กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 255 -256
บทที่ 255 สัญญา
”สบายใจได้สัญญากับผมว่าคุณจะเก็บสิ่งที่คุณเห็นในวันนี้เป็นความลับเพื่อผม!” ฮวงเฟิงกล่าว
“เจ้านี่มันจะลึกลับอะไรขนาดนี้” ชิวหนิงซวงสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
”ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นไปก่อนหรอกสัญญากับผมก่อน” ฮวงเฟิงกล่าว
”ตกลงฉันสัญญา” ชิวหนิงซวงกล่าว
”สาบาน!”ฮวงเฟิงยังคงกังวลเล็กน้อย หากว่าเขาไม่จำเป็นต้องกำจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะไม่นำสิ่งนั้นออกมาต่อหน้าชิวหนิงซวงเด็ดขาด จริง ๆ สิ่งนี้หากเป็นไปได้ก็ไม่เคยเปิดเผยเสียด้วยซ้ำ
“ฉันสาบานว่าจะไม่บอกใครโอเค?” ชิวหนิงซวงกล่าวอย่างรวดเร็ว
”พอแล้ว!”ฮวงเฟิงพยักหน้าแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจชิวหนิงซวงแต่เขารู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนที่รักษาคำพูด แม้ว่าสิ่งที่เธอหยิบออกมาในครั้งนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้เขาบ้างหากต้องเปิดเผยมันแต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงมากนัก
ทั้งสองคนออกจากไนท์คลับอย่างรวดเร็วระหว่างทางแม้ว่าชิวหนิงซวงจะอยากถามมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรฮวงเฟิงเพิ่ม
”เอาล่ะที่นี่แหละ” ฮวงเฟิงนำชิวหนิงซวงมาถึงที่ ทั้งสองคนเดินไปที่ด้านหลังของไนท์คลับ
”นายต้องการอะไร?”สภาพแวดล้อมที่นี่มืดมิดจนแทบจะไม่มีใครผ่านไปผ่านมา แม้ว่าหากฮวงเฟิงมีเจตนาที่ชั่วร้ายก็คงไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นได้ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าทักษะของฮวงเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่าเธออีกด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ชิวหนิงซวงก็เริ่มระมัดระวังตัวโดยอัตโนมัติ
”แน่นอนว่าพวกเรามาแอบฟังพวกเขา!”ฮวงเฟิงไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของชิวหนิงซวง แต่เขากลับเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องที่ลุงหลี่อยู่
”มานี่ผมจะแบกคุณเอง” ฮวงเฟิงพูดกับชิวหนิงซวงขณะที่เขาสวมถุงมือวิเศษ
”ไปนรกซะโรคจิต!” เดิมทีชิวหนิงซวงรู้สึกกังวลใจอยู่แล้วและเมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงจึงทำให้เธอโกรธทันทีจนเตะเขาออกไป
ฮวงเฟิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกเตะลงกับพื้นทันทีเมื่อเห็นว่าชิวหนิงซวงดูเหมือนมีเจตนาที่จะทำร้ายเขา ฮวงเฟิงจึงถามทันทีว่า: “คุณกำลังทำอะไร คุณกำลังทำอะไรของคุณอยู่?”
”แกมันบ้า!แกพาฉันมาที่นี่เพื่อจะเอาเปรียบฉันล่ะสิ ฉันจะฆ่าแกให้ตายไปเลย!” แม้ว่าฮวงเฟิงจะเคยช่วยชิวหนิงซวงและมีความประทับใจที่ดีต่อเขา แต่เธอก็ไม่สามารถทนฮวงเฟิงที่จะเอาเปรียบเธอได้ในตอนนี้
“ใครอยากเอาเปรียบเธอกันล่ะ” ฮวงเฟิงจับมือของชิวหนิงซวงที่กำลังเงื้อจะตบเขา จากนั้นเขาจึงพูดว่า: “ผมแค่ต้องการพาคุณขึ้นไป”
”พาฉันขึ้นไป?”คำพูดของฮวงเฟิงทำให้ชิวหนิงซวงตลึงงัน เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่กำแพงด้านหลังของไนต์คลับ กำแพงทั้งหมดเรียบมากไม่มีแม้แต่ที่ยึดให้เธอเพิ่งแรงยกตัวขึ้นไป เช่นนั้นแล้วเธอจะขึ้นไปได้อย่างไรกันเล่า?
”หื้มตอนนี้ก็ยังจะพยายามหาข้อแก้ตัวอีก!” ชิวหนิงซวงกล่าวอย่างเย็นชา
ฮวงเฟิงกล่าวว่า”ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมจะขึ้นไปก่อน คุณก็ดูผมจากด้านล่างเอาแล้วกัน”
หลังจากพูดแบบนั้นไปฮวงเฟิงก็ปล่อยมือจากชิวหนิงซวง จากนั้นจึงยกมือขวาขึ้นและเล็งไปที่ขอบหน้าต่างในห้องที่ลุงหลี่ที่อยู่ชั้นสี่
หลังจากนั้นภายใต้การจ้องมองที่ตกใจของชิวหนิงซวง ฮวงเฟิงได้ปีนตรงขึ้นไปยังด้านข้างของหน้าต่างที่อยู่ใกล้ห้องของลุงหลี่ที่ชั้นสี่ หลังจากนั้นมือทั้งสองข้างของฮวงเฟิงก็ติดกับกำแพงแน่น ฮวงเฟิงตอนนี้ราวกับกำลังนอนอยู่นอกหน้าต่างห้องของลุงหลี่
ชิวหนิงซวงมองไปที่ฮวงเฟิงที่นอนราบอยู่บนกำแพงอย่างกับตุ๊กแกที่กำลังอ้าปากหวอเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรบวกกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของเขา เธอไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะทำแบบนี้จริง ๆ
แต่ฮวงเฟิงก็อยู่ข้างบนอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลงมาโดยปราศจากความช่วยเหลือจากคนอื่นชิวหนิงซวงดูเหมือนจะมีภูมิหลังบางอย่างและเธอเองก็เป็นตำรวจด้วยเขายังต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถทำให้เธอขุ่นเคืองได้
”เป็นไง?ตอนนี้คุณเชื่อใจผมแล้วหรือยัง?” ฮวงเฟิงพูดกับชิวหนิงซวงหลังจากที่เขาลงมาพื้นอย่างมั่นคง
ชิวหนิงซวงยังคงมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยสีหน้าที่ตกใจศีรษะของเธอพยักหน้าตอบโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นปฏิกิรยาของเธอต่อมาคือจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย: “นายทำอย่างนั้นได้อย่างไง?”
”ด้วยสิ่งนี้”ฮวงเฟิงยกถุงมือขึ้นพร้อมพูดกับชิวหนิงซวง: “อย่าลืมที่คุณสัญญากับผมก่อนหน้านี้ล่ะ ว่าไม่ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร”
”ถ้าไม่อยากให้พูดฉันก็จะไม่พูด แต่ฉันมีเงื่อนไข” ชิวหนิงซวงกล่าว
“นี่คุณยังมีเงื่อนไงอะไรอีก?” ฮวงเฟิง กล่าวด้วยความไม่พอใจ
”ใช่ถ้านายให้ฉันเล่นถุงมือคู่นี้ของนาย รับรองว่าฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร” ดวงตาของชิวหนิงซวงเป็นกระกายขณะที่เขามองไปที่ถุงมือของฮวงเฟิง
”ไม่มีทาง!”ฮวงเฟิงกล่าวโดยไม่ได้คิด เขาไม่ต้องการให้มีคนรู้เรื่องนี้มากเกินไป
”ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”ชิวหนิงซวงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
”ไม่มีเหตุผลผมแค่ไม่อยากให้คุณยืม ถ้าคุณต้องการจะพูด ผมก็คงทำอะไรไม่ได้” ฮวงเฟิงเชื่อใจชิวหนิงซวงไม่มากนักแต่สำหรับคนอื่นเขากลับปฏิบัติแตกต่างออกไป ถ้ามีคนเห็นแล้วอยากจะเอาไปเป็นของตัวเอง เขาจะทำยังไงล่ะ? ถ้าเขาให้เธอยืมมันก็เท่ากับว่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวไม่ใช่หรือ?
“ถ้าไม่อยากให้ยืม ก็ช่างมันเถอะ! ขี้เหนียว!” ชิวหนิงซวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ดูเหมือนเธอจะเข้าใจความคิดของฮวงเฟิงและเห็นชัดว่าเขาไม่ต้องการให้คนจำนวนมากเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บังคับเขาต่อ
ฮวงเฟิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาอยากให้เธอคุยกันง่ายๆ ในอนาคตหากมีโอกาสอยู่ในสถานที่ที่ปลอดผู้คน เขาคงปล่อยให้เธอได้เล่น
หลังจากนั้นฮวงเฟิงจึงแนะนำว่าตัวเขาเองจะอุ้มชิวหนิงซวงขึ้นไป ครั้งนี้เธอไม่ปฏิเสธและไม่รั้นเอาชนะฮวงเฟิงแล้ว
‘เฟี้ยว’เมื่อสิ้นเสียงพวกเขาทั้งสองก็มาถึงขอบหน้าต่างล่างในห้องของลุงหลี่อีกครั้ง หน้าต่างถูกปิดเนื่องจากไม่ได้ล็อคจากด้านใน ชิวหนิงซวงค่อยๆเปิดช่องหน้าต่างออกด้วยมือของเธอ ทั้งสองเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยจนศีรษะอยู่เหนือขอบหน้าต่าง พวกเขาไม่เพียงแต่ได้ยินเพียงบทสนทนาเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างในได้อีกด้วย
ภายในห้องลุงหลี่กำลังดูเอกสารบางอย่าง ส่วนคนอื่น ๆ นั่งดื่มและเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาด้านข้าง ส่วนคนที่เหลือดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดที่คอยดูแลยืนอยู่ใกล้ประตูทางเข้า
ฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงรอฟังอยู่นอกหน้าต่างฮวงเฟิงนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ใบหน้าของชิวหนิงซวงกลับค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นอย่างช้าๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิวหนิงซวงถูกคนอื่นกอดโดยที่เป็นเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่พ่อของเขายิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก ทั้งคู่จึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน อีกทั้งเวลานี้เป็นช่วงฤดูร้อนพวกเขาจึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่หนามากหนัก โดยเฉพาะฮวงเฟิงที่ท่อนบนใส่เสื้อยืดบางๆ เพียงชั้นเดียว ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่ต้องแนบชิดพิงกัน ชิวหนิงซวงจึงสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน ยิ่งสัมผัสตรงกล้ามท้องของเขาแล้วจึงยิ่งทำให้ชิวหนิงซวงหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีกจนตอนนี้ความคิดเธอปั่นป่วนเล็กน้อย
บทที่ 256 ตื่นเต้น
”คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจของคนที่อยู่ข้างๆว่าหนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ ฮวงเฟิงจึงมองไปที่ชิวหนิงซวงด้วยความสงสัยและกระซิบถามเธอว่า: “หน้าของคุณแดงมาก คุณป่วยหรือเปล่า?”
”ไม่เปล่านะ” ชิวหนิงซวงตกใจกับคำพูดของฮวงเฟิงจึงรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนก เธอดูไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ฮวงเฟิงมองไปที่เธออย่างสงสัยไม่นานเขาก็เข้าใจในทันทีและคิดเรื่องน่าขันอยู่ในใจจากนั้นเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของชิวหนิงซวงและเป่าลมไปที่หูของเธอเบาๆ จนทำให้ตอนนี้ใบหูของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีและยังกระซิบกับเธอว่า: “อย่าบอกนะว่า….เจ้าหน้าที่ชิวของเรากำลังเขิน?”
ในเวลานี้ใบหน้าของชิวหนิงซวงเปลี่ยนเป็นสีแดงหนักขึ้นกว่าเดิมอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวราวกับว่าเลือดกำลังจะไหลออกมา เธอพยายามจ้องฮวงเฟิงกลับเพื่อเป็นการเตือนซึ่งสายตานั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่าหรือทำร้ายใด ๆ แต่กลับเป็นสายตาที่เป็นประกายที่ซ่อนเล้นด้วยความรู้สึกบางอย่างจนราวกับว่าการจ้องนี้ไม่ได้จ้องหมายจะเตือน แต่เป็นการแกล้งฮวงเฟิงกลับต่างหาก
อย่างน้อยฮวงเฟิงก็รู้ว่าเธอกำลังแกล้งเขากลับเดิมทีเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักแต่หลังจากถูกชิวหนิงซวงมองด้วยสายตาแบบนี้เขาก็รู้สึกว่าเขากำลังจะกลายเป็นหนุ่มเลือดร้อนและอีกอย่างเขาเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน
หากจะให้อธิบายในอีกแง่มุมหนึ่งก็คือเขาย่อมมีความคิดและความต้องการเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ความรู้สึกของฮวงเฟิงเริ่มค่อยๆสับสนวุ่นวายและร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆอุณหภูมิบนใบหน้าของชิวหนิงซวงที่สูงขึ้นทำให้เหมือนแผ่ไอความร้อนออกมาและนั้นก็ยิ่งทำใหตัวเธอเองสับสนไม่แพ้ฮวงเฟิง ทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันจนใบหน้าของพวกเขาค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
”จื่อเฉิงมีการติดต่อกับคุณกลับมาบ้างไหม?”
ในขณะทั้งคู่ดูเหมือนจะยังติดอยู่ห้วงอารมณ์ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจนทำให้พวกเขาทั้งสองตื่นจากภวังค์ เจ้าของเสียงที่คุ้นเคยนั้นก็คือ ลุงหลี่
ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองตระหนักได้ว่าปากของพวกเขานั้นมีระยะห่างเพียงไม่ถึงเซนติเมตรหากเสียงของลุงหลี่ดังขึ้นช้าลงอีกนิดปากของพวกเขาคงประกบกันไปแล้ว
ตอนนี้ราวกับว่าพวกเขาทั้งคู่ได้ลืมสถานการณ์เมื่อครู่ไปหมดสิ้นชิวหนิงซวงผลักฮวงเฟิงไปข้างหลังเล็กน้อย เมื่อโดนแรงผลักจากชิวหนิงซวงจึงทำให้พวกเขาทั้งคู่เกือบล้มเนื่องจากถุงมือวิเศษที่เขาสวมไว้อยู่มีแรงดูดที่ค่อนข้างแรงแต่โชคดีที่พวกเขาทั้งคู่แค่เกือบล้มไปเท่านั้น ไม่นานพวกเขาก็กลับมาทรงตัวได้เหมือนเดิม
แม้ว่าฮวงเฟิงจะถูกเธอผลักออกมืออีกข้างของเขาก็ไม่ยอมปล่อยจากเธอไปแต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นแทน “อย่าตื่นเต้น อย่าตื่นเต้น”
ชิวหนิงซวงตอบสนองกลับในทันทีทั้งสองอยู่บนกำแพงสูง หากตกลงพื้นในระยะนี้แม้ว่าจะตกไปแล้วไม่ตาย แต่มันก็เป็นไปได้มากที่เขาจะพิการ ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าขยับมั่วซั่ว อย่างไรก็ตามตอนนี้ฮวงเฟิงกลับจ้องชิวหนิงซวงราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว
เมื่อเห็นว่าชิวหนิงซวงไม่ขยับตัวแล้วฮวงเฟิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพียงแค่เห็นแววตาของเธอมันก็ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย “ขอโทษนะ ตอนนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ ”
”อืมฉันค่อยจัดการเรื่องนี้กับนายทีหลัง!” ชิวหนิงซวงรู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้และที่ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้ผลักฮวงเฟิงออกไปในทันทีเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะยอมใจอ่อนให้ความร่วมมือกับเขาแล้ว
ฮวงเฟิงเองก็ไม่กล้ามองไปที่ชิวหนิงซวงเขาทำได้เพียงหัวเราะเจื่อนๆ พร้อมประเมินเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตัวน้อยคนนี้ว่าเธอน่าดึงดูดสำหรับเขามากเพียงใด
กลับมาที่สถานการณ์ในห้องชิวฮ่าวกำลังถือโทรศัทพ์คุยกับหลินจื้อเฉิง หลี่จื้อเฉิงถามย้ำว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้างและตัวเขาเองก็คิดจะกลับมาเพื่อช่วยลุงหลี่ “ตกลง” ชิวฮ่าวกล่าว
ชิวฮ่าวและหลินจื้อเฉิงทั้งสองเป็นผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ของลุงหลี่อีกทั้งพวกเขาต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ด้วยเหตุนี้แม้ว่าหลินจื้อเฉิงจะไปอยู่ที่เมืองอื่นแต่เขาก็ยังคงติดต่อกับชิวฮ่าวเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนไปนั้นเกิดจากที่หลินเฟิงไปหักขาของชิวฮ่าวและแม้ว่าทั้งคู่จะสู้กับอย่างเท่าเทียม
แต่เนื่องด้วยความแข็งแกร่งและพลังที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้อีกฝ่ายพลาดพลั้งจนได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่ที่ขาของชิวฮ่าวหัก พลังของเขากว่าครึ่งก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันต่อไปได้หรือไม่ในตอนนั้นแม้ว่าชิวฮ่าวจะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแต่เขาก็รับรู้ถึงสถานการณ์นี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเขาก็พอจะรู้ว่าชิวฮ่าวไม่ได้คิดอะไรมากและแม้ว่าลุงหลี่จะปฏิบัติกับเขาเช่นเดิมแต่ตอนนี้เขาได้สูญเสียขาไปแล้ว อีกทั้งยังไม่มีใครพูดว่าเขาไม่เป็นที่น่าเชื่อถือและพึ่งพาไม่ได้เหมือนแต่ก่อน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็มีผู้ติดตามของเขาบางคนดูเหมือนจะหาที่พึ่งใหม่ ซึ่งที่พึ่งพาใหม่ของพวกเขากคือ หลินจื้อเฉิง
แต่ความคิดอีกมุมของชิวฮ่าวบางครั้งก็แอบเห็นใจหลินจื้อเฉิงที่ต้องไปอยู่ไกลแต่ในทางกลับกันเขาเองก็แอบดีใจอยู่ไม่น้อยและยังหวังลึกๆ อีกว่าไม่อยากให้หลินจื้อเฉิงกลับมา เพราะถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะกลายเป็นคนที่ลุงหลี่ไว้ใจและพึ่งพาได้มากที่สุดแทน
”อืมจื้อเฉิงน่ะ แน่ใจหรอว่าเขาอยากจะช่วย” ลุงหลี่กล่าว
”ลุงหลี่สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วพวกตำรวจก็ตัดสินคดีนี้ไปแล้วหรือยังครับ?” ชิวฮ่าวถาม
”ตอนนี้ยังมีปัญหาจัดการเรื่องนี้มันได้ไปง่ายได้ยังไงกัน? เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวกับลูกสาวของผู้กำกับชิวเชียวนะ มันจะไปจัดการได้ง่ายๆ ได้ยังไงกัน?” ลุงหลี่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ในเวลานี้ฮวงเฟิงที่แอบฟังอยู่ข้างนอกดูเหมือนจะคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างเขามองไปที่ชิวหนิงซวงและพูดว่า: “ลูกสาวของผุ้กำกับชิวที่เขาพูดถึง คงไม่ใช่คุณหรอกใช่ไหม?”
ชิวหนิงซวงกลอกตาใส่เขา”อย่าพูด!” เธอหยุดไม่ให้ฮวงเฟิงพูดต่อ จากนั้นเธอจึงค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดปุ่มบันทึกเสียง เมื่อฮวงเฟิงเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยให้เธอวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆหน้าต่างซึ่งคนที่อยู่ด้านในไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ถงเฉียนจุนไม่ได้พูดหรือว่าถึงเขาจะเข้ามาช่วยเรื่องนี้ ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี?” ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ชิวฮ่าวก็ยังคงกังวลเรื่องหลินจื้อเฉิงมากอยู่ดี
“เขาน่ะหรอ?เขาได้วางมือจากเรื่องนี้ไปแล้ว!”ลุงหลี่ตอบ
“เขากลัวจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองเพราะเขาไม่ได้เป็นคนมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ต้องการให้จื้อเฉิงมอบตัว ถ้าเป็นเช่นนั้น ตำรวจก็จะยอมแพ้การสอบสวนคดีนี้”
แววตาของชิวฮ่าวเปื้อนรอยยิ้มหากหลินจื้อเฉิงยอมมอบตัวจริงๆ หากดับชนวนเหตุได้ตั้งแต่ต้น ไฟก็จะไม่ลามไปทั่วจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องพวกนี้ก็จะจบ แต่หลินจื้อเฉิงจะทำเพื่อทุกคนจริงๆ หรือ มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้อีกแล้วหรือ
”นี่มันมากเกินไปแล้วเราฆ่าแค่พี่เปียวเพราะเขาพูดจากลับกลอก แล้วตอนนี้ยังมีเรื่องเพิ่มขึ้นอีก จื้อเฉิงยังจะให้เราแก้ไขปัญหานี้เองอีกหรือ” ชิวฮ่าวพูดด้วยความโกรธ
ลุงหลี่รู้สึกหดหู่ใจมากเช่นกันยิ่งได้ยินสิ่งที่ชิวฮ่าวพูด เขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ไม่เดาเลยว่าเสียงนั้นดังมาจากกำปั้นของลุงหลี่ที่ทุบลงกับโต๊ะด้วยความโกรธ