กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 391 พึงพา
เทียนจุนได้สิ่งที่เขาต้องการแล้วเขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษและในเวลานี้เขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ฮวงเฟิงได้บอกกับเขาก่อนหน้านี้ นั่นก็คือพี่เฟยอาจจะไม่ได้เข้าคุกแต่ก็คงจะยังไม่ได้ถูกปล่อยตัวในเร็ววันนี้
สำหรับเวลาที่เขาจะถูกคุมขังแม้ว่าเขาเองจะยังไม่รู้แต่สำหรับฮวงเฟิงแล้วเขาจะไม่ประมาทอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ออกมาจากบาร์เขาจึงจัดคนให้ไปที่สถานที่ที่เมื่อก่อนพี่เฟยเคยคุมก็เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมและทำความรู้จักก่อน ในขณะที่เขาเองก็เตรียมการเรื่องอื่นๆ
เทียนจุนจึงยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของฮวงเฟิงเพราะเมื่อได้ฟังจากปากของผู้จัดการบาร์เมื่อวานนี้เทียนจุนก็ได้รู้ว่าตัวตนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ไม่ธรรมดา แม้ว่าผู้จัดการบาร์พยายามที่จะเอาอกเอาใจเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าฮวงเฟิงจะคุ้นเคยกับ”เจ้าเมือง” บางคนและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่เลวนัก สิ่งนี้ทำให้เทียนจุนยิ่งสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างฮวงเฟิงจึงได้รู้จักคนจำนวนมากได้อย่างไร? นอกจากนี้เมื่อนึกถึงตรงนี้เขาก็สงสัยว่าฮวงเฟิงมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้นได้อย่างไร เทียนจุนได้ตระหนักว่า ฮวงเฟิงนั้นมีความลับอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าฮวงเฟิงจะมีความลับมากมายแค่ไหนนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะสนใจในตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องของฮวงเฟิงเพราะเขากำลังพิจารณาที่จะหาผู้สนับสนุนให้ตัวเอง.Aileen-novel.
ในสายงานของพวกเขาหากไม่มีผู้สนับสนุนก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าพวกเขาจะได้รับอำนาจเพียงเล็กน้อย แต่หากไม่มีใครสนับสนุนพวกเขา พวกเขาก็จะถูกทำลายไป ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีโอกาสต่อต้านเลย
ดังนั้นดูเหมือนว่าการพัฒนาของอำนาจจะไม่แย่เท่าไรนักและรากฐานของมันก็ยังไม่มั่นคงเลยอีกทั้งลืมเรื่องตำรวจไปเลยแม้แต่คนรอบข้างก็อาจจะหาเรื่องกับพวกเขาได้ทุกเมื่อและนี่คือข้อเสียของการไม่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าพี่เปียวไม่อยากที่จะหาคนหนุนหลังแต่เป็นเพราะว่าเขาหาไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่ได้หมายความว่าถ้าเพียงแค่คุณต้องการที่จะให้ใครบางคนมาคอยหนุนหลังแล้วคนๆ นั้นจะเต็มใจทำให้
ในตอนนี้เทียนจุนได้คุมถนนสายนี้ไว้แล้วยิ่งไปกว่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางหันหลังกลับได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกแต่กลับต้องคิดเรื่องของอนาคตและจำเป็นที่จะต้องมีคนคอยหนุนหลัง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เขาไม่มีใครและไม่ได้รู้สึกคนสำคัญคนไหนเลยและยิ่งไม่มีเส้นสายอะไรในพื้นที่แถบนี้เลยด้วย เขาจึงเริ่มที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่หลังจากที่ได้เห็นถึงอำนาจของฮวงเฟิงและอิทธิพลของเขาเมื่อคืนนี้แล้ว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ฮวงเฟิงนั้นสามารถที่จะทำให้ตำรวจพวกนั้นสุภาพกับเขาได้เดิมทีแล้วตัวเขาเองน่าจะต้องถูกคุมตัวไปเสียด้วยซ้ำแต่เพราะว่าคำพูดของฮวงเฟิง เขาและลูกน้องถึงได้ไม่เป็นอะไร เพราะว่าคนที่ต่อสู้กันกับพวกเขาก่อนหน้านี้นั้นได้ถูกคุมตัวไปทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงนั้นก็ไม่ได้ด้อยเลยและเท่าที่ดูแล้วเขาต้องมีคนหนุนหลังที่ดีแน่ๆ และเขาก็ดันมาสนิทกับฮวงเฟิง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่เพื่อนรักกันแต่พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนกัน และฮวงเฟิงเองก็ยังได้ช่วยน้องสาวของเขาเอาไว้ด้วย
“ดูเหมือนว่าอีกสักวันสองวันฉันคงต้องไปคุยกับฮวงเฟิงซะแล้วล่ะ”เทียนจุนคิดอยู่ในใจ ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้วเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป
ในตอนนั้นฮวงเฟิงกำลังทำงานอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้ตกเป็นเป้าที่จะเป็นที่พึ่งของใครบางคนแล้ว
เดิมทีนั้นฮวงเฟิงต้องการที่จะฝึกฝนกำลังภายในอยู่ในออฟฟิศของเขาแต่เพราะว่าคำสั่งของเซี่ยเมิ่งเจียวทำให้เขาไม่มีทางเลือกโดยต้องพาพี่หวังและ รปภ.คนอื่นๆ ออกไปจากบริษัท
ภารกิจของเซี่ยเมิ่งเจียวคือการวางระบบความปลอดภัยที่ชอปซึ่งสาบานได้ว่าในด้านความปลอดภัยโรงงานนั้นฮวงเฟิงเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้เลย เขาจึงไม่เคยทำเรื่องพวกนี้ดังนั้นเขาจึงได้พาพี่หวังและ รปภ. คนอื่นๆ ไปด้วย
พื้นที่ตั้งร้านค้าของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปนั้นก็ไม่ใช่เล็กๆและการตกแต่งก็หรูหรามาก เซี่ยเมิ่งเจียวและซูหยูโม่ได้เตรียมจะใช้สถานที่นี้เป็นชอปเพื่อบุกเบิกสินค้าของพวกเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงได้มั่นใจว่าชอปนั้นต้องไม่ใช่เล็กๆ อย่างแน่นอน
หลังจากที่เข้าไปในชอปแล้วพี่หวังและทีมรปภ.ก็ต่างคนต่างยุ่ง ส่วนฮวงเฟิงนั้นก็เริ่มเดินสำรวจภายในชอปแห่งนั้น
“สถานที่นี้ไม่เลวเลยนะเนี่ย”ในเวลานั้น เขาและซูหยูโม่เป็นคนหาสถานที่และชอปนี้ก็ถูกตัดสินใจโดยเขาและซูหยูโม่ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นสถานที่ของชอปนี้จึงไม่เลวเลย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นที่นี่แต่ฮวงเฟิงก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าโรงงานของเขานั้นจะทำเงินได้แล้วแต่ก็ยังมีขนาดไม่ใหญ่โตนักและก็ยังทำให้เขาคืนทุนได้ไม่เร็วนัก เขาจึงทำได้เพียงแค่รอให้เซลส์ของโรงงานขายผลิตภัณฑ์ได้เขาจึงจะสามารถทำเงินได้
ถึงแม้ว่ารากฐานของเขาจะเทียบไม่ได้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่ได้พัฒนามานานหลายปีแต่การก้าวข้ามของรุ่ยเจี๋ยของเขาก็ยังคงเป็นเรื่องกล้วยๆ และด้วยค่าเช่าและเงินจากการปรับปรุงมันก็เพียงพอแล้วที่จะซื้อโรงงานของฮวงเฟิง ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่นับรวมถึงอุปกรณ์และการจดสิทธิบัตร
“เอ๊ะถงเฉียนงั้นเหรอ?” และในตอนที่ฮวงเฟิงกำลังดูคนงานตกแต่งชอปอยู่นั้น เขาก็พลันเห็นร่างๆ หนึ่งที่กำลังเดินผ่านไป นั่นก็คือถงเฉียนนั่นเองซึ่งเขาไม่ได้เจอมาสักพักแล้ว
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ถงเฉียนเองกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยดีนักพ่อของเขาถูกจับและขาของเขาเองก็พิการ บนถนนนั้นเขาน่าจะเป็นจุดสนใจอยู่ไม่น้อย
ในตอนนี้เขาไม่ได้มีความเย่อหยิ่งและเผด็จการอยู่บนใบหน้าอีกต่อไปและสีหน้าดูท้อแท้ยิ่งนักอย่างไรก็ตามออร่าที่ชั่วร้ายรอบๆ ตัวเขาก็ไม่ได้ลดลงเลบและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยอมรับสถานะปัจจุบันของเขาแต่โดยดี
ฮวงเฟิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าถงเฉียนนั้นกำลังวางแผนที่จะทำอะไรดังนั้นเขาจึงได้มอบหมายงานให้พี่หวังและตามถงเฉียนไป
ส่วนถงเฉียนนั้นไม่รู้ว่าฮวงเฟิงกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ซึ่งความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้างเพราะว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
ถงเฉียนเพิ่งจะไปเยี่ยมพ่อของเขามาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักพ่อของเขาดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพราะผมของเขานั้นมีแต่สีขาวโพลนไปหมดทั้งหัว
อย่างไรก็ตามตอนที่เขาไปเยี่ยมพ่อของเขานั้นพ่อของเขาได้อ้อมแอ้มบอกแก่เขาว่าเขาได้ซ่อนวิลล่าเอาไว้หลังหนึ่งและเขาก็ได้ซ่อนบางสิ่งเอาไว้ที่วิลล่าแห่งนั้น เขาต้องการให้ถงเฉียนไปที่นั่นและเอาของที่อยู่ที่นั่นมา