กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 371 ขอคืน
เพียงแต่ว่าไป่เสี่ยวโหรวไม่ได้โต้ตอบใดๆต่อคำพูดของฮวงเฟิงและยังคงจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับว่าเธอไม่ได้ยินอะไรเลย
ฮวงเฟิงรู้สึกถึงความผิดปกติของไป่เสี่ยวโหรวเขาโบกมือตรงหน้าไป๋เสี่ยวโหรวและพูดว่า: “หัวหน้าทีม มีอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายงั้นเหรอ?”
ไป่เสี่ยวโหรวหันหน้าไปทาฮวงเฟิงโดยอัตโนมัติและหลังจากนั้น ฮวงเฟิงก็รู้สึกได้ถึงประกายที่ซ่อนอยู่ในดวงตาที่ดูมึนงงของเธอ หลังจากนั้น แสงนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่บ้าคลั่ง เธอมองไปที่ ฮวงเฟิงอย่างบ้าคลั่งขณะที่เธอกำลังเขย่าแขนของฮวงเฟิงอย่างบ้าคลั่งและตะโกนเสียงดัง: “คุณเอากำลังภายใตนของฉันกลับคืนมานะและเอาคืนมา กำลังภายในของฉัน!”
มันไม่ใช่ความผิดของไป่เสี่ยวโหรวที่เธอจะคลั่งเธอได้ฝึกฝนกำลังภายในของเธอมานานหลายปี และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะทำเช่นนั้น นอกเหนือจากการกิน การนอน และการปฏิบัติภารกิจแล้วเธอยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนกำลังภายในของเธออีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นนิสัยและสัญชาตญาณอยู่แล้ว
ศูนย์รวมกำลังภายในของเธอนั้นว่างเปล่าเธอไม่เคยรู้สึกไม่ปลอดภัยขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้หากไม่มีพลังปราณแล้วความแข็งแกร่งของเธอก็จะลดลงเป็นอย่างมาก แล้วเธอจะทำภารกิจเหล่านั้นให้สำเร็จได้อย่างไร? แม้ว่าเธอจะคิดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝน แต่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นตัวถึงระดับที่เคยมีในปัจจุบัน? ห้าปีสิบงั้นเหรอ? เธอไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย!
ดังนั้นเมื่อไป่เสี่ยวโหรวต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เธอต้องสูญเสียกำลังภายในไปเธอจึงคลั่ง!
แต่ฮวงเฟิงนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนักเมื่อมองไปที่ไป่เสี่ยวโหรวที่เหมือนคนบ้าและกำลังตะโกนใส่เขาไม่หยุด ฮวงเฟิงก็ตกตะลึงทันทีเพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไป่เสี่ยวโหรวซึ่งก่อนหน้านี้เป็นปกติถึงได้กลายเป็นแบบนี้?
”หัวหน้าทีมใจเย็นๆก่อนนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ช่วยบอกผมที” ฮวงเฟิงที่หายจากอาการตกใจได้จับมือของไป่เสี่ยวโหรวเอาไว้ไม่ปล่อยให้เธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกต่อไป
“ปล่อยฉันไปเถอะแล้วเอากำลังภายในคืนฉันมาด้วย!”ไป่เสี่ยวโหรวพยายามดิ้นรน แต่ตอนนี้เธอที่ไม่มีพลังปราณแล้วเธอจึงไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไปดังนั้นความแข็งแกร่งของเธอจะไปเทียบกับฮวงเฟิงได้อย่างไรกัน? ดังนั้นแม้ว่าเธอจะต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
“หัวหน้าใจเย็นๆ ใจเย็นๆ !” “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ?” ฮวงเฟิงเสียงดังใส่ไป่เสี่ยวโหรว
ภายใต้ความพยายามของฮวงเฟิงในที่สุดไป่เสี่ยวโหรวก็สงบลง เธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์แม้ว่าเธอจะทำตัววุ่นวาย อย่างไรก็ตามเธอยังสงสัยในคำพูดของฮวงเฟิงมาก เธอมองเขาด้วยความสงสัยและถามว่า: “เมื่อกี้นี้คุณไม่รู้จริงๆ งั้นเหรอ?”
เมื่อฮวงเฟิงเห็นว่าไป่เสี่ยวโหรวสงบลงแล้วเขาก็พูดออกมาทันที “ผมไม่รู้จริงๆ ตอนนั้นผมกำลังฝึกฝนกำลังภายในของผมอยู่ แต่อยู่ๆ ผมก็หมดสติไป แล้วพอผมได้สติผมก็เห็นคนมาอยู่ที่นี่แล้ว”
สำหรับไป่เสี่ยวโหรวแล้วฮวงเฟิงไม่ได้ปิดบังเธอเรื่องของกำลังภายในอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงลมปราณภูตอุดร เพราะว่าเขาไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาได้มันมาได้อย่างไร.ไอรีนโนเวล
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงคงจะไม่ได้โกหกไป่เสี่ยวโหรวจึงสงบลง อย่างไรก็ตามหัวใจของเธอยังคงเศร้าสร้อยและขุ่นเคืองอยู่และแววตาที่เธอมองฮวงเฟิงนั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
“ก็ตอนนั้นฉันอยู่ในห้องของฉันและกำลังจะเข้านอนแต่หมาของคุณก็เข้าไปหาฉันและบอกฉันให้ตามมันไปที่ห้องนอนของคุณ จากนั้นฉันก็เห็นว่าหน้าของคุณบูดเบี้ยวและตัวคุณก็ร้อนเป็นไฟ ฉันคิดว่าลมปราณของคุณเบี่ยงเบนก็เลยจะปลุกคุณให้ตื่น แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าตอนที่มือฉันแตะที่ไหล่ของคุณ ลมปราณของฉันก็ไหลเข้าสู่ตัวคุณจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้นิดเดียวเลย ตอนนี้คุณเข้าใจหรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณช่วยคืนกำลังภายในมาให้ฉันได้ไหม?” เมื่อพูดจบไป่เสี่ยวโหรวก็มองหน้าฮวงเฟิงด้วยความหวัง หวังว่าเขาพูดคำที่ทำให้เธอดีใจ
“ผมเกรงว่าจะไม่ได้”ฮวงเฟิงกล่าวพร้อมทั้งรู้สึกละอาย
จากคำบอกเล่าของไป่เสี่ยวโหรวฮวงเฟิงเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมไป่เสี่ยวโหรวถึงได้มาอยู่ในห้องของเขา เสี่ยวไป่คงกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปถึงได้ไปเรียกให้ไป่เสี่ยวโหรวเข้ามาช่วยเขา
เมื่อฮวงเฟิงตื่นขึ้นเขารู้สึกได้ว่าพลังงานในร่างกายของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างเต็มเปี่ยม แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น เขาคิดแค่ว่ามันเป็นเพราะลมปราณภูตอุดร แต่ในตอนนี้เขาคิดได้แล้ว่า พลังงานที่เขามีตอนนี้นั้นมันได้เพิ่มขึ้นมามาก มากกว่าที่เขาเคยมีเสียอีก
ด้วยเหตุผลนี้ฮวงเฟิงเดาว่าพลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นมานั้นน่าจะเป็นของไป่เสี่ยวโหรวและพลังงานในร่างกายของเขาหลังจากที่เขมือบเอาลำธารสายเล็กของลมปราณภูตอุดรเข้าไปแล้ว ความสามารถของลมปราณภูตอุดรจึงได้ดูดซับเอาพลังลมปราณของคนอื่นมาได้ ซึ่งก็บังเอิญว่าไป่เสี่ยวโหรวต้องการมาเป็นตัวอย่างการทดลองคนแรกและต้องเสียสละ
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้สึกมีความสุขเพราะเขารู้สึกได้ว่าพลังงานในร่างกายของเขานั้นมีความสามารถของลมปราณภูตอุดรแต่เขาก็รู้สึกผิดต่อไป่เสี่ยวโหรวเพราะเขาเข้าใจว่าไป่เสี่ยวโหรวจะต้องแทบบ้าเลยทีเดียว เพราะถ้าเขาต้องสูญเสียพลังลมปราณไปแบบกระทันหันเช่นนี้ เขาก็คงจะเป็นบ้าไปเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าไป่เสี่ยวโหรวได้ใช้เวลาในการฝึกฝนมานานเพียงใดและตอนนี้ไป่เสี่ยวโหรวก็ได้กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว มันคนจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดหากเธอยังคงเก็บอาการให้สงบได้
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ไป่เสี่ยวโหรวก็ยังคงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ดวงตากลมโตคู่สวยของเธอก็ฉายแววหม่นหมองอีกครั้ง
ในตอนนี้เธอได้สงบลงแล้วและเธอก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเธอจะโทษว่าเป็นความผิดของฮวงเฟิงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ไม่ได้โทษฮวงเฟิงเสียทั้งหมด เป็นเพราะเธอเองก็ไม่ได้คิดระวังตัวด้วย อีกนัยหนึ่งฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้เป็นคนที่คิดที่จะช่วงชิงเอาพลังลมปราณไปจากเธอตั้งแต่แรก และถ้าเธอเป็นคนปกติธรรมดาเธอก็อยากจะถามฮวงเฟิงว่าเขาดูดซับเอาพลังลมปราณของเธอไปได้อย่างไร
“ผมขอโทษผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย” สีหน้าของฮวงเฟิงที่มองไป่เสี่ยวโหรวนั้นเต็มไปด้วยความขอโทษขอโพย
“ลืมมันไปซะเถอะเรื่องนี้ก็โทษคุณไม่ได้หรอก อย่างไรก็ตามฉันคงจะเป็นหัวหน้าทีมของคุณต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ และฉันก็อาจจะต้องถูกถอดถอนออกจากองค์กรความมั่งคงแห่งชาติอีกด้วย” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวด้วยท่าทางที่ยอมแพ้ และเมื่อเธอพูดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่มีทางเลือกแล้วเธอได้กลายเป็นคนธรรมดาไปเสียแล้ว ความแตกต่างเดียวที่เธอมีเหนือคนทั่วไปก็คือทักษะการใช้ปืนแต่มันก็ไร้ประโยชน์ ถึงเแม้ว่าหรงหนิงจะไม่ไล่เธอออกแต่ตัวเธอเองก็ยอมรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ว่าเธอกลายเป็นคนธรรมดาและจะยังคงทำงานอยู่ในองค์กรความมั่นคงแห่งชาติต่อได้อย่างไร