพออกมาสักที
ทำไมผู้ชายที่กลัวความเจ็บปวดและความตายถึงทนอยู่ได้และไม่ยอมสารภาพความจริง มันต้องรอให้ใครมาช่วยแน่ๆ
”ไอ้คนรับใช้บัดซบไอ้ตะกละ! ไอ้บ้า ไอ้พวกบัดซบ!” โอวหยางซิงเหวินได้คิดอย่างช้าๆในใจของเขา
เขาไม่ได้ทิ้งให้หวังเอ้ออยู่คนเดียวเห็นได้ชัดว่าคู่หูของเขาหรือคนที่สนับสนุนเขาเพื่อช่วยมัน น่าเสียดาย ถ้าพวกมันถูกจับได้แหวนมิติและยาเสริมความหลักแหลมของเขาก็จะถูกส่งคืนเจ้าของที่แท้จริง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาก็ทุบกำแพงอีกครั้งแล้วพูดว่า “สวะ! ไอพวกสวะ!”
”ยืนทำบ้าอะไรอยู่?ไม่เห็นหรอว่ามือของข้าได้รับบาดเจ็บ รีบพันผ้าพันแผลเร็วๆเข้าสิ แกไม่มีตารึไงวะ!” โอวหยางซิงเหวินกล่าวกับซุ่นจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆเขา มือของเขาชกกำแพงไปสองครั้ง ดูเหมือนกระดูกจะแตกเสียแล้ว
“ขอรับ..ขอรับ!นายน้อย!” คืนนี้อารมณ์ของโอวหยางซิงเหวินแย่ยิ่งกว่าเมื่อสองสามวันก่อน
ซุ่นจื่อเป็นกังวลที่จะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆในอนาคตเพราะเขาต้องอยู่เคียงข้างโอหยางซิงเหวิน และเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความปลอดภัยเลยสักนิด
“หรือว่าเราควรหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่ดี?”ซุ่นจื่อคิดขณะที่เขาพันแผลให้โอหยางซิงเหวิน
ในอีกด้านหนึ่งหวังเอ้อที่ได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวโอหยางของเขามองไปที่คนในชุดดำที่กอดเขาและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขเหมือนได้เกิดใหม่
ในที่สุดเขาก็ออกมาจากนรกและแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครช่วยเขาไว้แต่นั่นก็ไม่สำคัญ
ในขณะเดียวกันเขาก็เกลียดโอวหยางซิงเหวินเขาเคยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้โอหยางซิงเหวินพอใจ
แต่โอหยางซิงเหวินก็ไม่สนใจเขาและมองไปที่คนที่ทุบตีเขาถ้าคนๆ นี้ช่วยเขาช้ากว่านี้ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาเขาจะต้องตายในห้องเล็ก ๆ นั้น
”ท่านผู้กล้าขอขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้” หวังเอ้อกล่าวด้วยความขอบคุณ
อย่างไรก็ตามชายในชุดดำไม่สนใจเขาและวิ่งต่อไปหวังเอ้อไม่สนใจ อีกฝ่ายได้ช่วยชีวิตเขาและยิ่งไปกว่านั้นคนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถก็มักจะทำตัวเย็นชา ใช่ไหมล่ะ? ถือเป็นเรื่องปกติ
หลังจากนั้นไม่ถึงยี่สิบนาทีหวังเอ้อก็รู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ถูกพาตัวไปที่ลานบ้าน
เขารู้ว่าเขามาถึงจุดหมายปลายทางแล้วแต่จริงๆ แล้วระยะทางระหว่างจวนอันและบ้านโอวหยาง นั้นไม่ได้ไกลกันมากและด้วยความเร็วของเซียนผู้นี้ จึงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการไปถึงที่นั่น
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสลัดคนที่ตามเขาและป้องกันไม่ให้พวกเขาตามมาได้เขาจึงอ้อมไปดังนั้นหวังเอ้อจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในจวนอัน
“นายน้อยอันทำไมถึงเป็นท่านได้ละขอรับ?” เมื่อมองไปที่ร่างสีดำที่ยืนอยู่ด้านหลังอันจื่อชิง หวังเอ้อซึ่งเป็นคนที่หลักแหลมมาโดยตลอด เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น?
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ทำแบบนั้นเพื่อช่วยชีวิตเขาคืออันจื้อชิง ‘เพื่อนที่ดี’ ของโอวหยางซิงเหวิน
”หวังเอ้อไม่ได้เจอกันซะนาน ทำไมเจ้าถึงได้มีจุดจบแบบนั้นได้ล่ะ?”
ในอดีตอันจื้อชิงออกไปเที่ยวเล่นกับโอหยางซิงเหวินด้วยกันแต่โอหยางซิงเหวินมักจะพาหวังเอ้อไปด้วยเสมอดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดคุยกับหวังเอ้อมากนัก แต่อันจื่อชิงและหวังเอ้อก็รู้จักกัน
“ทั้งหมดเป็นเพราะโอหยางซิงเหวินขอรับ”หวังเอ้อกล่าวขณะที่เขากัดฟัน หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่อันจื่อชิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและกล่าวว่า “ขอบคุณนายน้อยที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ขอรับ”
”เจ้าจะขอบคุณข้าทำไม?เราต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากัน พอได้เห็นสภาพของเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกเห็นใจเจ้ามาก” อันจื้อชิง ยิ้มและพูดว่า “เจ้าควรพักผ่อนที่นี่ก่อน ถ้าต้องการอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้!”
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ารอยยิ้มของอันจื้อชิงนั้นดูแปลกไปเล็กน้อยแต่หวังเอ้อที่เพิ่งรอดจากนรกกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เขาตื่นเต้นมากจนแทบจะคุกเข่าลงต่อหน้าอันจื้อชิงแล้วพูดว่า “ขอบคุณนายน้อยอันจริงๆขอรับ!”
“อืมข้านี่เป็นคนดีจริงๆ ฮ่าๆ !” อันจื้อชิงพูดซ้ำกับตัวเองแล้วหัวเราะ จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป
หวังเอ้อมองไปที่ด้านหลังของอันจื้อชิงด้วยความสงสัยสัญชาตญาณของเขาบอกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปจากเดิม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไร
ในตอนนี้เขารู้สึกความขอบคุณอันจื้อชิงจากใจ