กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 313 -314
บทที่ 313 บังเอิญ
พนักงานขายใหม่เหล่านี้คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าโรงงานเล็กๆแห่งนี้ซึ่งเพิ่งจะเปลี่ยนเจ้าของจะมีสิ่งที่ดีเช่นนี้ หากพวกเขาเพียงฟังสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญพูด พวกเขาอาจจะไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถเห็นผลลัพธ์ด้วยตาของพวกเขาเองแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียยี่ห้อรุ่ยเจี๋ยนั้นดีเพียงใด
เป็นผลให้พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยพลังในขณะเดียวกันพวกเขาก็ดีใจที่มีทางเลือกเช่นนี้ โชคดีที่พวกเขาไม่ยอมแพ้กับงานนี้เหมือนคนอื่นๆ และแทนที่จะมีอนาคตที่ดีกว่ารอพวกเขาอยู่ข้างหน้า
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาว่าโรงงานแห่งนี้ยังไม่ใหญ่โตมากนัก และก็มีคนอยู่ไม่มาก พวกเขาต่างก็เป็นคนงานรุ่นแรกที่ถูกจ้างโดยบอสคนนี้ และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโรงงานี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว จากนั้นโรงงานแห่งนี้ก็จะต้องมีการพัฒนาที่ดีขึ้นและเพิ่มกำลังการผลิต และในฐานะที่เป็นคนทำงานรุ่นแรกที่เข้ามา ตราบใดที่ความสามารถของพวกเขาไม่ต่ำเกินไปนัก พวกเขาก็จะยังได้รับประโยชน์จากที่นี่อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้พวกเขาก็แทบจะอดทนรอเพื่อไปที่โรงงานและรีบขายของไม่ได้
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าวันนีี้ยังไม่ใช่วันที่ดีนัก วันนี้นอกจากจะเป็นการแสดงให้พวกเขาเห็นถึงอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียยี่ห้อรุ่ยเจี๋ย ยังต้องแสดงให้พวกเขาเห็นถึงอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียแบบอื่นๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เห็นข้อดีข้อเสียของผลิตภัณฑ์ เมื่อพวกเขานำไปเสนอขายลูกค้า พวกเขาจะได้สามารถกล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมและมีทางชักชวนลูกค้าได้มากขึ้น
ยิ่งพวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียมากเท่าไรพวกเขาก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และในตอนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะคิดเช่นไร พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะทำงานที่นี่แล้ว แล้วใครจะกล้าพลาดงานที่มีแววเช่นนี้กันล่ะ?
ฮวงเฟิงนั้นไม่ได้อยู่ที่โรงงานตลอดเวลาพนักงานขายเหล่านั้นได้ผู้เชี่ยวชาญเหอช่วยสอนให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และการประชุมเชิงปฏิบัติการก็อยู่ภายใต้การดูและของกัวเหลียง ดังนั้นจึงทำได้สบายมาก ส่วนในด้านของโจวหรูหรานนั้นก็เป็นคนที่รับผิดชอบในด้านของบุคลากรและอีกคนหนึ่งก็รับผิดชอบด้านการเงิน ดังนั้นฮวงเฟิงเองจึงไม่มีอะไรต้องทำ ดังนั้นเขาจึงปลีกตัวไปอยู่อย่างสงบได้
ความจริงแล้วนอกเหนือจากที่โจวหรูหรานที่เคยมีประสบการณ์มาบ้างทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และอีกสองคนต่างก็มีประสบการณ์ในด้านของตัวเอง โชคดีที่โรงงานแห่งนี้ยังไม่ใหญ่มากนัก และก็มีคนงานอยู่ไม่มากซึ่งก็เป็นการง่ายที่จะให้ทั้งสองคนได้ฝึกอบรมพวกเขา ในอนาคตเมื่อโรงงานขยายกิจการขึ้นพวกเขาก็จะได้เริ่มงานของพวกเขาได้อย่างประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะออกจากโรงงานไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะว่าง นั่นก็เป็นเพราะว่าเขายังคงมีงานอื่นอีก
ทันทีที่เขาออกจากโรงงานเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากซูหยูโม่โทรมาสอบถามเผื่อว่าเขาจะพอมีเวลา ซึ่งถ้าเขามีเวลาเขาก็คงจะออกไปหาเธอได้สักครู่
“เมิ่งเจียวออกไปทำธุระกับมู่เสวี่ยแล้วแล้ววันนี้ฉันก็อยากจะไปเดินชอปปิ้งสักสองสามร้านน่ะ” เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงมาถึงแล้ว ซูหยูโม่ก็อธิบายให้เขาฟัง
จริงๆแล้วซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งจียวนั้นได้นัดกันไว้เพื่อไปดูร้านค้าด้วยกัน แต่ถังมู่เสวี่ยนั้นกลับโทรเรียกให้เซี่ยเมิ่งเจียวออกไปหาและบอกให้เธอโทรหาฮวงเฟิงให้ไปเป็นเพื่อนแทน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับฮวงเฟิง ซึ่งซูหยูโม่เข้าใจในประเด็นนี้และถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเขินอายในใจเล็กน้อยแต่เเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถังมู่เสวี่ยนั้นมีเจตนาที่ดี
ฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใดเขาเองก็ไม่ได้มีธุระที่จะต้องไปหารือในวันนี้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะไปและค้นหาร้านค้าของซูหยูโม่เพื่อที่จะเปิดร้านขายตรง
ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงเองก็ได้วางแผนไว้ว่าจะไปตรวจสอบเพื่อดูว่ามีอะไรดีอยู่ทางฝั่งของเขาหรือไม่แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่ต้องการสิ่งนั้น แต่ในอนาคตเขาอาจจะได้ไปดูกับซูหยูโม่ก็ได้
ร้านค้าเพียงไม่กี่แห่งที่ซูหยูโม่ไปดูล้วนแต่อยู่ในเมืองและไม่ไกลเกินไปนักดังนั้นการจราจรจึงสะดวก แน่นอนว่าด้วยร้านค้าประเภทนี้ค่าเช่าหนึ่งปีนั้นราคาไม่ถูกอย่างแน่นอนและหากขายไม่ดีก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคตของบริษัท ดังนั้น ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
ทุกครั้งที่เธอมาที่ร้านเธอจะอธิบายข้อดีและข้อเสียของร้านให้ ฮวงเฟิงฟัง แม้ว่าเขาจะจบการศึกษาเร็วกว่าเธอหนึ่งหรือสองปี แต่ประสบการณ์ของเขาเองก็ยังเทียบไม่ได้กับเธอ นอกจากนี้พรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้แย่นัก ดังนั้นฮวงเฟิงจึงยังคงต้องเรียนรู้วิธีการบริหารบริษัทอีกมากโขไอรีนโนเวล
แน่นอนว่าฮวงเฟิงเองเจียมเนื้อเจียมตัวมากเช่นกันเขารู้ดีว่าเขานั้นยังไม่ดีพอ ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจซูหยูโม่และรู้สึกขอบคุณมาก
”หยูโม่?!”ขณะที่ฮวงเฟิงและซูหยูโม่ออกมาจากร้านและกำลังจะไปอีกร้านก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พวกเขาประหลาดใจและรู้สึกโมโหเล็กน้อย!
ฮวงเฟิงและซูหยูโม่หันหน้าไปมองและพบว่าเป็นถงเฉียนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาพร้อมกับผู้คุ้มกันอีกสองสามคนที่เหมือนคนที่กำลังแบกสิ่งของบางอย่าง ในตอนนี้ถงเฉียนกำลังมองไปที่ทั้งสองคนอย่างโกรธเกรี้ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาจ้องไปที่ดวงตาของฮวงเฟิง ดวงตาของเขาดูเหมือนจะแผดเผาฮวงเฟิงได้
ฮวงเฟิงและซูหยูโม่ไม่คิดว่าจะมาเจอถงเฉียนที่นี่ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้
เมื่อพูดถึงครั้งสุดท้ายที่ถงเจียนไปที่เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปเพื่อไปหาซูหยูโม่และถูกฮวงเฟิงห้ามเอาไว้เขาก็ไม่ได้กลับไปที่ เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปอีกเลย ไม่ใช่เพราะเขาถอดใจจากซูหยูโม่แต่เป็นเพราะมีสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้ล่าช้า
และฮวงเฟิงนั้นก็ยิ่งรู้ดีว่าเขาไม่ได้เลิกตามตอแยซูหยูโม่แต่มีอีกสาเหตุหนึ่งและนั่นก็เป็นเพราะเขาขาหักและจำเป็นต้องพักฟื้นอาการบาดเจ็บก็เพียงเท่านั้น ฮวงเฟิงไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งและยิ่งไปกว่านั้นต้องบังเอิญมาพบกันในเมืองที่วุ่นวายแห่งนี้
ฮวงเฟิงและซูหยูโม่ไม่ได้คิดว่าจะได้พบกับถงเฉียนและถงเฉียนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับทั้งสองคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ฮวงเฟิงออกไป “ซื้อของ” กับซูหยูโม่
ขาของถงเฉียนยังไม่หายดีนักและพ่อของเขาก็กำลังเตรียมที่จะจัดการให้เขาเดินทางไปต่างประเทศในเร็วๆนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการเนื่องจากขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์จึงทำให้ล่าช้า ฉงเฉียนคิดว่าพิธีการไม่สำคัญขนาดนั้นและเขาจะเดินทางไปต่างประเทศในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมซูหยูโม่อีกครั้งก่อนที่จะไปต่างประเทศเพราะเขาจะไม่คว้าน้ำเหลวอย่างแน่นอน เขาไม่อาจที่จะสูญเสียคนๆ นั้นไปได้ เขาจึงออกมาซื้อของในวันนี้และพร้อมที่จะมอบให้กับซูหยูโม่เมื่อถึงเวลา
และเนื่องจากเหตุการที่ทำให้เขาขาหักเมื่อครั้งที่แล้วถงเฉียนจุ้นยังคงกังวลว่าลูกชายของเขาจะออกมาข้างนอกเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขาของเขายังเดินไม่ค่อยสะดวก นั่นคือเหตุผลที่เขาจัดให้มีบอดี้การ์ดสองสามคนคอยติดตามเขา
บทที่ 314 แฟนของฉัน
ถงเฉียนเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าขณะที่เขากำลังชอปปิ้งอยู่นั้นจะต้องบังเอิญมาเจอกับคนที่เขาตั้งใจจะมอบของขวัญให้ยิ่งไปกว่านั้นไอ้หนุ่มคนนั้นก็ยังเป็นคนที่เขาเกลียดที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ถงเฉียนโมโหมาก
เขายังคงมีเรื่องคาใจกับฮวงเฟิงเพราะว่าฮวงเฟิงเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกอับอายและเป็นคนแรกที่ไม่ไว้หน้าเขา และต่อมาเขาก็ได้สั่งให้ลูกน้องไปจัดการฮวงเฟิง แต่คนของพี่เปียวก็ทำได้ไม่ดีเลย หลังจากนั้นที่เขาต้องพบเจอกับปัญหาหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงลืมและไม่มีแม้แต่เวลาและเรี่ยวแรงที่จะไปสร้างปัญหาให้กับฮวงเฟิงอีก
เดิมทีถงเฉียนนั้นก็เกือบจะลืมฮวงเฟิงไปแล้วและเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอฮวงเฟิงในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมา “ชอปปิ้ง” กับผู้หญิงที่เขาชอบอีกด้วย แล้วจะไม่ให้ถงเฉียนรู้สึกโกรธได้อย่างไร?
จริงๆแล้ว ถงเฉียนนั้นก็ไม่ได้มองฮวงเฟิงในแง่ดีอยู่แล้ว มันคงจะดีถ้าเขาได้สะสางเรื่องนี้เสีย แต่เมื่อได้เห็นฮวงเฟิงควงผู้หญิงที่เขาชอบมา เขาก็เกิดความอิจฉา และต้องการที่จะฆ่าฮวงเฟิงเสียตอนนี้เลย แน่นอนว่าถ้าเขารู้ว่าฮวงเฟิงจะทำให้เขาต้องขาหัก เขาก็คงจะฆ่าฮวงเฟิงไปเสียตั้งนานแล้ว
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังยื่นถุงข้าวของให้ในทันทีฮวงเฟิงเหลือบตามองและเห็นว่ามันคือเสื้อผ้ายี่ห้อดัง
อย่างไรก็ตามซูหยูโม่นั้นไม่ได้ชายตามองด้วยซ้ำและเธอก็กล่าวขณะที่มองไปที่ถงเฉียนอย่างเฉยชาว่า “นายน้อยถง เอากลับไปเสียเถอะ ฉันไม่ต้องการของของคุณและได้โปรดเรียกชื่อจริงของฉัน หรือเรียกฉันว่าผู้อำนวยการซูก็ได้”
“พูดสิ…”เมื่อเห็นว่าซูหยูโม่ขมวดคิ้ว ถงเฉียนก็รีบเปลี่ยนคำพูดของเขา “ซูหยูโม่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ ในฐานะเพื่อนฉันก็เลยอยากจะมอบข้าวของให้กับเธอ ดังนั้นเธอก็แค่รับมันไปซะเถอะมันไม่ใช่ของราคาแพงอะไร”
ถึงอย่างไรก็ตามถงเฉียนก็ยังคงเชื่อมั่นในความคิดของเขาและปฏิเสธที่จะยอมรับมันถงเฉียนกล่าวว่า “ฉันกำลังจะไปต่างประเทศและอาจจะไม่ได้กลับมาสักพัก ฉันก็เลยอยากจะมอบของให้เธอไว้เป็นที่ระลึก อย่าลืมฉันนะ”
“ไม่ล่ะขอบใจ” ซูหยูโม่ยังคงปฏิเสธ
อีกด้านหนึ่งนั้นฮวงเฟิงก็เดาว่าที่ถงเฉียนต้องไปต่างประเทศคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับขาของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้ขาของเขาต้องพิการแต่เขาก็ยังคงยโสโอหัง เขารับเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“หยูโม่ฉันจริงใจกับเธอนะ นี่เธอจะใจแข็งปฏิเสธฉันจริงๆ งั้นเหรอ?” ถงเฉียนกล่าวขณะที่มองดูซูหยูโม่ด้วยใบหน้าที่จริงใจ แต่ภายในใจของเขานั้นเขากำลังก่นด่าซูหยูโม่อยู่และเขาไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เธอปฏิเสธเขาอย่างจริงจังและยิ่งไปกว่านั้นยังปฏิเสธเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย ดังนั้นในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความโกรธ
“ขอบใจนะนายน้อยถง สำหรับความรักของคุณ อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย” ซูหยูโม่ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา และเธอก็ต้องการที่จะลาเขาไปเสียเร็วๆ “แล้วก็นะ ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว ได้โปรดอย่ามารบกวนฉันอีกเลย เดี๋ยวแฟนของฉันจะโมโหเอา”
ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังสังสัยว่าซูหยูโม่นั้นมีแฟนแล้วซูหยูโม่ก็เอื้อมแขนมาควงแขนเขาท่ามกลางสายตาที่จ้องมองด้วยความตกใจของถงเฉียน แล้วเธอยังเอียงหัวซบไปที่ไหล่ของฮวงเฟิง ซึ่งนั่นก็บ่งบอกความหมายที่เธอพูดได้อย่างชัดเจน
ฮวงเฟิงเข้าใจในสิ่งที่ซูหยูโม่พูดเขายืนตัวแข็งเป็นหินเขาอยากที่จะผลักไสเธอ แต่เมื่อซูหยูโม่ออกแรงที่ควงแขนของเขาเอาไว้ เขาจึงไม่ได้ผลักไสเธอออกไป และเขาเองก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าของถงเฉียนเช่นกันดังนั้นเขาจึงอยากจะทำให้เขาอกระเบิดตาย
เพียงแค่ว่าฮวงเฟิงรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อยเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนจุดสนใจของถงเฉียนออกไปจากเขา แต่หลังจากวันนี้อีกฝ่ายอาจจะเกลียดเขามากกว่าเดิมก็ได้ โชคดีที่อีกฝ่ายกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศและเมื่อเขากลับมาก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขาจะยังกลัวอยู่หรือไม่
เป็นไปตามที่คาดไว้เมื่อถงเฉียนเห็นการกระทำของซูหยูโม่เขามองเธอด้วยสายตาที่โกรธแค้นและไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้ว่าเขาจะเดาไม่ถูกเมื่อเห็นฮวงเฟิงและซูหยูโม่กำลังเดิน “ชอปปิ้ง” ด้วยกัน แต่เขาก็รู้ว่ามาตรฐานของซูหยูโม่นั้นสูงมากและแม้ว่าเธอจะไม่ได้คลั่งไคล้ในตัวเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาคลั่งไคล้เจ้ายามเฝ้าประตูคนนี้ ถงเฉียนคิดว่าฮวงเฟิงก็เหมือนกันกับเขาและกำลังไล่ตามจีบซูหยูโม่อยู่
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปตามที่เขาคาดไว้แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ว่าซู่ยูโม่กำลังแสดงละครให้เขาดู เมื่อเห็นการกระทำของเธอ เขาก็รู้ดีว่าแม้ว่าพวกเขาสองคนจะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ซูหยูโม่ก็ไม่ได้เกลียดชังฮวงเฟิงเลย อันที่จริงเธอแอบปลื้มเขาเสียด้วยซ้ำ
“หยูโม่นี่เธอไปตกหลุมรักคนแบบนี้ได้ยังไงกัน? เธอก็รู้ว่าเขาเป็นแค่ รปภ. เขาไม่ได้คู่ควรกับเธอเสียด้วยซ้ำ!” ถงเฉียนชี้ไปที่ฮวงเฟิงและตะเบ็งเสียงใส่
“ฉันจะรักจะชอบใครมันก็เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของคุณ” ซูหยูโม่กล่าวเสียงเย็น “ตอนนี้คุณก็เห็นแล้ว ว่าฉันมีแฟนแล้ว อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ฉันกลัวว่าแฟนของฉันจะโกรธเอา”
หลังจากนั้นซูหยูโม่ก็หันหลังกลับและมองไปที่ฮวงเฟิงอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า“พวกเราไปกันเถอะ”
สายตาที่จ้องมองฮวงเฟิงอย่างอ่อนโยนของซูหยูโม่ทำให้เขารู้สึกใจหายนิดหน่อยและยิ่งบวกกับความวิตกของเขาแล้วเขาก็ยิ่งโกรธจนสั่นไปทั้งตัวและเขาก็เกือบจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่เขาก็นึกได้ว่าฮวงเฟิงและซูหยูโม่นั้นได้หันหลังกลับและเดินจากไปไกลแล้ว
“ไอ้ห่ารปภ. เอ้ย ฉันจะฆ่าแกซะ!” ในตอนนี้ ความคิดที่จะฆ่าฮวงเฟิงของถงเฉียนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ใช่แค่สั่งสอนเหมือนครั้งก่อนหน้านี้
“ฮัลโหลคุณคาวาชิมะใช่ไหม? ผมถงเฉียนนะ คุณสบายดีไหม? คืนนี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหม? ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ได้สิ เจอกันคืนนี้นะ!” หลังจากที่ฮวงเฟิงและซูหยูโม่จากไปแล้ว ถงเฉียนก็โทรศัพท์ และคนที่เขากำลังหาอยู่ก็คือ คาวะชิมะ
ถงเฉียนได้ปกปิดความจริงจากเขามาตลอดแต่มันก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเขารู้ว่าคนที่เขาพาเขามาด้วยล้วนแต่แข็งแกร่งและคนที่เขาพามาล้วนมีพลังมากและเขามองหาคนที่จะสอนบทเรียนให้กับฮวงเฟิงมาแล้วสองสามครั้ง แต่พวกเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ สิ่งนี้ทำให้ถงเฉียนรู้สึกว่าฮวงเฟิงนั้นมีฝีมือบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เคลื่อนไหวในตอนนี้เพราะกลัวว่าฮวงเฟิงจะถือโอกาสนี้สั่งสอนบทเรียนให้แก่เขา
นอกจากนี้ในตอนนี้เขาต้องการที่จะฆ่าฮวงเฟิงเสีย ดังนั้นเขาจึงไม่ไว้วางใจบอดี้การ์ดของเขามากนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าแขกของพ่อ คาวะชิมะและลูกน้องของเขาจะมีอำนาจมากและควรไว้วางใจ
บทที่ 315 ผู้ชายคนนั้น
”ฉันขอโทษ!”
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากฮวงเฟิงและซูหยูโม่เดินมาจนพ้นสายตาของถงเฉียนแล้วซูหยูโม่ก็ปล่อยแขนของฮวงเฟิงและกล่าวขอโทษฮวงเฟิง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ขอความยินยอมจาก ฮวงเฟิงและต้องการที่จะเขาใช้เขาเป็นโล่
อย่างไรก็ตามนี่เป็นความคิดที่ดีสำหรับซูหยูโม่ท้ายที่สุดหลังจากที่ถงเฉียนตามจีบเธอมานาน ในอดีตเธอเบื่อมาก แต่ไม่ว่าเธอจะพูดหรือปฏิเสธยังไงอีกฝ่ายก็ยังคงยืนกราน สิ่งนี้ทำให้ซูหยูโม่รู้สึกหมดหนทางมาก เนื่องจากเธอไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ในการจัดการกับคนโกงเช่นนี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีเดียว
เพียงเท่านั้นเธอก็รู้ด้วยว่าถงเฉียนจะต้องเกลียดฮวงเฟิงซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกผิด
แน่นอนแม้ว่าซูหยูโม่จะรู้เกี่ยวกับวิธีนี้แต่เธอก็ไม่เคยใช้วิธีนี้มาก่อน ถ้าวันนี้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอไม่ใช่ฮวเงฟิง เธอก็คงไม่เลือกใช้วิธีนี้เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะกอดเธอได้ เป็นเพราะว่ามีฮวงเฟิงอยู่ด้วย เธอจึงทำเช่นนี้
“ไม่เป็นไรหรอกเขาก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าผมอยู่แล้ว แต่เขาคงจะยิ่งเกลียดผมมากกว่าเดิมเลยนะตอนนี้” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในใจนั้นเขากำลังครุ่นคิด เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยห้ามไม่ให้ถงเฉียนลงจากรถและในตอนนี้เขาคงจะสั่งให้ใครมาสั่งสอนเขาแล้วก็เป็นได้
เมื่อคิดถึงการตายของพี่เปียวหัวใจของฮวงเฟิงก็รู้สึกหนักอึ้ง เพราะถงเฉียนนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง
“ฉันรู้ว่าฉันสร้างปัญหาให้คุณแต่ฉันรำคาญเขามากๆ เลย” ซูหยูโม่ยังคงอธิบายต่อ
“ผมเข้าใจ”ฮวงเฟิงกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ที่ต้องแสดงเป็นแฟนให้คุณ ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เลวเลยนะ”
เมื่อซูหยูโม่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้น
เล็กน้อยแต่เธอก็แอบคิดอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าฮวงเฟิงจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่เป็นแฟนของเธอ แต่ซูหยูโม่กลับรู้สึกอายในใจดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะพูดความในใจออกไป
“เพื่อเป็นการขอโทษฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นคุณเองนะ” ซูหยูโม่ใช้โอกาสนี้เอ่ยปากออกมา จริงๆ แล้วเธอนั้นเพียงแค่ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้ทานอาหารเย็นกับฮวงเฟิงเท่านั้น
“งั้นคืนนี้ผมจะถล่มคุณให้ยับเลย”ฮวงเฟิงกล่าวอย่างจงใจ
“คุณอยากจะกินอะไรก็สั่งได้เลย”ซูหยูโม่แสร้งทำตัวเป็นมหาเศรษฐี และทั้งสองก็พากันหัวเราะ หลังจากเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นทั้งสองคนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันว่าจะไปทานอาหารเย็นที่ไหนดีโทรศัพท์ของซูหยูโม่ก็ดังขึ้น และก็คือเซี่ยเมิ่งเจียวนั่นเอง
”พี่หยูโม่นี่พี่อยู่ที่ไหน? ถังมู่เสวี่ย นายทุนเงินหนาทำงานเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวทางโทรศัพท์
ซูหยูโม่มองไปที่ฮวงเฟิงที่อยู่ข้างๆจากนั้นก็กล่าวขอโทษขอโพย “เมิ่งเจียว คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว”
”หา?”เกิดอะไรขึ้น? “ พวกเธอสองคนพบกันเกือบทุกวัน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร จากนั้นเซี่ยเมิ่งเจียวก็คิดว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาพี่หยูโม่ของเธอได้ไปกับผู้ชายที่เรียกเธอว่า “หยูโม่” หรือว่าจะเป็นคนเดียวกันกับครั้งที่แล้ว?
เมื่อนึกถึงตอนนี้เซี่ยเมิ่งเจียวก็กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า: “พี่หยูโม่ ถ้าถังมู่เสวี่ยมาแล้ว เธออยากจะไปทานข้าวกับพวกเราพร้อมกับผู้ชายคนนั้นไหม??”
ซูหยูโม่ยังไม่คิดว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะเดาได้ง่ายขนาดนี้อย่างไรก็ตามในเมื่อฮวงเฟิงอยู่ข้างๆ เธอ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ดังนั้นเธอจึงพูดได้เพียงว่า: “ฉันจะเล่าให้เธอฟังทีหลัง ตอนนี้ฉันจะวางสายก่อนนะ”
หลังจากนั้นซูหยูโม่ก็ไม่ได้ให้โอกาสเซี่ยเมิ่งเจียวได้พูดและวางสายทันที
”ถ้าผู้อำนวยการเซี่ยรู้ว่าคุณมากินข้าวกับผมและปฏิเสธเธอ พรุ่งนี้เธออาจจะจับผิดผมอีกครั้งก็ได้นะ” ฮวงเฟิงไม่ได้ยินสิ่งที่เซี่ยเมิ่งเจียวพูด เขารู้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อเขามากนักแต่ก็ถือว่าดีพอที่จะไม่ไล่เขาออก ดังนั้นหากเขารู้ว่าซูหยูโม่ร่วมรับประทานอาหารกับเขาและปฏิเสธเธอ เธอจะต้องทำให้เขาเดือดร้อนอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็ยิ้มออกมาก่อน ราวกับว่าเธอจำอะไรบางอย่างได้ ครั้งสุดท้ายที่เซี่ยเมิ่งเจียวทรมาน ฮวงเฟิงเขากล่าวว่า: “อย่าลดระดับตัวเองลงไปในระดับเดียวกับเธอเลย เธอก็เป็นเพียงเด็กไม่รู้จักโต”
”ผมรู้”ฮวงเฟิงพยักหน้า เขาไม่สงสัยในคำพูดของซูหยูโม่ ดังนั้นเขาจึงไม่ลดระดับตัวเองให้อยู่ไประดับเดียวกับเธอ
“พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”ซูหยูโม่กล่าว
”ไปกันเถอะ”
“พี่หยูโม่นี่เกินไปจริงๆฉันยังพูดไม่ทันจบเลย” อีกด้านหนึ่งนั้น เซี่ยเมิ่งเจียวกำลังพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์นักที่ถูกตัดสาย
“มีอะไรงั้นเหรอ?แล้วพี่หยูโม่จะมาถึงตอนไหน?” ในเวลานี้ ถังมู่เสวี่ยได้เดินมาถึงแล้ว เธอเพิ่งจะไปเข้าห้องน้ำมาดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าซูหยูโม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว
“เขาไม่มาแล้วล่ะพี่หยูโม่ไปทานข้าวกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว” เซี่ยเมิ่งเจียวฟ้อง
“ผู้ชายงั้นเหรอ?”ในตอนแรกถังมู่เสวี่ยตกใจ แต่จากนั้นเธอก็จำฮวงเฟิงได้ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเมิ่งเจียวยังไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างซูหยูโม่และฮวงเฟิง
“ใช่แล้วผู้ชายคนนั้นตอนคืนวันที่เธอมาถึงที่เมืองหลวงนี่ไง
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพี่หยูโม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าเพื่อน!”ฮึ คืนนี้เรากลับไปดูกันว่าฉันจะพูดอะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
ถังมู่เสวี่ยมั่นใจว่าซูหยูโม่จะต้องกำลังทานอาหารอยู่กับเขาอย่างแน่นอนเพราะว่าเป็นความคิดของเธอที่ให้ซูหยูโม่โทรเรียกให้ฮวงเฟิงออกมาหาในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจเลยที่ฮวงเฟิงและซูหยูโม่จะกำลังทานอาหารเย็นอยู่ด้วยกันในคืนนี้
”พอแล้วอย่าโมโหไปเลย บางทีพี่หยูโม่คงจะพบความสุขของเธอแล้ว เธอก็น่าจะดีใจกับเขานะ” ถังมู่เสวี่ยกล่าว
”แน่นอนฉันยินดีกับเธอ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนยังไม่ได้รับการยืนยัน พี่หยูโม่ปฏิเสธฉันเพราะเขา ฉันเลยโกรธมากเพราะคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นแน่นแฟ้นกว่า และถ้าทั้งสองคนนั้นจะสร้างความสัมพันธ์ในอนาคต ถ้างั้นมันก็คงจะยากสำหรับฉันที่จะได้เจอพี่หยูโม่” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว