กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 395 ไม่มี
คำพูดของถงเฉียนนั้นทำให้ทุกคนตะลึงงันถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นอยู่แล้วว่าถงเฉียนมีเงินแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากนัก แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของถงเฉียนพวกเขาถึงกับต้องเบิกตากว้างด้วยความช๊อกอยู่ชั่วขณะ
ใช่แล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อตามหาสมุดบัญชี แต่มันก็น่าจะดีกว่าถ้าได้เงินมาด้วยพร้อมๆ กับตามหาสมุดบัญชีไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ที่พวกเขาทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อหาเงินไม่ใช่เหรอ?
“หุบปากเถอะพวกเราจะเอาเงินของแก แล้วพวกเราก็จะเอาสมุดบัญชีนั่นด้วย” หนึ่งในผู้ชายที่อยู่ในรถตู้กล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ลืมสิ่งที่ต้องทำแต่ก็ยังไม่วายที่จะเอาเงินด้วย
“ฉันไม่มีสมุดบัญชีที่ว่านั่นเลยจริงๆนะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ” ถงเฉียนร้องไห้และร้องขอความเมตตา เขาก็แค่เป็นพยานที่เห็นว่าคนพวกนี้ได้ทำร้ายตำรวจและเห็นว่าคนพวกนี้โหดร้ายเพียงใด แล้วจะไม่ให้เขากลัวคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน
“นี่แกยังจะปากแข็งอีกงั้นเหรอ?บอกฉันมานะ!”
หลังจากนั้นเพียงไม่นานถงเฉียนก็ต้องเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างครั้งที่แล้วที่เขาถูกฉ่ายเทียนและพวกทำร้าย เขาก็ยังไม่หายดีนัก และในตอนนี้เขาก็ยังต้องมาถูกคนพวกนี้ทำร้ายซ้ำอีก หัวใจของถงเฉียนร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
“หยุดเถอะฉันพูดแล้ว ฉันยอมพูดแล้ว” ถงเฉียนกล่าวด้วยเสียงสะอื้น
“ก็น่าจะบอกมาซะตั้งแต่แรก?”หนึ่งในนั้นกล่าวขณะที่เขาเช็ดมือบนเสื้อผ้าของถงเฉียน
เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นหยุดทำร้ายเขาแล้วจริงๆถงเฉียนจึงกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ฉันไม่มีสมุดบัญชีที่พวกแกพูดถึงจริงๆ นะ” เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นกำลังจะเข้ามาทำร้ายเขาอีก ถงเฉียนก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “แต่ฉันรู้ว่าสมุดบัญชีไหน!”.Aileen-novel.
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของถงเฉียนพวกเขาจึงได้ชักหมัดกลับจากนั้นก็ถามว่า “แล้วมันอยู่ที่ไหน?”
“ฉันเคยเห็นมันมาก่อนแต่ฉันไม่ได้เอามันมาด้วยพวกนายก็เห็นว่าฉันไม่ได้เอาสมุดบัญชีนั่นมาด้วย” ถงเฉียนกล่าว
ทุกคนได้ค้นทุกซอกทุกมุมในตัวของเขาแล้วดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าถงเฉียนไม่ได้โกหกแต่ของสิ่งนั้นที่อยู่ที่วิลล่าก็ยังคงเป็นปัญหา หัวหน้าคนพวกนั้นจึงเริ่มขมวดคิ้ว
ประการแรกการรักษาความปลอดภัยของวิลล่านั้นไม่เลวเลยและวันนี้พวกเขาก็ได้ซุ่มโจมตีตำรวจเหล่านั้นที่ทางเข้าท้ายที่สุดตำรวจจะต้องออกหมายจับพวกเขาอย่างแน่นอนและเป็นไปได้มากที่ตำรวจจะไปที่บ้านพักของถงเฉียนเพื่อค้นหาสมุดบัญชีเช่นกัน
“พวกเราทำได้เพียงแค่รอให้ถึงตอนกลางคืนแล้วพวกเราค่อยเข้าไปดู”ดังนั้นทุกคนจึงทำได้แค่รอให้ถึงตอนกลางคืนและหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่ทันทำอะไรเร็วนัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวหน้าคนพวกนั้นก็เตะถงเฉียนอย่างแรงสองสามครั้งทำไมเขาถึงไม่เอาแค่เงินไปแล้วไม่ต้องสนใจสมุดบัญชีนั่นล่ะ?
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปแล้วที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
“ถ้าอย่างนั้นในเมื่อฉันก็ให้เงินพวกแกแล้ว สมุดบัญชีฉันก็บอกไปแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน พวกแกปล่อยฉันไปได้ไหม?” ถงเฉียนถามอย่างระมัดระวัง
“นี่แกยังจะไปไหนอีกงั้นเหรอ?แกต้องรออยู่ที่นี่!” เจ้าคนหัวหน้ากล่าวอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของถงเฉียนกลายเป็นซีดเผือดในทันที
ในช่วงบ่ายฮวงเฟิงไม่ได้ออกจากบริษัทและเขาก็ไม่ได้มีงานอย่างอื่นทำ
สำหรับไป่เสี่ยวโหรวและชิวหนิงซวงทั้งสองสาวนั้นกำลังฝึกฝนอย่างหนักซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้กับฮวงเฟิงอย่างแท้จริง เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสองสาวนั้นก็คือการฝึกตนและพวกเธอก็ฝึกฝนหนักยิ่งกว่าฮวงเฟิงเสียอีก ดังนั้นฮวงเฟิงจึงต้องฝึกฝนตนเองเมื่อใดก็ตามที่เขาพอจะมีเวลาว่าง
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขานั้นได้ฝึกตนมาก่อนแต่เขายังมีพระพุทธรูปหยกที่ช่วยสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกตนของเขาได้ฮวงเฟิงก็ได้ฝึกฝนทั้งกำลังภายในและเวทมนต์ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นความเร็วในการรวบรวมพลังงานของเขาจึงเร็วกว่าทั้งสองสาวอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่ทำให้ฮวงเฟิงเสียใจมาจนถึงตอนนี้ก็คือเขายังไม่ได้เรียนรู้เวทมนต์มากนักนอกเหนือจากคาถาต้องห้ามที่เขาไม่สามารถมองเห็นวิธีการใช้งานได้ชั่วคราว ส่วนที่เหลือทั้งหมดนั้นเป็นเวทมนตร์พื้นฐานที่ไม่มีพลังมากนัก และแม้แต่ดาบวายุที่ช่วยเขาฆ่าคนจำนวนมากก็ยังมีข้อจำกัดมากมายในตอนที่ใช้ แน่นอนว่าหากพวกเขาเพียงแค่ต้องการทำร้ายผู้คนแต่ไม่ถึงกับฆ่าคน เวทมนต์พื้นฐานเหล่านี้ก็ยังมีประโยชน์ แต่ด้วยช่องว่างของช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้นและฤทธิ์เดชของเวทมนต์นั้นก็มีเพียงเล็กน้อยเช่นกัน
ในเรื่องของศาสตร์เป่ยหมิงศักดิ์สิทธิ์นั้นฮวงเฟิงไม่ได้มีความกดดันมากนักและได้เรียนรู้มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่รอให้มันถูกใช้ แต่สำหรับกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นนั้น ฮวงเฟิงยังไม่สามารถจดจำกระบวนท่าที่อัดแน่นเช่นนั้นได้ ในขณะที่เขาเห็นกระบวนท่าเหล่านั้นเขาก็รู้สึกปวดหัวเพราะมันยากเกินกว่าที่จะจำได้จริงๆ
โชคดีที่ฮวงเฟิงมีผ้าคลุมเงาซึ่งมันทำให้เขาเรียนรู้กระบวนท่าเท้าท่องคลื่นได้ง่ายขึ้นมีหลายครั้งที่เสื้อคลุมเงานั้นสามารถทำให้บรรลุผลสำเร็จได้ดี
ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังฝึกฝนอยู่นั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับชิวซึ่งการโทรครั้งนี้ฮวงเฟิงก็ได้คาดเดาเอาไว้แล้ว เพราะว่าในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนรู้จักฮวงเฟิงและเขาก็สามารถมากที่จะหลอกพวกเขาได้
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงทำได้เพียงพูดว่าเขาเองก็กำลังสะกดรอยตามถงเฉียนอยู่เช่นกันแต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาได้สมุดบัญชีมาเรียบร้อยแล้ว
เสียงปลายสายของผู้กำกับชิวเห็นได้ชัดว่าเขาเหนื่อยล้าไม่เพียงแค่ทางร่างกายแต่รวมถึงด้านจิตใจถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าการจัดการคดีนี้เป็นเรื่องที่ยากมากเขาจึงได้ไปหาใครบางคนเพื่อสนับสนุนเขา แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องมาเจอกับความยากลำบากที่เหนือกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้
คนที่เขาเรียกมานั้นโดยพื้นฐานแล้วไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือในการสอบสวนของเขาและผู้ตรวจการของจังหวัดเจียงก็ไม่ยอมการ์ดตกเลยแม้แต่ตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีสมุดบัญชีอยู่ในมือแต่เขาก็ยังคงปฏิเสธ
นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากจังหวัดมาโดยตลอดในช่วงเวลาสั้นๆ เขาถูกเรียกตัวถึงสองครั้งเพื่อสนทนากับพวกเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดออกมาดังๆ แต่ความหมายก็ชัดเจนแล้วสำหรับเขา
ฮวงเฟิงเองก็ไม่เคยคิดว่าการจัดการคดีที่หินแบบนี้จะเป็นเรื่องยากขนาดนี้แต่อย่างไรก็ตามสมุดบัญชีก็ยังคงมีประโยชน์ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดสินให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตายได้
ฮวงเฟิงเองก็กำลังลังเลอยู่เหมือนกันว่าเขาควรจะส่งปากกาบันทึกเสียงไปให้ผู้กำกับชิวหรือไม่แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกันในเร็วๆ นี้ เพื่อที่จะแบ่งเบาความกดดันผู้กำกับชิวได้ติดต่อ
กับหัวหน้าองค์กรความมั่นคงแห่งชาติของพวกเขาและเนื่องจากเรื่องนี้มีคนจากองค์การความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ผู้กำกับชิวจึงหวังว่าองค์กรความมั่นคงแห่งชาติจะสามารถเข้ามาแทรกแซงต่อไปได้