กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 370 หมดสิ้น
“ฮวงเฟิงนี่คุณกำลังทำอะไรอยู่? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมลมปราณของฉันถึงได้ถูกสูบไป?” ไป่เสี่ยวโหรววิตกกังวลจนแทบจะร้องไห้ เพราะเธอได้ฝึกฝนและรวบรวมกำลังภายในมาเป็นเวลาหลายปีด้วยความยากลำบาก แต่เธอรู้สึกว่าเหมือนมีแรงแม่เหล็กในตัวของฮวงเฟิงและกำลังสูบมันไป
ไป่เสี่ยวโหรรู้สึกได้ว่าลมปราณของเธอกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องเธอพยายามลองมาแล้วหลายวิธีแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้เลยและยิ่งลดลงอย่างฮวบฮาบ
ไป่เสี่ยวโหรวรู้สึกได้ว่านี่เป็นเพราะผลลัพท์จากร่างกายของฮวงเฟิงดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างในร่างกายของเขาที่ดึดดูดลมปราณภายในตัวเธอและมันก็สูบลมปราณของเธอไปอย่างต่อเนื่อง และเธอยังรู้สึกได้อีกว่าลมปราณภายในตัวของฮวงเฟิงนั้นกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆแล้วหากว่าสมาชิกในทีมของเธอแข็งแกร่งขึ้นไป่เสี่ยวโหรวก็น่าจะที่จะยินดี แต่ในตอนนี้เธอกลับยิ้มไม่ออกเพราะว่ากำลังภายในที่เพิ่มขึ้นในตัวของฮวงเฟิงนั้นดูดซับมาจากร่างกายของเธอ
ไป่เสี่ยวโหรวพยายามที่จะปลุกฮวงเฟิงให้ตื่นขึ้นแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไรเขาก็ไม่ตื่นเลย ดวงตาของฮวงเฟิงนั้นยังคงปิดแน่นราวกับว่าเขากำลังหลับสนิท
ในเวลานี้สติสัมปัชชัญญะของฮวงเฟิงนั้นยังไม่ตื่นเต็มที่เขาไม่รู้ว่าได้มีพลังงานสองสามประเภทในร่างกายของเขาได้ถูกหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แล้ว
พลังงานชนิดใหม่ที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของฮวงเฟิงนั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการหลอมรวมแต่ยังมีความสามารถในการหลอมรวมที่แข็งแกร่ง เพียงเพราะว่าฮวงเฟิงไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกมันได้แสดงพลังมาก่อน แต่ในวันนี้หลังจากฝึกฝนลมปราณภูตอุดรแล้ว มันก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นพลังงานรูปแบบใหม่ก่อนที่จะเริ่มแสดงพลังของมัน
ในตอนแรกพลังงานนี้ไม่สามารถหลอมรวมกับคู่ต่อสู้ของเขาได้เนื่องจากปริมาณอย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ของเขาคือ ลมปราณภูตอุดรที่มีชื่อเสียง แต่หลังจากที่ได้จนมุมไปแล้วพลังงานดั้งเดิมก็ยังคงได้รับชัยชนะ มันสามารถที่จะเอาชนะลมปราณภูตอุดรได้อย่างสมบูรณ์ หลอมรวมเข้ากับมัน และยังได้ความสามารถในการต่อสู้ของคู่ต่อสู้มาอีกด้วย..Aileen-novel
เพียงเพราะว่าลมปราณภูตอุดรนั้นแตกต่างจากศาสตร์เป่ยหมิงธรรมดาหลังจากที่ได้ดูดซับพลังลมปราณของคนอื่นเข้าไปแล้วมันก็จะเปลี่ยนเป็นลมปราณเป่ยหมิงเจิ้นภายในร่างกาย แต่พลังงานนี้จะถูกหลอมรวมกับลมปราณภูตอุดรและจะเปลี่ยนกำลังภายในของคนอื่นให้เป็นพลังงานแบบเดียวกับตัวมันเองไม่ใช่ลมปราณเป่ยหมิงเจิ้น อย่างไรก็ตามพลังของพลังงานนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลมปราณเป่ยหมิงเจิ้นเลยและอาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าพลังงานนี้จะสามารถดูดซับลมปราณของคนอื่นได้แต่มันก็จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อฮวงเฟิงนั้นเปิดใช้งานด้วยตัวของเขาเองแต่เพราะว่ามันเพิ่งจะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังงานนี้จึงค่อนข้างที่จะบ้าดีเดือดและควบคุมได้ยาก ประกอบกับที่สติสัมปัชชัญญะของฮวงเฟิงยังไม่เข้าที่เข้าทาง เขาจึงไม่มีทางที่จะควบคุมมันได้ ดังนั้นเมื่อไป่เสี่ยวโหรวมาพบกับฮวงเฟิงเข้าเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้จึงได้เกิดขึ้น
ไป่เสี่ยวโหรวถูกฮวงเฟิงดูดซับพลังไปเช่นนั้นจนกระทั่งพลังลมปราณในร่างกายของเธอหมดไป จากนั้นเธอก็สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้งและในเวลานี้เธอก็ได้ปล่อยมือของเธอจากร่างของฮวงเฟิงแล้ว
อย่างไรก็ตามไป่เสี่ยวโหรวดูเหมือนจะกลายเป็นบ้าไปเสียแล้วเธอนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างๆ ฮวงเฟิงด้วยสายตาที่เหม่อลอย เพราะเธอรู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างกายของเธอนั้นว่างเปล่า ไม่มีพลังหลงเหลืออยู่ศูนย์รวมกำลังภายในของเธออีกต่อไปแล้ว พลังลมปราณที่เธอฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้หายไปจนหมดเสียอย่างนั้น และจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้
แต่หลังจากที่พลังงานในร่างกายของฮวงเฟิงได้ดูดซับกำลังภายในของไป่เสี่ยวโหรวไปจนหมดแล้วในที่สุดมันก็สงบลงและกลับคืนสู่สภาพเดิม มันยังคงไหลเวียนไปตามเส้นทางเดิม แต่หลังจากที่ต้องพบกับความทรมานอยู่ชั่วครู่เส้นลมปราณในร่างกายของฮวงเฟิงก็กว้างขึ้นอย่างมากทำให้เขาสามารถกักเก็บกำลังภายในได้มากขึ้น
ฉะนั้นแล้วถ้าเขารออีกสักสองสามวันเส้นลมปราณที่ขยายออกอีกครั้งจะค่อยๆแคบลงหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองวันแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ามันจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ แต่มันก็เอื้อประโยชน์ให้เขาน้อยกว่าเพราะเขาต้องทนเจ็บเส้นเลือด
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่ผ่านพ้นอุปสรรคตอนนี้ไปได้ไม่เพียงแต่ฮวงเฟิงจะไม่สูญเสียอะไรนอกจากที่ต้องเจ็บปวดนิดหน่อย แต่เขายังได้รับประโยชน์เสียมากกว่า เส้นลมปราณของเขานั้นขยายใหญ่ขึ้นและความเร็วในการฝึกตนของเขาก็จะเร็วมากยิ่งขึ้นในอนาคต
แน่นอนว่าคนที่ได้รับความเจ็บปวดและสูญเสียในครั้งนี้ก็คือไป่เสี่ยวโหรวเธอไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่ในร่างกายเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าเส้นลมปราณของเขานั้นได้ถูกบีบให้ขยายใหญ่ขึ้นมากจนแทบจะระเบิดอย่างไรก็ตามหลังจากที่รู้สึกเจ็บปวดเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาอุ่นขึ้นอย่างมากราวกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน มันช่างแสนสบายจนเขาไม่อยากจะตื่นขึ้นมา
หลังจากที่ฮวงเฟิงรวบรวมสติสัมปัชชัญญะได้แล้วสิ่งแรกที่เขาทำก็คือสำรวจร่างกายของตัวเอง
เขาค้นพบว่าสายน้ำสองสายที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันและกระแสไหลเวียนก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ฮวงเฟิงมองอย่างระมัดระวังในทิศทางที่เขากำลังจะเคลื่อนเข้ามาและตระหนักว่าพลังงานนี้เป็นส่วนผสมของกำลังภายในและพลังเวทย์มนตร์ที่เขาสร้างขึ้นมากล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพลังงานนี้เป็นตัวแทนของลมปราณภูตอุดรที่หายไป
”จริงเหรอ?สิ่งนี้มันแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม?” คิดดูสิแม้แต่ลมปราณภูตอุดรก็ยังสู้ไม่ได้?” ฮวงเฟิงคิดด้วยความประหลาดใจตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้รับลมปราณภูตอุดร หลังจากนั้นกำลังภายในที่เขาได้รับจากการฝึกฝนก็เป็นเพียงกำลังภายในธรรมดาเท่านั้น พลังเวทย์มนตร์ก็เป็นเวทมนตร์ธรรมดาเช่นกัน แต่ตอนนี้ทั้งสองอย่างได้หลอมรวมกันแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่พลังธรรมดาทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วมันจะมีพลังมากถึงขนาดที่แม้แต่ลมปราณภูตอุดรก็ยังพ่ายแพ้
เมื่อเห็นว่าลมปราณภูตอุดรได้หายไปแล้วฮวงเฟิงก็รู้สึกดีใจนิดหน่อย แต่ก็ผิดหวังอยู่บ้าง โชคดีที่เขามีพลังงานเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในร่างกายดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของเขาจะระเบิดจนตายอีกต่อไป
หากเขาสามารถฝึกฝนมันได้ความเร็วที่เขาจะได้รับความแข็งแกร่งภายในก็จะเร็วขึ้นมากในอนาคต และในครั้งนี้ลมปราณภูตอุดรก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะพลังงานแปลกๆ ในร่างกายของเขาได้และมันน่าจะยิ่งกว่าเป็นไปไม่ได้ในอนาคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาจะไม่สามารถฝึกฝนลมปราณภูตอุดรได้อีกต่อไป!
เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงไม่รู้ว่าพลังงานในร่างกายของเขาตอนนี้มีพลังของลมปราณภูตอุดร
”เอ๊ะหัวหน้า ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ในห้องของผม?!” เมื่อฮวงเฟิงลืมตาขึ้นและมองไปที่ไป่เสี่ยวโหรวเขาก็ต้องตกใจ เขาไม่ได้รับรู้อะไรจากโลกภายนอกและไม่รู้ว่าไป่เสี่ยวโหรวเข้ามาในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไร