กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 420 ผู้ติดตาม
ฮวงเฟิงรู้อย่างฉับพลันเลยว่ามันเป็นเหมือนคราวก่อนถ้าใช้แค่พลังงานภายในของเขา เขาจะไม่สามารถส่งพลังไปยังบริเวณทั่วทั้งขาของเทียนหลินได้ แม้ว่าเทียนหลินจะรู้สึกสบายมาก แต่ขาของเธอไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
ฮวงเฟิงจึงเปลี่ยนจากกำลังภายในของเขาอย่างเดียวเป็นพลังงานแบบใหม่ที่เป็นส่วนผสมระหว่างกำลังภายในและพลังเวทมนตร์คราวนี้เขาสามารถส่งพลังไปยังขาของเทียนหลินได้ แม้ว่าจะต้องใช้พละกำลังมาก แต่ก็ดีกว่าแบบใช้กำลังภายในอย่างเดียวมาก
”ย่ะรู้สึกละ ฉันรู้สึกอุ่นอีกแล้ว”เทียนหลินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว
“มีอะไรเหรอ?”เทียนจุ้นถามอย่างรวดเร็ว
”มันเจ็บ”
แม้ว่าเทียนหลินจะรู้สึกเจ็บแต่เธอและเเทียนจุ้นก็มีความสุขมาก เพราะแต่เดิมขาของเทียนหลินไม่รู้สึกอะไรเลย! ถึงเธอจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ถือเป็นข่าวดีที่เทียนหลินและเทียนจุ้นยินดี
ฮวงเฟิงไม่ได้สนใจสองพี่น้องเขายังคงควบคุมพลังงานแบบใหม่ไปยังบริเวณขาทั้งสองข้างของเทียนหลิน ฮวงเฟิงใช้ความพยายามในการส่งพลังมากเกินไป จึงมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
แต่ความพยายามของเขาก็เป็นผลแม้ว่าจะยากเย็นแต่เขาก็สามารถควบคุมพลังงานให้ไหลเวียนรอบๆ ขาของเทียนหลิน และให้ไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณได้.ไอรีนโนเวล.
เทียนหลินแม้จะรู้สึกเจ็บปวดตลอดแต่ใบหน้าเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะขาของเธอรับความรู้สึกได้
เมื่อเทียนจุ้นเห็นฮวงเฟิงลืมตาขึ้นเขาก็ถามฮวงเฟิงทันที: เป็นยังไงบ้าง? คุณรักษาขาของน้องสาวผมได้ไหม?
เทียนจุ้นมองฮวงเฟิงด้วยความคาดหวังเทียนจุ้นคิดจะหาเงินเพิ่มตลอดเวลาเพื่อที่จะได้พาน้องสาวไปหาหมอรักษาแต่เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก ไม่ใช่ไม่มั่นใจว่าเขาจะหาเงินไม่ได้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะมีหนทางรักษา เพราะเขาไม่สามารถหาโรงพยาบาลที่สามารถรักษาอาการป่วยของน้องสาวเขาได้เลย
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้เพียรพากันไปหาหมอมาจนนับไม่ถ้วนทั้งที่เมืองชิงและเมืองอื่นๆ แต่ไม่มีโรงพยาบาลใดเลยที่รักษาเทียนหลินได้ ถ้าพูดกันตามตรงเทียนจุ้นรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังแล้ว
แต่การมาของฮวงเฟิงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะนี่ถือครั้งแรกที่น้องสาวเขารู้สึกถึงความรู้สึกที่ขาตั้งแต่เป็นอัมพาตมา
“ผมจะลองดูแต่ไม่แน่ใจว่าจะรักษาได้ไหมนะ” ฮวงเฟิงกล่าว
วิธีการของเขาคือการใช้กำลังภายในของเขาช่วยหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณในขาทั้งสองข้างของเทียนหลินเห็นได้ชัดว่าพลังงานของเขามีความสามารถนี้ ตราบใดที่มันสามารถกระตุ้นเส้นลมปราณในขาของเทียนหลินได้ ก็เป็นไปได้ที่เธอจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
แต่ฮวงเฟิงไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อนดังนั้นเขาจึงไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้ผลสำเร็จ
”ไม่เป็นไรขอแค่คุณได้พยายามไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ จริงมะ”เทียนจุ้นกล่าว ขอเพียงฮวงเฟิงลองรักษาให้ อย่างน้อยที่สุดน้องสาวเขาก็ยังมีหวัง แต่ถ้าไม่ได้ลองน้องสาวเขาก็จะไม่มีหวังใดๆ เลย
ฮวงเฟิงผงกหัวแสดงความเห็นด้วยเหตุผลหนึ่งที่เขาตกลงก็คือ เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กสาวดีๆ คนหนึ่งต้องมาทรมานกับการป่วยอย่างนี้ ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ ตัวเขาเองต้องการสั่งสมประสบการณ์ในเรื่องนี้ เผื่อว่าจะได้ช่วยรักษาคนของตัวเองได้ตอนเจ็บป่วย
การที่ฮวงเฟิงรักษาขาของเทียนหลินได้ทำให้ทั้งเเทียนจุ้นและเทียนหลินอารมณ์ดีมาก เพื่อแสดงความขอบคุณฮวงเฟิงเทียนหลินถึงกับยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อดื่มอวยพรฮวงเฟิงในระหว่างมื้ออาหาร แต่เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มไม่เป็น หลังจากที่เธอดื่มไวน์ไปหนึ่งแก้ว หน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและมีอาการเวียนหัว ประกอบกับสภาพร่างกายเธอที่อ่อนแอกว่าคนทั่วไป เธอจึงผลอยหลับไปก่อนที่ฮวงเฟิงและเเทียนจุ้นจะทานอาหารเสร็จ
หลังจากเเทียนจุ้นเอาน้องสาวของเขาไปเข้านอนแล้วเขาก็กลับมาทานอาหารเป็นเพื่อนฮวงเฟิงต่อ
เดิมทีที่เขาเชิญฮวงเฟิงมาทานอาหารค่ำในคืนนี้เพื่อต้องการหารือว่าจะให้ฮวงเฟิงเป็นผู้สนับสนุนเขาแต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงดูไม่เหมาะนักที่จะให้ฮวงเฟิงมาเป็นผู้สนับสนุน เขาเป็นคนที่ตอบแทนบุญคุณคน มิฉะนั้นเขาคงไม่ตอบตกลงช่วยพี่เปียว สามเรื่อง เพราะพี่ชายไป๋เคยช่วยเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ฮวงเฟิงสามารถรักษาอาการป่วยของน้องสาวเขาได้ซึ่งเเทียนจุ้นถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง คนในโลกนี้คนที่เขาห่วงใยมากที่สุดคือเทียนหลิน น้องสาว เพื่อเธอเขายินดีสละชีวิตตัวเองให้
และตอนนี้ฮวงเฟิงได้รักษาอาการป่วยให้น้องสาวเขาเทียนจุ้นจึงรู้สึกสำนึกในบุญคุณฮวงเฟิงมาก
“คุณไม่ได้โทรหาผมให้มาที่นี่เพื่อเลี้ยงข้าวใช่ไหม” ฮวงเฟิงมองไปยังเทียนจุ้นที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนเเทียนจุ้นกำลังใช้ความคิดอยู่
”ใช่”เทียนจุ้นพยักหน้าและกล่าวว่า”ที่ผมโทรหาเพราะผมอยากเป็นผู้ติดตามคุณ”
”ติดตามผมเหรอ?”ติดตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวกระจ้อยเนี่ยนะ? “ฮวงเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเเทียนจุ้นจะพูดเรื่องแบบนี้
“คุณไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวจ้อยกระจอกๆแน่ ไม่งั้นนายตำรวจพวกนั้นคงไม่สุภาพนอบน้อมกับคุณหรอก”เทียนจุ้นไม่คิดจะปิดบังอะไรกล่าวต่อว่า: “คุณรู้ดีว่าในวงการของเรา ถ้าไม่มีผู้สนับสนุนเราก็อยู่ไม่ได้ ป่วยการกับการขยายกำลังคน หากมีผู้สนับสนุน เราก็จะไม่ถูกคนอื่นกลืนกิน”
ฮวงเฟิงเห็นด้วยกับคำพูดของเเทียนจุ้นหากไม่มีผู้สนับสนุน พวกเขาก็จะถูกกวาดล้างเมื่อไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากน้ำมือของตำรวจหรือจากน้ำมือของนักเลงกลุ่มอื่นๆ หากไร้ซึ่งผู้สนับสนุนช่วยเหลือ การดำรงอยู่ของพวกเขาก็สุดแล้วแต่ผู้อื่นจะเมตตา
แต่ฮวงเฟิงก็มีเรื่องที่เขายังกังวลเช่นกันเขาเองนั้นไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกนักเลงมากนัก เพราะเขายังมีสถานะเป็นสมาชิกของสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย
แม้ว่าเเทียนจุ้นจะเป็นนักเลงแต่ฮวงเฟิงก็รู้จักเขามาสักพักหนึ่งแล้ว ฮวงเฟิงเข้าใจบุคลิกลักษณะ และรู้ว่าทำไมเทียนจุ้นถึงเลือกเส้นทางการเป็นนักเลง ใจจริงแล้วฮวงเฟิงไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเทียนจุ้น เพราะหากเทียนจุ้นเป็นอะไรไปขึ้นมาเทียนหลินน้องสาวของเขาก็จะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ ขนาดตอนนี้เธอยังไม่สามารถจะดูแลตัวเองได้เลย
”ผมยังมีตัวตนสถานะอื่นด้วยด้วยสถานะนั้นทำให้ผมไม่สามารถข้องเกี่ยวกับคุณได้มากขนาดนั้น จริงๆ แล้ว หากผมไม่รู้จักคุณดี ผมจะไม่ติดต่อกับคุณมากนักหรอก” ฮวงเฟิงกล่าวตามตรง
”ผมเข้าใจ”เทียนจุ้นพยักหน้าเขารู้ดีว่าคนทั่วไปไม่ชอบนักเลง แม้แต่น้องสาวเขาก็คิดแบบนี้
แต่เเทียนจุ้นรู้ว่าเขาเก่งสุดในทางนี้และเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ เขาจึงไม่เลิกทำ