กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 327-328
บทที่ 327 ลงมือ(4)
เมื่อมองไปที่คาวาชิมะซึ่งนอนอยู่ไม่ไกลจากเขาด้วยความเสียใจฮวงเฟิงไม่มีอารมณ์ที่จะเห็นอกเห็นใจเขาในตอนนี้เพราะบอดี้การ์ดของถงเฉียนจุ้นนั้นยังคงไม่หยุดระดมยิง
”เป็นยังไงบ้าง?มันตายหรือยัง?” เสียงของถงเฉียนจุ้นดังมาจากด้านนอก
”หนึ่งคนตายแล้วเหลืออีกสองคนครับ” บอดี้การ์ดตอบ
“เหลืออีกสองคนงั้นเหรอ?”เห็นได้ชัดว่าถงเฉียนจุ้นไม่เคยเห็นฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวมาก่อน
”ครับ”
”งั้นยิงต่อไปฆ่าพวกมันให้หมด!” ถงเฉียนจุ้นกล่าว เขาคิดว่าบอดี้การ์ดของเขากำลังพูดถึงคนอื่นอีกสองคนซึ่งเป็นคนของคาวาชิมะ
เป็นผลให้กระสุนยิ่งถูกระดมยิงหนักขึ้นและเครื่องนอนที่อยู่บนเตียงก็ได้ถูกทำลายไปแล้วในตอนนี้ฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวสามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้
ไป๋เสี่ยวโหรวหยิบปืนออกมาแล้วยิงใส่ฝ่ายตรงข้ามแต่เมื่อเทียบกับพลังการยิงที่รุนแรงของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ดูเหมือนจะไม่ส่งผลอะไรมากนัก แม้ว่าเธอจะฆ่าไปสามคน แต่เธอก็ถูกยิงเช่นกัน
“คราวนี้ฉันอาจจะทำให้คุณบาดเจ็บก็ได้นะ”ใบหน้าของไป่เสี่ยวโหรวเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น ขณะที่เธอพูดกับฮวงเฟิง มีทางออกเพียงทางเดียวและถูกอีกฝ่ายปิดกั้นเอาไว้ ไป่เสี่ยวโหรวไม่คิดว่าเธอจะฝ่าวงล้อมออกไปได้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว ฮวงเฟิงก็คงจะไม่สามารถทำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงนั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าเธอต้องการที่จะดึงเขาเข้ามาในองค์กร แต่สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เข้าร่วม ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเขาเป็นคนขององค์กร
ฮวงเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆเดิมทีเขาต้องการมาในวันนี้ไม่ใช่เพราะไป่เสี่ยวโหรวต้องการลากเขามาที่นี่ ดังนั้นแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเขาก็ได้แต่โทษตัวเองไม่ใช่อีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายเท่ากับเธอ ถ้าเขาไม่กลัวที่จะเปิดเผยตัวเองต่อหน้าไป่เสี่ยวโหรวเขาคงจะใช้เวทมนตร์ของเขาไปแล้ว และสิ่งของที่อยู่ในกล่องจักรวาลก็จะไม่ลงเอยเช่นนี้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะการปกป้องชีวิตของเขาสำคัญกว่าสำหรับไป่เสี่ยวโหรวจะสงสัยเขาอย่างไรหลังจากนี้ มันก็เป็นเรื่องของอนาคตดังนั้นเขาจึงต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอดเสียก่อน
”เตรียมพร้อมฝ่าออกไปนะ!”ขณะที่ฮวงเฟิงพูดเขาได้หยิบระเบิดมือออกมาจากกล่องจักรวาล เขาได้รับระเบิดมือนี้มากจากกล่องจักรวาลและหลังจากที่มันถูกส่งไปเพื่อพิสูจน์มันก็กลายเป็นระเบิดมือธรรมดาและไม่มีความสามารถในการเทเลพอร์ตอีกต่อไป ดังนั้นแม้ว่าฮวงเฟิงจะใช้มัน เขาก็จะไม่รู้สึกว่ามันน่าเสียดาย
ตอนแรกไป่เสี่ยวโหรวกำลังคิดว่าเธอจะฝ่าวงล้อมออกไปได้อย่างไรแต่เธอเมื่อเห็นฮวงเฟิงหยิบของสีดำออกมาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นเขาก็ดึงสลักออกและโยนของในมือออกไปที่ประตู!
ตูม!
ในขั้นต้นบอดี้การ์ดเหล่านั้นรวมตัวกันอยู่ใกล้ประตูพวกเขาไม่คาดคิดว่ากลุ่มของฮวงเฟิงจะมีอาวุธร้ายแรงเช่นระเบิดมือ เป็นผลให้พวกเขาไม่ตระหนักถึงอันตรายและไม่กระจายตัวออกไป
เห็นได้ชัดว่าไป่เสี่ยวโหรวตกใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันและมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยความงุนงง
”รออะไรล่ะ?ไปกันเลย” ฮวงเฟิงตะโกนและรีบออกไป
ไป่เสี่ยวโหรวตอบสนองทันทีตอนนี้เป็นโอกาสแล้วและรีบออกไปจากนั้นก็ต้องตกใจกับฉากที่อยู่ตรงหน้า
ที่อยู่ใกล้กับประตูไม่มีใครสามารถยืนได้เลยสักคนแน่นอนว่านอกเหนือไปจากฮวงเฟิงแล้วก็มีผู้คนมากมายที่นอนอยู่บนพื้น และบางคนก็แขนขาหัก ประตูก็ถูกทำลายด้วยแรงระเบิด และเสียงร้องโหยหวนก็ได้ยินจากทุกหนทุกแห่ง แน่นอนว่าพวกเขายังโชคดีที่ยังคงส่งเสียงออกมาได้ เพราะมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้วเพราะว่าพวกเขานั้นได้ตายเสียแล้ว!
ในบรรดาคนเหล่านี้ที่กรีดร้องอย่างน่าสังเวชฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวก็ได้พบว่าถงเฉียนจุ้นอยู่ที่ไหน เขาเองก็โชคไม่ดีเช่นกันเพราะขณะที่เขากำลังจะลงไปที่ชั้นล่างเพื่อออกไปจากพื้นที่ที่อันตรายนั้น แต่อย่างไรก็ตามก็สายไปเสียแล้วเพราะเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเช่นกันไอรีนโนเวล
อย่างไรก็ตามเขายังโชคดีเพราะเขาอยู่ห่างจากกลุ่มมากที่สุดดังนั้นอาการบาดเจ็บของเขาจึงเบาที่สุด อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด
“ดูเหมือนว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องบุกเข้าไปแล้วล่ะ”ฮวงเฟิงมองไปที่ผู้บาดเจ็บและซากศพที่เกลื่อนไปทั่วพื้นและกล่าวว่า: “อืม ฉันไม่ได้ฆ่าคนโดยเจตนาใช่ไหม? ฉันถูกบังคับให้ทำนะ”
ฮวงเฟิงยังคงเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มของไป่เสี่ยวโหรวโดยปกติแล้วเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะฆ่าคนและแต่เดิมเขาไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับคนเหล่านั้นมากนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนดี
ฮวงเฟิงกลัวจริงๆว่าไป่เสี่ยวโหรวจะใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการจับกุมเขา อีกฝ่ายอาจไม่ส่งเขาเข้าคุกจริ ๆ แต่พวกเขาอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ไม่อย่างแน่นอนค่ะ”โชคดีที่ไป่เสี่ยวโหรวไม่ตั้งใจที่จะจับตัวเขา หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่เขาและพูดว่า: “คุณนี่มีความลับมากมายจริงๆ เลยนะ”
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงต้องการที่จะพูดอะไรเธอจึงพูดว่า “ฉันรู้ว่ามันเป็นอาวุธลับ!” หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็มองไปที่ฮวงเฟิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อฮวงเฟิงเมื่อเขาบอกว่าดาบลมนั้นเป็นอาวุธลับ
ฮวงเฟิงยักไหล่ระงับสิ่งที่เขาต้องพูด อีกฝ่ายมีข้อสงสัยบางอย่างในใจอย่างชัดเจนและไม่มีประเด็นที่จะหาข้อแก้ตัว โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาที่จะตั้งคำถามกับเขา
”พวกแกเป็นใครกัน?”ในเวลานี้ถงเฉียนจุ้นซึ่งนอนอยู่บนพื้นกล่าวกับฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรว
แม้ว่าคนของคาวาชิมะจะพูดภาษาจีนได้แต่พวกเขาก็พูดด้วยท่าทางเส็งเคร็ง ในขณะที่ไป่เสี่ยวโหรวพูดภาษาจีนกลาง ถงเฉียนจุ้นจึงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาจากกลุ่มเดียวกับคาวาชิมะซึ่งทำให้เขามีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่มาก ซึ่งถ้าฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวเป็นคนของคาวาชิมะวันนี้เขาก็คงต้องจบชีวิตลง
”คุณถูกจับแล้ว!”ไป่เสี่ยวโหรวบอกถงเฉียนจุ้นถึงสิ่งที่เขาพูดกับคาวาชิมะ เธอมาวันนี้เพื่อดูว่ามีเบาะแสหรือไม่ เพื่อดูว่าเธอจะรู้ได้ไหมว่าการค้ามนุษย์นั้นซ่อนอยู่ที่ไหนและเธอก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวจริงๆ
อย่างไรก็ตามแผนของพวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนเร็วนักพวกเขาไม่ต้องการที่จะเคลื่อนไหวเสียด้วยซ้ำ แต่คาวาชิมะได้หลอกล่อพวกเขามาที่นี่โดยบังเอิญ และคนทั้งสองก็เกือบจะถูกฆ่าตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไหลตามน้ำไป
“นี่แกเป็นคนของผู้หญิงคนที่มาเมื่อวานนี้งั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินคำพูดของไป่เสี่ยวโหรว สีหน้าของถงเฉียนจุ้นก็เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเมื่อคืนมีคนแอบฟังอยู่ในวิลล่าของเขา เขาจึงนึกถึง ไป่เสี่ยวโหรวทันที
”คุณก็ค่อนข้างฉลาดนี่นา”ขณะที่ไป่เสี่ยวโหรวพูด เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออก จากนั้นก็มัดเขาไว้ในขณะที่ฮวงเฟิงหยิบปืนที่อยู่ในมือของพวกเขาขึ้นมา
บทที่ 328 สมาชิก
เมื่อได้ยินคำยืนยันของไป่เสี่ยวโหรวใบหน้าของถงเฉียนจุ้นก็กลายเป็นซีดเผือดในทันที ถ้าฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวเป็นคนอื่นเขาก็ยังสามารถใช้อำนาจของตัวเองเพื่อกำจัดพวกเขาจากเรื่องนี้ได้ แต่ไป่เสี่ยวโหรวเป็นหนึ่งในองค์กรเหล่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะหลบหนีได้
อย่างไรก็ตามถงเฉียนจุ้นก็ยังไม่ยอมแพ้อย่าสิ้นเชิงในใจของเขาถึงแม้ว่าไป่เสี่ยวโหรวจะมาที่นี่เมื่อวานนี้ แต่เธอก็ไม่ได้รับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปมากนักและไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับการลักลอบค้ามนุษย์ สำหรับคนที่ถูกวางยาจนตายที่อยู่ชั้นล่างอย่างน้อย เขาก็สามารถโบ้ยความผิดไปให้พ่อครัวหรือลูกน้องคนอื่นๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ตายก็มาจากญี่ปุ่นและคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกันสิ่งที่พวกเขาทำก็ผิดกฎหมายเช่นกันและด้วยวิธีนี้จึงมีช่องว่างสำหรับการประนีประนอมได้
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าไป๋เสี่ยวโหรวได้จับตามองเขามานานแล้วและเธอก็รู้เรื่องการลักลอบค้ามนุษย์แล้ว
ตำรวจมาถึงเร็วมากแต่บังเอิญว่ามีหลายคนในบรรดาตำรวจทั้งหลายที่รู้จักฮวงเฟิง ครั้งสุดท้ายเมื่อผู้กำกับชิวนำตำรวจมาช่วยลูกสาวของเขา ตำรวจทั้งหลายก็เห็นเขาอยู่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นหลังจากที่คนเหล่านี้เห็นฮวงเฟิงในวันนี้ทัศนคติของพวกเขาจึงค่อนข้างให้เกียรติ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติตัวเพียงผิวเผินอย่างสุภาพเพียงใดแต่พวกเขาก็ยังคงตกใจที่มีคนไม่น้อยกว่าสิบหรือยี่สิบคนในห้องโถงชั้นหนึ่งและสถานการณ์บนชั้นสองก็ยิ่งดูเกินจริง เพราะคนที่ยังไม่ตายก็คงจะพิการทั้งหมด
ฮวงเฟิงคิดว่าไป่เสี่ยวโหรวคงจะต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่างอย่างไรก็ตามเนื่องจากมีที่นี่ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก เธอจะต้องถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างแน่นอน เธอกำลังพิจารณาว่าควรขึ้นไปบอกตำรวจอย่างไรไม่ให้ดูเหลือเชื่อเกินไป
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็พบความกระจ่างอย่างรวดเร็วว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็นเลยหลังจากที่ไป่เสี่ยวโหรวได้ส่งบัตรประจำตัวของเธอให้กับตำรวจคนที่นำทีมมา ทัศนคติของตำรวจเหล่านั้นก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่พาตัวเธอไป แต่พวกเขายังมองเธอด้วยความชื่นชมอีกด้วย
แต่เป็นเพียงเพราะความสัมพันธ์ของเขากับชิวหนิงซวงนั้นแค่ฉาบฉวยอย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงต้องไปที่สถานีตำรวจแต่ไป่เสี่ยวโหรวนั้นไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจ
“เป็นไงบ้าง?อิจฉาฉันไหมล่ะ? ถ้าคุณมาร่วมงานกับพวกเรา คุณก็จะได้รับการยกเว้นเหมือนกันนะ” ไป่เสี่ยวโหรวเป็นเหมือนกับหมาป่าตัวใหญ่ที่พยายามล่อหลอกกระต่ายน้อยฮวงเฟิงอยู่ในตอนนี้
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนี้ไป่เสี่ยวโหรวก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฮวงเฟิงมากขึ้น นอกจากนี้เมื่อทั้งสองคนทำงานร่วมกันการทำงานเป็นทีมของพวกเขาก็ไร้ที่ติซึ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ด้วยผู้ช่วยเช่นนี้ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเธอก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะไม่เห็นสิ่งสุดท้ายที่ฮวงเฟิงโยนออกไปแต่เธอก็เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นระเบิดซึ่งสิ่งนั้นปกติแล้วเขาไม่น่าจะพกมาด้วย แต่ฮวงเฟิงนั้นเป็นแค่ “คนธรรมดา” ซึ่งเขาพกมันมาด้วย
ในช่วงเวลาสั้นร่างกายของฮวงเฟิงนั้นเปล่งรัศมีลึกลับมากมาย
”คุณมีภาระหน้าที่อะไรบ้างที่จะให้ผมเข้าร่วมในองค์กรของคุณ”ฮวงเฟิงขยับเล็กน้อยขณะที่เขาถาม แม้ว่าปกติเขาจะไม่ได้ใช้บัตรประจำตัว แต่การนำมาใช้เพื่อแสร้งทำเอามาโชว์สาวๆ ก็คงจะน่าประใจมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้สิทธิ์นั้นและไม่มีพันธะในการเข้าร่วมองค์กรดังกล่าวเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นภาระหน้าที่นั้นสำคัญกว่าสิทธิ
”ภาระหน้าที่งั้นเหรอ?”แน่นอนสิ! “ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวว่า “เรามีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือการโจมตีผู้คนและสิ่งที่ละเมิดผลประโยชน์ของชาติทั้งในและนอกประเทศ! ”
”มันก็ค่อนข้างจะกว้างอยู่นะ”ฮวงเฟิงกล่าวว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉันต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่ขององค์กรของคุณตลอดเวลาหรือเปล่า?”
”อันที่จริงคุณก็ไม่ต้องไปไหนนะถ้าไม่มีภารกิจอะไร”ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว
”ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เข้าร่วมดีกว่าคุณไม่ได้ตรวจสอบผมงั้นหรือ? ผมมีโรงงานเป็นของตัวเองและผมก็กำลังคิดที่จะหาเงินให้มากขึ้นและหาเมียสักคน” ฮวงเฟิงส่ายหัว เขาไม่สามารถอยู่ในสำนักงานใหญ่นี้ได้ตลอดเวลา
”การรับใช้ชาติสำคัญน้อยกว่าการหาเงินงั้นเหรอ?”ไป่เสี่ยวโหรว กล่าวขณะที่มองไปที่ฮวงเฟิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
”ผมไม่ได้ขัดข้องที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติผมก็รักชาติเช่นกัน แต่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำมาหากินของผมเลย เพราะว่าผมน่ะใฝ่ฝันมาโดยตลอดที่จะเป็นคนที่รวยที่สุดที่นี่” ฮวงเฟิงกล่าว
“คนรวยงั้นเหรอ?”อย่างเขาน่ะเหรอ?” ไป่เสี่ยวโหรวมองไปที่ถงเฉียนจุ้นที่ถูกพาตัวออกไป
“แน่นอนว่าผมไม่ได้ใจร้ายเหมือนเขานอกจากผมจะทำโรงงานเพื่อสร้างรายได้และยังสามารถเพิ่มจำนวนการจ้างงานในประเทศด้วย เป็นก็เป็นคนรักชาติ จริงไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
ไป่เสี่ยวโหรวไม่มีอะไรจะพูดดังนั้นจึงไม่มีปัญหากับสิ่งที่ฮวงเฟิงพูด
”คุณไม่ต้องการที่เข้าร่วมจริงๆงั้นเหรอ”ไป่เสี่ยวโหรวยังคงไม่พอใจอยู่เล็กน้อย“ คุณต้องรู้ว่าคุณมีความลับมากมาย ถ้าคุณไม่เข้าร่วมกับฉันฉันจะบอกหัวหน้าเพราะเขาก็สนใจความลับของคุณอยู่เหมือนกัน”
“ไป่เสี่ยวโหรว!”ฮวงเฟิงตะโกนเสียงดัง: “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง! เราเป็นเพียงสหายร่วมรบ คุณจะทรยศสหายของคุณได้ยังไงกัน ? รู้จักผิดชอบชั่วดีบ้างไหมเนี่ย?”
”ไม่มีทาง!”ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวอย่างเด็ดขาด
ฮวงเฟิงรู้สึกท้อแท้เล็กน้อยเขารู้ว่ามีความลับมากมายในร่างกายของเขา แม้ว่าคนธรรมดาจะต้องการที่จะตรวจสอบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบอะไรได้เลย แต่ถ้ามีใครมองเขาให้ดีๆ ก็ยากที่จะบอกว่าเขาได้เปิดเผยมันหรือไม่ นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่ต้องการใช้เวทมนตร์หรือสิ่งอื่นใดจากกล่องจักรวาลก่อนหน้านี้
“ไป่เสี่ยวโหรวผมอุตส่าห์ช่วยชีวิตคุณไว้จริงไหม? คุณจะตอบแทนความใจดีของผมแบบนี้ไม่ได้นะ” ฮวงเฟิงกล่าว
“นี่คุณกลัวว่าคนอื่นจะรู้ความลับของคุณอย่างนั้นใช่ไหม?มันน่าอายนักเหรอ?” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว
“อย่างน้อยก็ในตอนนี้ผมไม่อยากจะให้มีคนเรื่องนี้เยอะเกินไปเพราะมากคนก็มากความ สำหรับตัวผมแล้ว ผมไม่ชอบปัญหา” ฮวงเฟิงกล่าว
ไป่เสี่ยวโหรวรู้ว่าฮวงเฟิงนั้นพูดถูกถ้าเธอรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปเจ้านายและผู้คนในแผนกของเธอจะต้องสนใจในตัวของฮวงเฟิงอย่างแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึงวันเวลาที่เขาเป็นคนธรรมดาก็จะหมดลง
“เอาล่ะฉันสัญญาแค่ชั่วคราวนะ ฉันจะไม่บอกใครหรอก” ไป่เสี่ยวโหรวคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าวออกมา เธอเองก็สนใจเกี่ยวกับความลับของฮวงเฟิงเป็นอย่างมากแต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วฮวงเฟิงก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรและถ้าความลับเหล่านั้นไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของสังคมดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานเรื่องนี้
“จริงเหรอ?”เยี่ยมไปเลย เดี๋ยวผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อแล้วกันนะ” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความดีใจ
“อย่าเพิ่งรีบดีใจไปถ้าคุณไม่อยากที่จะบอกความลับให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไร แต่มีข้อแม้นะ” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว