กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 257-258
บทที่ 257 เสียสละ
“ลุงหลี่ เราควรจัดการอะไรก่อนดี?” ชิวฮ่าวถาม
ลุงหลี่นั่งหลับตาอยู่ตรงทที่เดิมหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช้า: “ฉันคงต้องเสียสละลูกชายของฉัน!”
แม้เสียงพูดจะแผ่วเบาแต่มันกลับทำให้ชิวฮ่าวรู้สึกดีอยู่ในใจไม่น้อยเพราะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเหลือเขาเพียงคนเดียวที่เป็นคนที่ลุงหลี่ไว้ใจทีสุด!
แต่อย่างไรเขาก็ยังคงปั้นหน้าขมวดคิ้วและกล่าวต่อว่า”ผมเกรงว่าจื้อเฉิงจะไม่เห็นด้วย”
ตำแหน่งปัจจุบันของชิวฮ่าวดำรงอยู่นั้นได้รับการสนับสนุนมาจากลุงหลี่และลุงหลี่เป็นเหมือนแรงสนับสนุนใหญ่ของเขาอีกตัวหากลุงหลี่หมดอำนาจลง เขาเองก็จะหมดประโยชน์เช่นกัน ดังนั้นขาจึงคิดว่าการให้หลินจื้อเฉิงเสียสละตนเอง เป็นทั้งผลดีสำหรับลุงหลี่และตัวเขาเองด้วย
“ฉันก็กังวลเรื่องนั้นเหมือนกัน” ลุงหลี่ขมวดคิ้ว: “ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้เรื่องของฉันค่อนข้างดี ฉันกลัวว่าเมื่อเวลามาถึง เขาจะไม่พอใจและเปิดโปงฉันภายหลัง”
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นหรอกครับเพราะจื้อเฉิงภักดีต่อลุงหลี่มาก” ชิวฮ่าวกล่าว ตอนที่เขากล่าวคำเหล่านี้ออกมาเขาเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจนักเช่นกัน หากลุงหลี่ต้องการให้จื้อเฉิงรับผิดและยอมเข้าคุกไป มันก็คงยากที่จะพูดได้ว่าจื้อเฉิงจะไม่มีความรู้สึกคับแค้นใจจนทำอะไรบ้าๆ
“ฉันต้องคอยระวัง” ลุงหลี่ถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ เหตุผลที่ว่าทำเขาถึงยังอยู่อย่างปลอดภัยมาได้หลายปีนั้นก็เพราะเขาเป็นที่มังระมัดระวังตัวและต้องพิจารณาทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนอยู่เสมอ
”เอาแบบนี้ไหมให้ฉันโทรไปหาเขาและเรียกตัวกลับมาก่อน จากนั้น ก็ให้คนของนายมาจับตัวลูกและเมียเขาไป ฉันจำได้ว่าลูกชายของเขาเพิ่งจะเข้าเรียนระดับชั้นประถม แถมหน้าตาน่ารักอีกด้วย ฉันเชื่อว่าถ้าเพื่อลูกชายของเขาเองแล้ว จื้อเฉิงจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ! ” ลุงหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
แม้ว่าลึกๆแล้วเขาจะหวังให้หลินจื้อเฉิงไม่กลับมาเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะเหลือตัวคนเดียว แต่อย่างไรท่าทีของลุงหลี่ที่มีต่อหลินจื้อเฉิงในตอนนี้ก็ยังคงทำให้เขารู้ผิดหวังเล็กน้อย เมื่อลุงหลี่ตัดสินใจยอมแพ้เรื่องนี้แล้ว เขาก็จะทำตามโดยปราศจากความลังเล นอกจากนี้เขาเองก็เป็นคนดูแลควบคุมครอบครัวของจื้อเฉิงโดยตรงอยู่แล้ว
”ครับผมเข้าใจแล้ว.” ชิวฮ่าวตอบทันที
“ฮ่าวเอ้อร์อย่าคิดมากกับเรื่องนี้ไปล่ะ ฉันเองก็ถูกบังคับให้ทำเรื่องนี้เหมือนกัน นายเป็นคนเดียวทที่ฉันสามารถพึ่งพาได้จนกว่าฉันจะฝึกไปถึงขอบเขตจื้อจวิน”บางทีลุงหลี่อาจมองเห็นความคิดของชิวฮ่าว เขาจึงพูดปลอบแพราะเขาไม่ได้ต้องการให้ชิวฮ่าวคิดมากเกินไป
”ไม่ว่าลุงหลี่จะพูดอะไรชีวิตของผมและจื้อเฉิงล้วนเป็นของลุงหลี่ ตราบเท่าที่ลุงหลี่ต้องการ แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ชิวฮ่าวเต็มใจและไม่คิดปฏิเสธ!” ชิวฮ่าวกล่าวแสดงความภักดีของเขาทันที
”อืมฉันรู้ว่านายภักดีกับฉันมากแค่ไหน แต่นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ” ลุงหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ครับ งั้นผมขอตัวลงไปก่อนนะครับ” ชิวฮ่าวกล่าว
ลุงหลี่โบกมือลาเขาจากนั้นชิวฮ่าวก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนอื่นๆ ในห้อง เวลานี้เหลือเพียงลุงหลี่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในห้อง
ฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงต่างมองหน้ากันถ้าใช้โอกาสนี้คงจะสามารถจับตัวลุงหลี่ได้อย่างง่ายดาย
“อย่าเพิ่งร้อนใจไป รอหลินจื้อเฉิงกลับมาก่อน” ชิวหนิงซวงกล่าวเตือน ฮวงเฟิงพยักหน้ารับเพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้น
แม้ตอนนี้จะมีโอกาสจับลุงหลี่แต่หลินจื้อเฉิงคงไม่กลับมาให้เขาจับกุมแน่นอนลุงหลี่ยังคงมีธุรกิจเบื้องหน้ามากมายที่ต้องทำมันจึงเป็นเรื่องไม่ยากที่จะจับกุมเขา แต่สิ่งที่ยากก็คือหลักฐาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหลักฐานให้พิสูจน์แล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
”ฮึ!”“ ไอ้เวรเนรคุณ!” ลุงหลี่ที่อยู่ในห้องเปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ตอนที่เขาได้เห็นปฏิกิริยาของชิวฮ่าวที่ได้กลายเป็นเหมือนปีศาจไปแล้วเมื่อครู่ เพราะเขาเข้าใจแจ่มชัดในสิ่งที่ชิวฮ่าวกำลังคิด ยิ่งไปกว่านั้นชิวฮ่าวนั้นไม่ต่างอะไรกับหลินจื้อเฉิงเพราะเขาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับลุงหลี่ไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าฉันต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า!” แม้ว่าจะต้องเสียคนที่มีความสามารถไปถึงสองคนและต้องเห็นตัวเองเจ็บปวดก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถไว้ใจได้สักคน ดังนั้น แม้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดเขาก็ต้องทำมัน อีกทั้งวัยในปัจจุบันของเขายังถือว่ายังไม่อาวุโสมากพอที่จะดูแลมือใหม่ได้มากกว่านี้และแม้พวกมือใหม่จะเทียบกับหลินจื้อเฉิงและชิวฮ่าวไม่ได้ แค่คนเหล่านั้นภักดีต่อเขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
”เฮ้!จื้อเฉิงนี่ฉันเอง อืมเรื่องของที่นี่ฉันจัดการได้อยู่ นายควรจะกลับมาพรุ่งนี้นะ ที่นี่ ที่เล่อคัง ถึงเรื่องจะจบแล้วแต่ก็ต้องระวังตัวไว้ก่อนเพราะพวกตำรวจยังไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นนายต้องระวังตัว แอบมาที่นี่ช่วงกลางคืนและพยายามอย่าติดต่อกับครอบครัวในช่วงนี้ อืม…ใช่..โอเค…เจอกันพรุ่งนี้”
ต่อมาลุงหลี่ได้โทรหาหลินจื้อเฉิง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กล้าบอกความจริงกับหลินจื้อเฉิงตรงๆ ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงหลอกให้หลินจื้อเฉิงกลับมาหาเขาก่อน
หลังจากที่วางสายไปได้ไม่นานลุงหลี่ก็เดินออกจากห้องไป จากนั้นฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงก็ลงมาจากกำแพงอย่างเงียบๆ
”เราจะทำอย่างไรตอนนี้หรือว่าผมควรขอให้ตำรวจของคุณดำเนินการพรุ่งนี้เลย?” ฮวงเฟิงถาม เมื่อมองจากสถานการณ์แล้ว หลินจื้อเฉิงต้องกลับมาในวันพรุ่งนี้แน่ แต่ฮวงเฟิงเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าหลินจื้อเฉิงจะยอมมอบตัว เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ อีกทั้งยังมีชิวหนิงซวงเข้ามาเกี่ยวข้อง หลินจื้อเฉิงจึงไม่มีทางได้รับโทษสถานเบาแน่ หากเขาไม่ยินยอมมอบตัวเขาก็คงคิดหนีต่อไปเรื่อยๆ
”เรารอพรุ่งนี้ก่อนดีกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับถงเฉียนจุนด้วย อีกอย่างตอนนี้ฉันยังไม่กล้าเชื่อใจคนที่มาจากสถานนีตำรวจนัก” ชิวหนิงซวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและอธิบายต่อว่าแม้ว่าเธอจะชอบดูหมิ่นถงเฉียนจุนแต่เธอก็ไม่สามารถประเมินความสามารถของเขาต่ำไปได้
ถงเฉียนจุนมีเครือข่ายและสายอยู่มากมายทั่วเมืองชิงสำหรับคดีนี้ หากเธอไม่อยู่ที่นั้น ถงเฉียนจุนคงสามารถจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่าง่ายดาย
”ได้เลย”แม้ฮวงเฟิงจะตอบเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล แต่เขากลับตะโกนออกไปอีกว่า : “แต่ยังไง พรุ่งนี้ที่นี่ก็จะไม่สงบแล้ว” ชิงหนิงซวงตกใจเสียงตะโกนและคำพูดของฮวงเฟิง เธอคิดว่าเขาคงกลัวเนื่องจากคนพวกนี้ไม่ใช่คนดีและยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงไม่ใช่ตำรวจ ดังนั้น เธอจึงคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก
”ฉันจะมาที่นี่คนเดียวพรุ่งนี้นายไม่ต้องมา”ชิวหนิงซวงยังคงมั่นใจในทักษะของเธอ แม้จะยังเทียบกับฮวงเฟิงไม่ได้
ซึ่งภายใต้สถานการณ์แบบนี้เธอไม่คิดทำอะไรที่เสี่ยงอยู่แล้วเธอเชื่อว่าตัวเองสามารถจัดการทั้งคนและปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ นอกจากนี้เธอยังมีตำรวจที่สามารถเป็นเกราะป้องกันให้เธอได้และเธอไม่เชื่อว่าคนเหล่านั้นจะกล้าทำร้ายคนในเครื่องแบบอย่างเธอ
”คุณคนเดียวเนี่ยนะ?”คุณทำไม่ได้หรอก!” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเมื่อเห็นว่าชิวหนิงซวงพยายามปฏิเสธเขา
ฮวงเฟิงกล่าวต่อว่า”ผมรู้ว่าคุณก็พอมีทักษะ แต่คนพวกนั้นก็ใช่ว่าจะธรรมดาเสียที่ไหนกัน”
บทที่ 258 อธิบาย
“แหมดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักพวกเขาดีจังเลยนะคะ?” ชิวหนิงซวงหันไปมองฮวงเฟิงด้วยสงสัย จากนั้นเธอก็เห็นจุดที่น่าสงสัยตามร่างกายของฮวงเฟิง
เธอยิ่งสงสัยว่าฮวงเฟิงไม่ได้เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาคนหนึ่งและเก็บซ่อนความลับไว้ไม่ให้เธอรู้
“เอ่อ..คุณคงไม่คิดจะอยู่ตรงนี้ไปตลอดใช่ไหมครับ?”ฮวงเฟิงกล่าวพลางมองไปทั่วสภาพแวดล้อมที่มืดมิด
”งั้นไปที่อื่นกันเถอะค่ะ”ชิวหนิงซวงเข้าใจดีว่าสถานที่ตรงนี้ไม่เหมาะสำหรับการสนทนาเท่าไหร่
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เปลี่ยนไปเป็นร้านอาหารอื่นและเช่าห้องพัก
เนื่องจากทั้งคู่ตรงมาที่นี่ทันทีที่เลิกงานและยังไม่ได้ทานข้าว ถึงจะกินอาหารรองท้องจากที่พักของเล่อคัง แต่ก็ยังไม่อิ่มดี
ฮวงเฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องที่ยากจะถามเขามากมายเพราะก่อนหน้านี้ เขาเผลอพลั้งปากพูดเรื่องที่ไม่สมควรออกไปหลายครั้ง ในเมื่อชิวหนิงซวงไม่ใช่คนโง่ เธอจะต้องสงสัยในตัวเขาแน่นอน
”เอาล่ะผมยอมบอกคุณก็ได้” ฮวงเฟิงกล่าว “ผมแค่จะบอกว่าการมาที่นี่คนเดียวมันอันตรายมาก เพราะผมเคยแลกหมัดกับคนที่ขาหักมาก่อน”
”นี่คุณหมายถึงชิวฮ่าวเหรอคะ?”เมื่อกี้ลุงหลี่พูดชื่อของชิวฮ่าวออกมา
”ถูกต้องแล้วครับผู้ชายคนนั้นเคยยกพวกมาสั่งสอนผมก่อนหน้านี้ ตอนนั้นผมทำให้ขาของเขาหัก แต่นั่นเป็นตอนที่อีกฝ่ายประมาท ถ้าเขาจับตาดูผมมาตั้งแต่ต้น คงยากที่จะบอกว่าผมสามารถเอาชนะเขาได้”ฮวงเฟิงกล่าว เขาเคยต่อสู้กับชิวฮ่าวมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่ได้บอกความจริงกับชิวหนิงซวง แม้ว่าชิวฮ่าวจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าฮวงเฟิงใช้พลังเวทและกำลังภายในร่วมกัน เขาก็ยังสามารถเอาชนะเขาได้ ส่วนชิวหนิงซวงที่ไม่มีพลังใด ๆ จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
“ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้ขาของผู้ชายคนนั้นจะเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่ว แต่เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะพรุ่งนี้ เราอาจต้องเจอกับหลินจื่อเฉิงที่ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าชิวฮ่าว” ฮวงเฟิงกล่าว
”แล้วทำไมเขาถึงมาหาเรื่องคุณล่ะ?พวกคุณมีเรื่องอะไรกันเหรอคะ?” ชิวหนิงซวงถามกลับ
”จริงๆพวกเราก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันหรอกครับหมอนั่นแค่สติไม่ค่อยดี” ฮวงเฟิงตอบ จากนั้นก็เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับถงเจี้ยนให้ชิวหนิงซวงฟัง
”คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ปกติใช่ไหม?ผมแค่ให้เขาลงจากรถเพื่อไปจดทะเบียน แต่ตอนนี้ ผมเกลียดเขามากกว่าเดิมเพราะเขาชอบสร้างปัญหาให้ผมมานักต่อนัก” ฮวงเฟิงพูดบ่น แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าถงเจี้ยนเป็นคนบ้าอยู่วันยังค่ำ
”สำหรับคนธรรมดาสิ่งที่คุณทำถือเป็นเรื่องปกติ แต่กับถงเจี้ยน ด้วยบุคลิกของเขาแล้ว ฉันไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่” ชิวหนิงซวงกล่าว
เธอเคยได้ยินนิสัยของถงเจี้ยนมาจากคนในแวดวงเธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ดังนั้นเธอจึงไม่สงสัยหรือแปลกใจที่ฮวงเฟิงพูดอย่างนั้น
“ยังไงผมก็คิดว่าหมอนั่นมันบ้า”ฮวงเฟิงยืนยัน
ชิวหนิงซวงไม่สนแล้วพูดขึ้นมาว่า”แล้วทำไมคุณถึงคิดว่า ถงเฉียนจุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ละคะ? ทั้งๆที่ฉันไม่เคยบอกคุณว่าถงเฉียนจุนกับลุงหลี่รู้จักกัน?”
”เพราะสาเหตุการตายของพี่เปี่ยวน่าจะมาจากถงเฉียนจุนหรือถงเจี้ยน”ฮวงเฟิงยังคงพูดต่อ “ก่อนหน้านี้พี่เปี่ยวได้รับคำสั่งจากถงเจี้ยนให้มาหาเรื่องผม หลังจากนั้น ผมก็เริ่มทนที่ถงเจี้ยนชอบมาหาเรื่องไม่ไหว ผมเลยไปจัดการเขาจนขาหัก แต่ผมไม่ได้ให้เขาเห็นหน้าผมและผมก็บอกเขาว่าผมเป็นคนรู้จักของพี่เปี่ยว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ฮวงเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถึงคนตรงหน้าเขาจะเป็นตำรวจจราจร แต่ก็ยังเป็นตำรวจ!
มิหนำซ้ำยังมีภูมิหลังที่น่าหวั่นเกรงอีกฝ่ายแต่เขาเคยเล่าเรื่องที่ตัวเองไปหาเรื่องคนอื่นก่อนให้อีกฝ่ายฟังหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้?
จากนั้นฮวงเฟิงก็รีบถามอีกฝ่ายว่า”คุณไม่ได้จะจับตัวผมใช่ไหมครับ? ก่อนหน้านี้ ผมเคยช่วยคุณไว้ คุณจะไม่ตอบแทนน้ำใจด้วยการเอาคืนผมใช่ไหมครับ?”
ชิวหนิงซวงกลอกตาแล้วตอบว่า”ฉันไม่จับคุณหรอกค่ะ ฉันเป็นแค่ตำรวจจราจร!”
ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่น ชิวหนิงซวงอาจส่งตัวเขาไปที่สถานีตำรวจแล้ว แต่เพราะนี่คือฮวงเฟิง เธอจึงทำแบบนั้นไม่ได้ หนึ่ง เหมือนที่ฮวงเฟิงพูด เขาเคยช่วยเธอมาก่อน และสอง คนที่ฮวงเฟิงทำร้ายไม่ใช่คนดี เธอเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีทางที่เธอจะรู้สึกที่ดีกับคนแบบนั้น
ในแง่ของความสัมพันธ์ชิวหนิงซวงใกล้ชิดกับฮวงเฟิงมากกว่าคนที่ไม่รู้จัก และนอกจากนี้ ก็เป็นพ่อของเธอที่ไล่เธอออกจากหน่วยพิเศษ ชิวหนิงซวงจึงแอบรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
”งั้นก็ดี”ฮวงเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดต่อว่า “อันที่จริง ตอนนั้นผมแค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น ผมไม่ได้อยากให้ถงเจี้ยนมาหาเรื่องผมสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกป่าเถื่อนขนาดนี้”
“ถ้าคุณว่าอย่างนั้นถงเฉียนจุนกับลูกชายของเขาน่าสงสัยมาก จากท่าทางของเขาก่อนหน้านี้และคำพูดของลุงหลี่ ฉันมั่นใจว่าถงเฉียนจุนกับลูกชายต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอนค่ะ” ชิวหนิงซวงกล่าว
หลังจากรู้ว่าถงเฉียนจุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เธอไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกลำบากใจ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมาก หากปิดคดีได้สำเร็จ พ่อของเธอและเพื่อนร่วมงานจะต้องมองเธอเปลี่ยนไปแน่นอน
”ถูกต้องแล้วครับ”นี่เป็นสาเหตุที่ฮวงเฟิงยอมเล่าเรื่องต่างๆให้ชิวหนิงซวงฟัง เขาต้องการให้เธอรู้ถึงสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่และกำจัดพ่อลูกคู่นี้ออกไปให้พ้นทาง
”เอาล่ะจากนี้ไป เรามาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กันดีไหมคะ?” ชิวหนิงซวงว่า
”เฮ้คุณไม่ได้จะโยนความผิดให้ผมใช่ไหม? ตอนนั้น คุณไม่ได้ซ่อนตัว แถมตัดสินใจเองคนเดียวด้วย…”
อย่ามาโทษเขาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นะแม้ว่าเขาจะมีส่วน แต่ชิวหนิงซวงก็ผิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่กลัวอีกฝ่ายเท่าไหร่
”ว่ายังไงนะ!?ฉันเป็นคนตัดสินใจก็จริง แต่เห็นๆอยู่ว่าที่เป็นแบบนั้นเป็นเพราะคุณต่างหาก!” ชิวหนิงซวงพูดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ
ในตอนนั้นเธอเหมือนจะเวียนหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอเอนตัวพิงอีกฝ่ายจริงๆ แต่จะให้ยอมรับมันได้ยังไงเล่า? เห็นๆอยู่ว่าฮวงเฟิงเป็นคนเริ่มก่อน!
“อืม…ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็ช่างมันเถอะอย่างน้อย ผมก็ไม่ได้จูบคุณจริงๆ ถูกไหม?” ฮวงเฟิงมองไปที่ใบหน้าที่โมโหปนเขินอายของชิวหนิงซวง จึงยอมจำนนแต่โดยดี
ใครกันที่ขอให้เขารับมือกับเธอล่ะถึงเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้นก็ตาม อย่างน้อยทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลงก่อนก็แล้วกัน