กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 392 สะกดรอยตาม
หลังจากที่ออกจากที่คุมขังแล้วถงเฉียนก็มุ่งหน้าไปยังวิลล่าที่เป็นความลับแห่งนั้น แต่เขาก็ลืมคำเตือนของพ่อเสียสิ้นที่ห้ามไม่ให้ไปที่นั่นในเวลากลางวัน
ในใจของถงเฉียนนั้นคิดว่าพ่อของเขาจะต้องซ่อนเงินเอาไว้ที่นั่นเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินเป็นแน่เพราะตอนนี้นั้นถงเฉียนถึงกับเงินขาดมือ หุ้นส่วนทางธุรกิจของพ่อก็ล้วนแล้วแต่มาทวงเงินที่เขาและเขาก็ยังต้องการเงินเพื่อที่จะเอาไปใช้รักษาตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เคยชินกับการใช้ชีวิตที่หรูหรามาก่อนดังนั้นในตอนนี้เขาจึงมีรายจ่ายไม่ใช่น้อยเลย
เมื่อเขาได้ยินว่าพ่อของเขายังมีวิลล่าอยู่อีกหนึ่งหลังความคิดแรกของเขาเกี่ยวกับวิลล่านั้นก็คือ เขาจะขายวิลล่าหลังนั้นได้ราคาสักเท่าไร และหลังจากที่ได้ยินว่าพ่อของเขาได้ซ่อนบางสิ่งเอาไว้เขาก็ยิ่งสงสัยว่าพ่อของเขาอาจจะซ่อนเงินจำนวนมหาศาลเอาไว้ก็เป็นได้
ดังนั้นหลังจากที่ออกมาจากที่คุมขังถงเฉียนจึงมุ่งหน้าไปยังวิลล่าอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่มีแม้แต่อารมณ์ที่จะสังเกตสิ่งรอบข้างเลยด้วยซ้ำ
ด้านของฮวงเฟิงนั้นเมื่อเขามองดูถงเฉียนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วเขาเองก็คิดเช่นกันว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปที่ไหนเพราะว่าเขาได้ส่งมอบงานในวันนี้แล้ว ฮวงเฟิงจึงมีเวลาที่จะตามรอยถงเฉียนไปเพื่อสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
หลังจากที่ถงเฉียนขึ้นรถไปแล้วเขาเองก็รีบโบกรถแท๊กซี่ตามไปแต่ทว่าฮวงเฟิงก็ต้องเจอกับปัญหาเพราะว่านอกจากตัวเขาที่กำลังสะกดรอยตามถงเฉียนแล้ว เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนอีกสองคนที่กำลังตามเขาอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นเขาจำได้อย่างแม่นยำ คนที่ว่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและตอนที่พวกเขาไปช่วยไป่เสี่ยวโหรวฮวงเฟิงจึงเคยเห็นเขามาก่อนและเพราะว่าเขานั้นความจำดีเขาจึงจำอีกฝ่ายได้
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนั้นฮวงเฟิงไม่รู้จักพวกเขาแต่ดูจากท่าทีของคนพวกนี้แล้วฮวงเฟิงมีเซนส์ว่าน่าจะเป็นคนของพี่เฟยหรือไม่ก็พี่เปียว
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนหลายคนรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยที่กำลังจับตาดูถงเฉียนอยู่พ่อลูกคู่นี้คงจะไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ถงเฉียนออกมาจากที่คุมขังแล้วเขาจะตกเป็นเป้าหมายของคนหลายคน อีกทั้งความด้อยประสบการณ์ของถงเฉียนเขาจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมากมายกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่และเห็นได้ชัดว่าเขานั้นได้ตกเป็นเป้าหมายของคนหลายคนมาตั้งนานแล้ว
กลุ่มที่อยู่ใกล้กับถงเฉียนมากที่สุดก็คือกลุ่มคนประมาณสามหรือสี่คนและถัดจากนั้นก็เป็นกลุ่มคนที่ฮวงเฟิงไม่รู้จักซึ่งมีจำนวนมากกว่ากลุ่มแรกนิดหน่อยประมาณห้าหรือหกคนและฮวงเฟิงนั้นเป็นคนรั้งท้ายแต่แล้วเขาก็ถูกกลุ่มคนห้าหรือหกคนที่อยู่ด้านหน้านั้นเห็นเข้า
“พวกเราจะทำยังไงกันดี?ดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นตามหลังพวกเรามานะ?” ในรถตู้คันหน้า ใครบางคนหันหลังกลับมามองรถของฮวงเฟิงและกล่าวออกมา
คนที่เหลือที่อยู่ภายในรถตู้ต่างก็พากันหันไปมองหนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า “ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม ถ้ามันกล้ามายุ่มย่ามกับพวกเรา พวกเราจะฆ่ามันไปพร้อมกับไอ้พวกข้างหน้าเลยเหอะ!”
ขณะที่เขากำลังพูดว่าจะฆ่ากลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ได้ยินคำพูดของเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแต่ประการใด.ไอรีนโนเวล.
ขณะที่รถยังคงวิ่งต่อไปนั้นฮวงเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ภายในรถนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาเองก็กำลังถูกจับตามองอยู่ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะรู้ตัวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาถงเฉียนก็ได้มาถึงที่ด้านหน้าเขาได้เข้าไปข้างในสถานที่ที่ดูคล้ายบ้านพักตากอากาศหลายๆ หลังอยู่รวกัน ฮวงเฟิงมองเข้าไปด้านในและคิดว่ามันน่าจะเป็นหมู่บ้านแต่ในเรื่องความเป็นส่วนตัวนั้นแน่นหนามากและการรักษาความปลอดภัยก็ดีมาก เพราะหลังจากที่เจรจาที่ประตูแล้วในที่สุดถงเฉียนก็ได้เข้าไปด้านใน
อย่างไรก็ตามคนอื่นๆที่ตามเขามาก็ไม่ได้โชคดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮวงเฟิงที่ไม่ได้เป็นเจ้าของวิลล่าในนั้นและคนอื่นๆ ที่อยู่ในรถคันหน้าเขาก็เข้าไปด้านในหมู่บ้านไม่ได้เช่นกัน แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตามเขาไปติดๆ นั้นไม่ว่าพวกเขาจะแสดงเอกสารอะไรพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าข้างในนั้นได้ ซึ่งนั่นทำให้ฮวงเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้านายที่นี่จะไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย”ฮวงเฟิงโอดครวญที่เขาสามารถห้ามตำรวจเอาไว้ได้ ไม่ว่าเขาจะใช้ข้อแก้ตัวใดก็เป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาและเป็นคนมั่นใจมาก
แม้ว่าตำรวจจะพยายามแล้วพวกเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รอข้างนอกเท่านั้น และในเวลานี้คนในรถตู้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็กำลังคุยกันเช่นกัน
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?”
“บุกเข้าไปเลยไหม?”
“จะไปทำยังงั้นได้ยังไงกันเล่า?นี่มันกลางวันแสกๆ นะ!”
“แม่งเอ้ยไอ้พวกคนรวยนี่ช่างสรรหาความสุขใส่ตัวเสียจริงนะ พวกมันอยู่แบบธรรมดาๆ ไม่ได้หรือยังไง”
“งั้นพวกเราจะรอข้างนอกนี่ล่ะหลังจากที่ถงเฉียนออกมาแล้วพวกเราจะไปขวางมันไว้และชิงเอาของมา ไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างในก็ได้”
“ใช่แต่แกก็ต้องระวังตำรวจพวกนั้นด้วยล่ะ พวกมันก็คงจะกำลังรอให้ถงเฉียนออกมาเหมือนกัน”
ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันตัดสินใจที่จะชะลอเอาไว้ชั่วคราว
“คุณครับนี่คุณจะลงหรือเปล่าครับ?” จากนั้นคนขับแท๊กซี่ก็เริ่มถามฮวงเฟิง
“เอาน่าจะรีบไปไหนล่ะ?”เดิมทีแล้วฮวงเฟิงวางแผนที่จะเฝ้ารอดูอยู่บนรถแท๊กซี่สักพักแต่เมื่อคนขับแท๊กซี่เป็นเช่นนี้เขาจึงไม่คิดที่จะอยู่บนรถอีกต่อไป
จริงๆแล้วเหตุผลที่คนขับแท๊กซี่เร่งฮวงเฟิงเพื่อที่จะขับหนีไปนั้นก็เพราะว่าเขาเกรงว่าฮวงเฟิงจะเป็นพวกคนไม่ดี เพราะในตอนนี้เขาทำตัวเหมือนขโมยที่มาแอบดูบ้านคนอื่นรวมถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ
หลังจากที่ฮวงเฟิงลงจากรถแท๊กซี่แล้วเขาก็ถูกคนที่อยู่ในรถตู้เห็นอย่างไรก็ตามพวกเขารู้ว่าฮวงเฟิงตามมาตั้งแต่ต้นแล้วดังนั้นพวกเขาจึงได้จับตาดูแท๊กซี่ของฮวงเฟิง แต่ว่าเจ้าหน้าตำรวจที่อยู่ด้านหน้าพวกเขานั้นยังไม่เห็นฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงมองไปยังรถตู้จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินไปอีกทางหนึ่งคนพวกนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังรองเขาอยู่ฮวงเฟิงจึงไม่คิดที่จะทำเช่นนั้น
“นี่มันมาคนเดียวงั้นเหรอ?ดูเหมือนว่ามันกำลังจะไปแล้วนะ?” คนที่อยู่ในรถตู้มองดูฮวงเฟิงที่กำลังเดินลับหายไปที่มุมอย่างช้าๆและกล่าวออกมา
“บางทีมันคงจะอยู่แถวนั้นแหละ”ใครบางคนคาดเดา
“ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตามพวกเรามีเพียงเป้าหมายเดียว ไม่ว่าจะมีใครมาขวางยังไงพวกเราก็ต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”
“รับทราบ”ทุกคนขานรับ
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเริ่มเดินเลียบไปตามกำแพงของวิลล่านั้นพร้อมกับมองหาที่เหมาะๆไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนพวกนั้นถึงได้ล้มเลิกที่จะเข้าไปข้างในและรออยู่ด้านนอกแทน เพราะกำแพงของลานบ้านนั้นสูงกว่ากำแพงของลานบ้านปกติทั่วไป
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับฮวงเฟิงเลยเขาหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาจากพื้นจากนั้นก็ปาเข้าใส่กำแพงภายในพริบตา จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นและเขาก็เข้าไปภายในหมู่บ้านได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันที่ห้องเฝ้าระวังของวิลล่านั้นก็ปรากฎว่ามีจอมอนิเตอร์จอหนึ่งเสียนั่นก็เพราะว่าฮวงเฟิงเป็นคนทำลายกล้องวงจรปิดตัวนั้นซึ่งมุมที่เขาอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในจอภาพ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ามีคนทำลายมันไปแล้ว