กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 362 คนคุ้นเคย
ในช่วงบ่ายฮวงเฟิงอยู่ในห้องทำงานแต่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เขาหยิบม้วนคัมภีร์เคล็ดวิชาลมปราณภูตอุดรออกมาและจากนั้นก็เริ่มศึกษาแผนภาพที่เหลือต่อโดยหวังว่าจะสามารถจดจำได้ทั้งหมด
ตอนนี้ฮวงเฟิงมีห้องทำงานเป็นของตนเองแล้วดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาพบเห็นเขาว่ากำลังดูแผนภาพบางอย่างอยู่
ในเวลาไม่ถึงครึ่งวันเขาก็สามารถศึกษาแผนภาพไปแล้วมากกว่าครึ่งโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเคล็ดวิชาท่าเท้าท่องคลื่นแต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังออกมาไม่ดีนัก เนื่องจากเพียงแค่เห็นรอยเท้าและลายเส้นมากมายจนทำให้เขาถึงกับรู้สึกปวดหัว
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงทำได้เพียงค่อย ๆ ศึกษามันไปอย่างช้า ๆ ซึ่งการเรียนเคล็ดวิชานี้ถ้าให้เทียบกับวิชาลมปราณภูตอุดรนั้นถือว่าช้ากว่ามาก
ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังง่วนอยู่กับการฝึกเคล็ดวิชาท่าเท้าท่องคลื่นเครื่องบินของหลี่ปิงอวิ้นก็ได้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางและลงจอดสู่พื้นดินเรียบร้อยแล้วซึ่งจุดหมายปลายทางที่ว่านั้นคือ เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน
เฉิงตูเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนและยังเป็นศูนย์กลางของทั้งเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
แต่อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ต่างรู้กันว่ามีกองทัพประจำการอยู่ที่นี่แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือในพื้นที่ที่ห่างไกลจากเฉิงตูไปอีกยังมีหน่วยรบพิเศษอยู่ด้วยแม้ว่าจำนวนหน่อยรบพิเศษจะไม่มากนักแต่พละกำลังและทักษะในการต่อสู้ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่เพียงแต่จะทำภารกิจต่าง ๆ ภายในประเทศสำเร็จเท่านั้น แต่พวกเขายังเดินทางไปต่างปรเทศอยู่หลายครั้งและในแต่ละครั้งพวกเขาก็ไม่เคยทำภารกิจไม่สำเร็จ
ทันทีที่หลี่ปิงอวิ้นลงจากเครื่องบินเขาก็พบกับพี่ชายของเขาและนั้นก็ทำให้เขารีบวิ่งไปหาอย่างไม่ทันคิดโดยทันที โชคดีที่เขาเดินออกมาทางประตูVIP มิเช่นนั้นเขาคงต้องมาคอยกังวลว่าจะถูกพวกปาปารัสซี่เห็นหรือไม่ อีกทั้งใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้หากข่าวการมาของเขาได้แพร่ออกไป
“พี่ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” มือข้างหนึ่งของหลี่ปิงอวิ้นโอบไปที่เอวของพี่ชาย ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นควงแขน ส่วนผู้ช่วยของเธอที่เดินตามอยู่ข้างหลังตอนนี้มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง ส่วนอีกข้างก็ลากกระเป๋าเดินทางอีกใบของเธอ แต่ในขณะกำลังเดินอยู่ ๆ เธอกลับหยุดเพื่อบ่งบอกว่าไม่ต้องการให้ใครมารบกวนและขอความเป็นส่วนตัวให้กับสองคนพี่น้อง
“ก็พี่เป็นห่วงน้องสาวของพี่หนิ แน่นอนว่ายังไงพี่ก็ต้องมา” หลี่เหวยหมินค่อยๆ บรรจงลูบไล้ไปที่เส้นผมของหลี่ปิงอวิ้นขณะพูด
แต่แล้วเขาก็ถามต่อว่า”น้องสบายดีใช่ไหม? พ่อรู้เรื่องนั้นแล้วนะ ต่อไปถ้าน้องจะไปไหนต้องพาคนของเราไปด้วย อ่อ แล้วก็ไม่ต้องกังวลเพราะคนพวกนั้นจะปกป้องน้องจากในเงามืดและไม่ส่งผลกระทบให้กับน้องแน่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลี่เหวยหมินก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในจังหวัดเจียงหากไม่ใช่เพราะคนจากหน่วยงานความั่นคงแห่งชาติคงจะไม่สารถช่วยน้องสาวคนเล็กเขาเอาไว้ได้เนื่องจากอีกฝ่ายก็ค่อนข้างมีอิทธิพลและความสามารถพอสมควร และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้องสาวของเขาถึงสามารถรอดมาถึงทุกวันนี้ได้…Aileen-novel
เมื่อนึกถึงกองทหารรับจ้างญี่ปุ่นร่องรอยของความแค้นที่พวกมันพยายามจะฆ่าน้องสาวของเขายังไม่เลือนหายไปจากใจของหลี่เหวยหมิน เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะอาจหาญมากมากจนถึงกับแฝงตัวมาอยู่กับเมืองจีนเพื่อมาแก้แค้นและยังสืบหาเรื่องของน้องสาวเขาตัวตนเองอีก ครั้งนี้ถือว่าเขาประมาทเกินไปและความประมาทของเขาก็เกือบทำให้น้องสาวเขาต้องเสียชีวิต
”อ่าพ่อรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” หลี่ปิงอวิ้นกล่าวอย่างประหลาดใจ เดิมทีพ่อของเธอไม่เห็นด้วยกับการที่เธอเลือกใช้ชีวิตบนเส้นทางนี้ตั้งแต่แรก แต่ด้วยความเพียรของเธอสุดท้ายพ่อก็ต้องปล่อย อีกอย่างพ่อก็อยากจะเอาใจใส่เธอให้มากขึ้นด้วยจึงไม่มีทางเลือกอื่น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น พ่อจะต้องยกประเด็นขึ้นมาพูดอกอย่างแน่นอน
”ใช่แล้วพ่อโกรธมาก ๆ เลยนะ น้องควรคิดไว้ด้วยนะว่าจะทำให้พ่ออารมณ์ดีได้ยังไงตอนที่น้องกลับไป” หลี่เหวยมิน กล่าวกับน้องสาวของเขา
“ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักหน่อยเรื่องเล็กน้อยเอง!”หลี่ปิงอวิ๋นกล่าวอย่างทะนง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวเธอสามารถปล่อยว่างและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นคนเย็นชาและดูเก็บตัวอย่างที่คนอื่นเห็นและแน่นอนว่าฮวงเฟิงเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เธอไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ด้วย
ในขณะที่พี่น้องกำลังคุยกันหลี่เหวยหมินได้ถามรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ โดยปกติหลี่ปิงอวิ๋นไม่ได้เป็นคนที่ต้องปกปิดอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงได้กล่าวฮวงเฟิงอย่างออกหน้าออกตาอยู่ไม่น้อยนระหว่างที่เธออธิบาย แน่นอนว่าเธอรู้สึกว่าสิ่งที่เธอกล่าวไปนั้นไม่ได้เกินจริงเลยแถมยังรู้สึกอีกว่าสิ่งที่พูดไปยังไม่เท่าที่เธอรู้สึกเลย แต่ในทางกลับกันเธอกลับไม่กล้าเผยความรู้สึกแบบนี้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าฮวงเฟิง
”คนที่น้องพูดถึงอยู่ตอนนี้เขาเป็นรปภ. ใช่ไหม ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากจะเจอเขาเหมือนกันนะ” หลี่เหวยหมินกล่าว
”อืมพี่มีโอกาสได้เจอแน่” หลี่ปิงอวิ๋นกล่าว
เมื่อหลี่ปิงอวิ๋นกลับมาถึงบ้านทางด้านกองทัพรับจ้างญี่ปุ่นที่อยู่ไกลออกไปจากบ้านของเธอได้รับรู้ข่าวเรื่องการตายของคนฝ่ายตนแล้วและที่พวกเขารู้ข่าวนี้ได้ก็เนื่องจากพวกเขาต่อติดกันมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายขาดการติดต่อไปเป็นเวลานานนั่นจึงทำให้พวกเขารู้ว่า คนของฝ่ายตนกำลังเดือดร้อน เป็นเพราะหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ หลี่เหวยหมินและคนอื่น ๆ พยายามที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ฝ่ายกองทหารรับจ้างญี่ปุ่นจึงไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนฝ่ายตนกันแน่และที่สำคัญคือไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำเช่นนี้กับพวกเขา
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดแต่คงมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถสร้างปัญหาให้กับหลี่เหวยหมินได้ เช่นนั้นเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหลี่เหวยหมินแน่นอน ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนในกองทัพรับจ้างญี่ปุ่นไม่ยินดีกับการสูญเสียในครั้งนี้นัก พวกเขาจึงวางแผนเข้าประเทศจีนอีกครั้งเพื่อไปเอาคืนให้กับพวกพ้องและแก้แค้นหลี่เหวยหมิน
เมื่อฮวงเฟิงเลิกงานเขาได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้ประหลาดใจได้เล็กน้อยซึ่งปลายสายนั้นก็คือ เทียนจุน ที่ได้ไม่ติดต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว ฮวงเฟิงเคยพบกับเขาที่บาร์แห่งหนึ่งซึ่งในตอนนี้เขาดูแตกต่างออกไปจากครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอ เวลานี้เทียนจุนยากจนเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจทิ้งพี่เปียวเพื่อเอาชีวิตรอดมาดูแลน้องสาวของเขาและตอนนี้พี่เปียวก็ได้ตายไปแล้วด้วย ฮวงเฟิงจึงช่วยเขาหาที่อยู่ให้ใหม่
ออร่าสังหารที่ออกมาจากตัวเทียนจุนทำให้ฮวงเฟิงถึงกับต้องขมวดคิ้วเพราะถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปเขาคงไม่สามารถสัมผัสออร่าเช่นนี้ได้แต่อย่างไรเสียฮวงเฟิงเองก็เคยฆ่าคนมาก่อนเพราะเขาเองก็เคยอยู่ในสนามรบมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไวต่อออร่าประเภทนี้มาก
”คุณอยู่ที่นี่เหรอ?”ฮวงเฟิงกล่าวขณะเดินเข้าไปหาเทียนจุน จากเทียนจุนก็หันไปพยักหน้าบอกบาร์เทรเดอร์ว่า
”ขอไวน์ให้เขาหนึ่งแก้ว”
“ได้ครับ พี่ทหาร” บาร์เทนเดอร์รีบพยักหน้าทันทีซึ่งบ่งบอกว่าเขาเองก็จำเทียนจุนได้
“พี่ทหาร?” “ ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะทำได้ดีทีเดียว” ฮวงเฟิงรู้สึกได้ถึงความกลัวของบาร์เทนเดอร์ที่มีต่อเทียนจุน ฮวงเฟิงรู้ดีว่าตอนนี้คงต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเทียนจุนแน่ มิเช่นนั้นเขาคงไม่มีรังสีเช่นนี้ อีกทั้งคนรอบข้างก็คงไม่ปฏิบัติกับเขาอย่างที่เป็นเหมือนตอนนี้