กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 345 รถพัง
บทที่ 345 รถพัง
“ครับ!”ฮวงเฟิงตอบพลางเหยียบคันเร่งเพื่อไล่ตามรถคันข้างหน้า
”โธ่เว้ยดูท่าแล้วหมอนั่นกัดเราไม่ปล่อยแน่ แถมมันยังมีเวลาไปรายงานสถานการณ์กับตำรวจอีก” ทหารคนที่ขับรถมองกระจกมองข้างแล้วพูด
ถนนเส้นนี้มีกว้างขวางและโล่งมากดังนั้น การที่จะสลัดฮวงเฟิงให้หลุดจึงเป็นไปได้ยาก จากตำแหน่งของฮวงเฟิง อีกฝ่ายสามารถติดตามพวกเขาได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะหนีไปได้
”เขาต้องเป็นพี่ชายของฉันแน่พวกแกเตรียมตัวโดนจับได้เลย!” แม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคต่อหลี่ปิงอวิ๋นในการเข้าใจที่อีกฝ่ายพูด เนื่องจากเธอไม่ได้อ่อนภาษาอังกฤษ
”หุบปาก!”ทหารที่นั่งอยู่ข้างๆหลี่ปิงอวิ๋นจ้องเขม็งไปทางเธอ ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจนไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรอีก
หลี่ปิงอวิ๋นที่ลืมไปว่าคนข้างๆเธอนั้นหาใช่คนดีไม่ขืนเธอไปยั่วโมโหจนอีกฝ่ายโกรธขึ้นมา คงไม่ดีกับเธอแน่
แต่ถึงอย่างนั้นในใจของเธอกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะอย่างน้อยก็มีคนรู้ว่าเธอหายตัวไป แต่จะใช่พี่ชายของเธออย่างที่เธอคิดจริงๆไหม เธอเองก็ไม่แน่ใจนัก
แม้ว่าเธออยากจะปักใจเชื่อว่าเป็นเขาแต่สมองกลับบอกเธอว่า คนๆนั้นไม่มีทางเป็นพี่ชายของเธอ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียง
”จะเป็นใคร”หลี่ปิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนที่ตามหลังพวกเขามา
”ชนมันเลย!”ขณะที่หลี่ปิงอวิ๋นกำลังคิดว่าคนๆนั้นคือใคร ทหารคนที่ข้างๆเธอก็พูดกับคนที่ขับรถด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!พวกแกจะทำอย่างนั้นไม่ได้!” หลี่ปิงอวิ๋นลืมความกลัวไปชั่วขณะ ตวาดลั่น
หากคนที่ขับรถตามหลังมาต้องถูกทำร้ายจนเสียชีวิตก็อย่าหวังว่าเธอจะรอดจากเงื้อมมือของสองคนนี้ไปได้เลย
ซ้ำร้ายนอกจากเธอจะไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว อีกฝ่ายจะต้องมาตายพราะเขาต้องการช่วยเธอ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ทำให้หลี่ปิงอวิ๋นรู้สึกผิดจากใจ เพราะเธอไม่ต้องการเห็นใครต้องจบชีวิตเพราะเธอเลย
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรเพื่อยั่วโมโหอีกฝ่ายทหารที่นั่งอยู่ถัดจากเธอก็ชิงปิดปากของเธอ ไม่ให้เธอพูดอะไรออกมาได้อีก
ส่วนทหารคนที่ขับรถอยู่ด้านหน้านั้นเขากลับไม่ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าฮวงเฟิงเพียงเพราะคำขู่จากหลี่ปิงอวิ๋น
เหตุการณ์ที่หลี่ปิงอวิ๋นเห็นตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาจู่ๆรถคันที่เธอนั่งอยู่ก็ชะลอความเร็ว ทำให้ฮวงเฟิงที่ไล่ตามหลังมาติดๆไม่ทันสังเกตุเห็นความผิดปกติ จึงกลับใช้โอกาสนี้เข้าประชิดตัวอีกฝ่าย
ปัง!
ก่อนที่ฮวงเฟิงจะรู้สึกตัวเขาก็เห็นรถคันดังกล่าวพุ่งชนเขาอย่างจัง ฮวงเฟิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกชนจนเสียหลัก
“เกิดอะไรขึ้น?”ไป๋เสี่ยวโหลวที่อยู่ปลายสาย ได้ยินเสียงที่ฟังดูโกลาหนจากโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน
”พวกมันชนรถผม!”ฮวงเฟิงตอบขณะที่พยายามควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ชนเขาเพียงครั้งเดียว แต่ยังขับรถเบียดเขาโดยไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้…..Aileen-novel
แม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้วิธีขับรถและครอบครองใบขับขี่มาหลายปีแต่ทักษะการขับรถของเขาก็ยังไม่ถึงขั้นชำนาญ เขาอาจทำหน้าที่เป็นคนขับรถได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้
ฮวงเฟิงอยากจะสู้กับอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดเขาไม่ชอบเล่นกับความอันตรายบนท้องถนนเลยสักนิด หากเทียบกันแล้ว ทักษะการขับรถของเขายังด้อยกว่าพลังหมัดของเขาซะอีก
”ตั้งสติพยายามขับหลบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทักษะการขับรถของฮวงเฟิงนั้นดีแค่ไหน แต่ฟังจากเสียงก็รู้แล้วว่า ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าเขาควรจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร
เมื่อได้ยินคำแนะนำจากไป๋เสี่ยวโหลวมุมปากของฮวงเฟิงก็กระตุกยิ้มแห้งๆ เขาอยากหนีจากอีกฝ่ายใจจะขาด แต่อีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยให้เขาได้โอกาส เหมือนกับสิงโตที่กำลังเขมือบเหยื่อของมัน
ฮวงเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดรถเขาไม่ต้องการแข่งกับอีกฝ่ายแล้ว หากเขายังขับรถแข่งกับอีกฝ่ายอีก ก็คงไม่ต่างจากการเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาอยู่ขอบถนน ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังจะหยุดรถ อีกฝ่ายก็พุ่งมาชนจนรถของเขาชนเข้ากับรั้ว!
แค่กแค่ก แค่ก!
แขนของฮวงเฟิงได้รับบาดเจ็บและหน้าผากเลือดไหลก่อนหน้านี้เขาเคยเผชิญหน้ากับอันตรายมาหลายครั้ง แต่กลับไม่มีครั้งไหนรุนแรงเท่ากับครั้งนี้ ใครจะไปคิดว่าวันนี้ เขาจะถูกรถชนกันเล่า!
ยังดีที่ฮวงเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นสาหัสและหลังจากไอออกมาสองสามครั้ง เขาก็พยายามปีนออกมาจากรถ
”ฮวงเฟิง!ฮวงเฟิง! นายเป็นอะไรไหม?” แสดงว่าโทรศัพท์ของฮวงเฟิงยังใช้ได้ปกติ อย่างน้อยเขาโดนเข้าขนาดนี้ โทรศัพย์ก็ยังไม่พัง
”แค่ก..แค่กผมไม่เป็นไรแต่ว่ารถผมพังแล้ว…”
”ค่อยยังชั่วที่นายไม่เป็นอะไร…”ไป๋เสี่ยวโหลวถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น รถของหวงเฟิงได้รับความเสียหาย แล้วอย่างนี้ เขาจะไล่ตามคนเหล่านั้นต่อได้อย่างไร?
“นายค่อยหารถตามข้างทางแล้วค่อยตามพวกเขาไปก็แล้วกัน”ไป๋เสี่ยวโหลวกล่าว แต่ในใจ เธอกลับหมดหวัง เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮวงเฟิงจะต้องรออีกนานแค่ไหน ถึงจะมีรถสักคันขับผ่านมา
”ถ้าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ก็รอตรงนั้น อีกไม่นาน พวกตำรวจก็คงไปถึงที่เกิดเหตุ” ไป๋เสี่ยวโหลวพูดเสริม แต่เธอไม่ได้ไว้ใจพวกตำรวจเท่าไหร่นัก ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่
”ไม่เป็นไรครับผมมีวิธีไล่ตามพวกเขาให้ทัน แต่ตอนนี้ ผมไม่สะดวกคุยโทรศัพท์เท่าไหร่ ผมขอวางสายก่อนนะครับ” ฮวงเฟิงตอบ จากนั้นก็วางสายทันที
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของฮวงเฟิงคือผ้าคลุมกันลมที่เขาเพิ่งได้มาผ้าคลุมกันลมนี้เป็นของวิเศษที่ช่วยให้เขาบินได้
แต่การที่จะโทรคุยกับอีกฝ่ายควบคู่ไปด้วยคงจะไม่สะดวกเท่าไหร่เพราะระหว่างที่เขาบินอยู่กลางอากาศ เสียงที่อีกฝ่ายจะได้ยินคงจะมีแต่เสียงลม ฮวงเฟิงเลยไม่อยากให้ไป๋เสี่ยวโหลวสงสัยในตัวเขา
อีกด้านหนึ่งไป๋เสี่ยวโหลวพยายามโทรกลับเพียงไม่กี่สายก็ถอดใจไปทันที ที่พบว่าฮวงเฟิงตัดสายไปแล้ว ไม่โทรกลับมา
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าที่ฮวงเฟิงพูดหมายถึงอะไรแต่หลังจากคิดไปสักพัก เธอก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีความลับมากมายที่เธอไม่รู้ บางทีอีกฝ่ายอาจจะใช้วิธีบางอย่างที่เธอคิดไม่ถึงอยู่ก็ได้
ในตอนนี้ไป๋เสี่ยวโหลวทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ฮวงเฟิงเท่านั้น กำลังเสริมที่เธอส่งไปอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุมาก หากฮวงเฟิงคลาดกับศัตรู กำลังเสริมที่เธอส่งไปก็ไม่มีทางตามพวกมันทันเหมือนกัน
”รถมันพังแล้ว!”ในตอนที่ทหารที่ขับรถด้านหน้าเห็นรถของฮวงเฟิงชนกำแพง เขาก็พูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย เขาคิดไม่ถึงว่าทักษะการขับรถของฮวงเฟิงจะอ่อนหัดขนาดนี้ อะไรกัน ไอ้หมอนี่ถูกจัดการง่ายโคตร!
”ฮ่าฮ่าฮ่ามันจบเห่แล้ว!” ทหารอีกคนพูดเสริม