กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 364 เทียนหลิน
ความจริงฮวงเฟิงยังคงต้องการใช้ประโยชน์จากเทียนจุนแม้ว่าเขาจะเปรียบเหมือนคนที่ไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่แต่ยังไงเขาก็เข้าใจเทียนจุนอยู่ดีและอีกอย่างเทียนจุนไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เป็นนักเลง แม้ว่าบางครั้งเขาจะทำในสิ่งที่ตำรวจไม่ค่อยชอบก็ตามแต่เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว เขาก็ยังถือว่าดีกว่า
สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับฮวงเฟิงที่จะมานั่งคิดถึงเรื่องนี้แถมในตอนนี้ยังไม่สามารถตัดสินจากสิ่งเหล่านี้ได้ในวงการอุตสาหกรรมนี้เทียนจุนถือว่ายังเป็นมือใหม่โดยอำนาจและความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ถือว่ามีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เข้าจะยังไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ
ครั้งล่าสุดที่บริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปต้องเจอกับการรุกรานของกลุ่มพวกนักเลงในตอนนั้นคนพวกนั้นก็เข้ามาปรากฏตัวในฐานะของพวกอันธพาลอย่างเปิดเผยอีกด้วย หากเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้สามารถให้เทียนจุนเข้ามาจัดการจนไม่ต้องถึงมือเขาและแม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เทียนจุนเจอกับปัญหาตามมามากมายก็ตาม
ในอนาคตจะต้องมีอุตสาหกรรมอื่นๆเพิ่มขึ้นมาแน่หากเขายังคงประมาทนักเลงพวกนั้นอาจเขามาไถ่ค่าคุ้มครองไปแน่ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถคุ้มครองโรงงานให้ปลอดภัยจากอันธพาลพวกนั้นได้ช่วงหนึ่งก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ความว่าจะปลอดภัยตลอดไป
เช่นนั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าให้คนที่เป็นมืออาชีพอย่างเทียนจุนเข้ามาช่วยจัดการในเรื่องนี้ซึ่งเมื่อมองมุมนี้ฮวงเฟิงจึงคาดหวังว่าลูกน้องของเทียนจุนจะแข็งแกร่งขึ้นมาด้วย
เดิมทีฮวงเฟิงตั้งใจที่จะช่วยเทียนจุนอยู่แล้วแต่สถานะในปัจจุบันตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อนดังนั้นจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก โชคยังดีที่ในใจของเทียนจุนก็เห็นว่าฮวงเฟิงเองเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่มีทักษะบางอย่างเท่านั้น อีกทั้งเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขาด้วย
”น้องสาวของฉันคงอยากมาขอบคุณนายด้วยตัวเองแน่”เมื่อทั้งสองคนดื่มไวน์จนเกือบหมดแล้ว เทียนจุนก็พูดกับฮวงเฟิง
ครั้งสุดท้ายที่ฮวงเฟิงและเทียนจุนไปช่วยเทียนหลินกันอย่างร้อนรน ต่อมาเทียนหลินต้องการแสดงความขอบคุณต่อฮวงเฟิงด้วยตัวเองและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เทียนจุนเรียกเขามาหา
ฮวงเฟิงไม่ได้ปฏิเสธคำเชื้อเชิญจากเทียนจุนเช่นนั้นหลังจากที่พวกเขาทั้งสองออกจากบาร์จึงมุ่งตรงไปยังบ้านใหม่ของเทียนจุน
หลังจากที่เก็บกวาดห้องไปบางส่วนเทียนจุนก็พาน้องสาวของเขาย้ายจากบ้านเดิมมายังบ้านหลังใหม่ซึ่งบ้านหลังเดิมค่อนข้างมีขนาดเล็ก สภาพทรุดโทรมและสภาพแวดล้อมก็ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งแสงแดดยังเข้าไม่ค่อยถึงอีกด้วย ส่วนเทียนหลินเองก็คิดว่าบ้านเดิมดูไม่ค่อยสะดวกนักและเห็นได้ชัดอีกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างไม่เหมาะกับการพักอาศัยเสียเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อฮวงเฟิงมาถึงที่พักใหม่ของสองพี่น้องเทียนจุนเขาก็ตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้ดีกว่าสถานที่เดิมที่พวกเขาพักอยู่ก่อนหน้านั้นแน่นอนแต่ยังไงก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่อยู่บ้าน โดยบ้านหลังนี้มีอยู่สองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนักซึ่งไม่ได้ใหญ่เท่ากับที่บ้านที่ฮวงเฟิงอยู่
ซึ่งนั้นก็ไม่น่าแปลกอะไรในเมื่อเขาเป็นพ่อค้าที่ทำรายได้ได้อย่างมหาศาลแต่มันจะแปลกถ้าหากเขาทำเงินมากมายได้เช่นนี้แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะติดตามเขายิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องเลี้ยงดูลูกน้องอีกเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
“มันคงดูแย่กว่าของนายสินะ” เทียนจุนกล่าวกับฮวงเฟิง เขาเคยเห็นบ้านของฮวงเฟิงมาก่อน ดังนั้นจึงย่อมรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เพื่อต้องการให้น้องเขาเข้ามาอยู่ในเขตของฮวงเฟิงเขาจึงยังไม่สามารถแสดงออกอะไรต่อหน้าเขาได้มากนัก
“พี่ชาย?” มีแขกมาเหรอคะ? “เสียงของเทียนหลินดังขึ้น…ไอลีนโนเวล
”อื้มเป็นฮวงเฟิงคนที่ไปช่วยน้องครั้งที่แล้วไง ไม่ใช่ว่าน้องอยากจะขอบคุณเขามาตลอดหรอกหรือ? พี่เลยมาเขามาวันนี้ไง” เทียนจุนพาฮวงเฟิงไปที่ห้องนั่งเล่นและกล่าวกับเทียนหลินโดยที่ตอนนี้เธอกำลังนั่งฟังวิทยุอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบชอบทำที่สุดอีกด้วย
”จริงเหรอคะ?”หลังจากที่เทียนหลินได้ยินคำพูดของผู้เป็นพี่ชาย เธอก็ลุกขึ้นยืนจากรถเข็นด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ “ พี่ใหญ่ฮวง นั่นพี่จริง ๆ หรือคะ? ครั้งที่แล้วขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
”ระวัง”เทียนจุนก้าวไปหาเพื่อประคองเธอในทันที
”ยินดีครับจริง ๆ พี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก” ในเวลานั้นทักษะของเขายังไม่ถือว่าแข็งแกร่งและส่วนใหญ่ก็เป็นเทียนจุนที่ช่วย
“หนูไม่ได้ทำเพียงเพื่อตัวเองแต่หนูทำเพื่อพี่ชายของหนูด้วยขอบคุณที่มาทำงานช่วยพี่ชายของหนูนะคะ” เทียนหลินกล่าวว่า “เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
เทียนหลินต้องการที่จะรินน้ำให้ฮวงเฟิงด้วยตนเองเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นเทียนจุนพูดกับฮวงเฟิงออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
”ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรฉันเลยบอกไปว่าฉันทำงานอยู่กับนาย นายเป็นเหมือนเถ้าแก่น้อย”
ฮวงเฟิงพยักหน้าและกล่าวเสียงเบาว่า:”นายไม่ได้โกหกอะไรน้องสาวหรอก เพราะฉันก็เป็นเถ้าแก่น้อยจริง ๆ”
เทียนจุนไม่ทราบเกี่ยวภูมิหลังที่แน่ชัดของฮวงเฟิงมาก่อนเขารู้เพียงว่าฮวงเฟิงเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดกับน้องสาวไปนั้นล้วนมาจากคำแนะนำจากฮวงเฟิงทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ได้คาดหวงตัวตนของฮวงเฟิงว่าจะเป็นเถ้าแก่หน้อยที่น้องสาวเขาพูดถึงอยู่แล้ว
แม้ว่าดวงตาของเทียนจุนจะมองไม่เห็นแต่ความจำของเธอนั้นดีเป็นอย่างมากเพียงใช้เวลาไม่กี่วันเธอก็สามารถเข้าใจและรับรู้ถึงตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งของบ้านได้ทั้งหมด
“พี่ใหญ่ฮวง ดื่มนี่สิคะ”
”ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง” ฮวงเฟิงรีบหยิบถ้วยทันที
“พี่ใหญ่ฮวง หนูเป็นคนขอให้พี่ชายโทรหาพี่ให้มาทานอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณเองค่ะ ถึงพี่ชายจะพูดว่าพี่ใหญ่ฮวงจะไม่ค่อยมีเวลาก็ตามและก็ไม่ง่ายเลยที่จะพาพี่ใหญ่มาในวันนี้ คงไม่สายไปใช่ไหมคะที่หนูเพิ่งจะมาแสดงความขอบคุณเอาตอนนี้” เทียนหลิน กล่าว
”ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองกับพี่มากก็ได้ยังไงพี่ชายของเธอก็เป็นเพื่อนของพี่ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วที่เราจะช่วยเหลือกัน” ฮวงเฟิงกล่าว
หลังจากนั้นณ ห้องนั่งเล็กขนาดเล็กทั้งสามคนก็เริ่มพูดคุยกัน แน่นอนว่าหัวข้อส่วนใหญ่เป็นสิ่งเทียนหลินเคยพูดกับฮวงเฟิงมาก่อนและเทียนจุนก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาแล้วและอีกอย่างที่พวกเขาทั้งสองพูดก็คือกล่าวขอบคุณฮวงเฟิง ตอนนี้ฮวงเฟิงตระหนักได้ว่าแม้ว่าเทียนหลินจะมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินได้แต่ทัศนคติและความคิดของเธอนั้นดีเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงเวลาที่ฮวงเฟิงจะต้องกล่าวลาพวกเขาทั้งสองเทียนหลินได้กล่าวชวนเขาให้มาทานข้าวและมาเล่นที่บ้านบ่อย ๆ ซึ่งฮวงเฟิงก็ได้ให้สัญญาไว้ด้วย
“ขากับตาของน้องเป็นยังไงบ้าง” เทียนจุนถามเทียนหลิน เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกลับไปแล้ว
“ไม่รู้สิ” เมื่อพูดถึงอาการป่วยของน้องสาว ใบหน้าของเทียนจุนก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย: “พวกเราก็ไปโรงพยาบาลมาตั้งหลายที่แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลที่ไหนเลยที่สามารถหาคำตอบเรื่องอาการป่วยของน้องได้เลย แต่ยังไงพี่ไม่มีทางยอมแพ้แน่ ถ้าพี่มีเงินเมื่อไหร่พี่จะพาเธอไปรักษาให้ได้ ถ้ารักษาในประเทศเราไม่ได้เราก็ไปต่างประเทศ พี่เชื่อว่ายังมีโรงพยาบาลอื่นที่นั่นที่สามารถรักษาโรคของเธอได้”
นี่เป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาในการหาเงินตอนนี้เขาต้องการะหาเงินให้ได้เพียงพอที่จะสามารถรักษาอาการป่วยของน้องสาวเขาได้ ซึ่งเทียนจุนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนย่อมรู้ดีว่าค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ไม่ใช้เรื่องน้อย ๆ เลย