กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 434 การต่อสู้
เมืองหมังชานเป็นเมืองขนาดกลางตั้งอยู่ที่พรมแดนระหว่างอาณาจักรสำเภาสวรรค์เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองนี้จึงมีผู้คนจำนวนมากมาที่นี่ทุกวันและส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสำเภาสวรรค์และอาณาจักรวายุโชยจะแย่ลงอย่างต่อเนื่องแต่เหล่าพ่อค้าทั้งหลายก็พากันก้มหน้าก้มตาหาเงินไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก ด้วยความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยลงทำให้การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยช่องทางที่เป็นทางการของทั้งสองประเทศได้ยุติลง
แน่นอนว่าไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาแอบซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้เพราะในสถานที่อย่างเมืองหมังชานนี่เป็นความลับที่เปิดเผยอยู่แล้วและพ่อค้าของทั้งสองประเทศจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ที่นี่
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้สถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าที่เคยเป็น นอกจากจะมีพ่อค้าที่รถรามากมายมาแล้ว ยังมีหลายคนที่สะพายดาบและกระบี่อีกด้วย รวมถึงเครื่องแบบของนักรบหลายแบบอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีคนเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“เถ้าแก่หลี่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ที่ถนนในเมืองหมังชาน ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะเห็นเพื่อนสนิทของเขา ขณะที่เขายกมือขึ้นและทักทาย
“ทานข้าวด้วยกันแค่มื้อเดียวเทียบกับท่านไม่ได้เลยนะเถ้าแก่เฉียนข้าได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้ท่านขายใบชาจำนวนมากให้กับอาณาจักรวายุโชยนี่นา และก็ยังได้เงินมามากโขอีกด้วยนี่จริงไหม?” ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะไม่ได้อยากได้เพียงแค่ให้เลี้ยงข้าวแค่เพียงมื้อเดียวเป็นแน่
“ถ้าเถ้าแก่หลี่กำลังยุ่งอยู่งั้นเราไม่ต้องทานข้าวด้วยกันก็ได้นะ” ชายวัยกลางคนเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อที่เขาพูดและเขาก็เผยยิ้มบนใบหน้าอีกด้วย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสำเภาสวรรค์และพวกเขานั้นจะไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำอะไรได้ไม่มากนัก พ่อค้าเหล่านี้ดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้ว ไม่มีร่องรอยของความกังวลเกี่ยวกับประเทศของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของพวกเขานั้นตราบใดที่พวกเขาสามารถหาเงินได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรือแม้กระทั่งเป็นจักรพรรดิก็ตาม
“ข้าโดนฉกสินค้าไปมากโขอยู่เพราะการเดินทางก็ไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไรข้าเพียงแต่จะพักอยู่ที่นี่สักพักแต่ไม่คิดเลยว่าเมืองหมังชานจะดูมีสีสันกว่าเมื่อก่อนนี้มากนัก” เถ้าแก่หลี่ตอบขณะที่เขามองดูฝูงชนที่ขวักไขว่
“ก็แค่ช่วงสองสามวันนี้แหละ”เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เฉียนเคยมาที่นี่บ้างแล้วดังนั้นเขาจึงรู้จักที่นี่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสงครามระหว่างทั้งสองประเทศแต่ก็ยังมีการลักลอบขนสินค้าและหนทางข้างหน้าก็อันตรายมากดังนั้นพวกเขาและเจ้านายจึงต้องติดตามสินค้าไปยังเมืองหมังชานด้วย สำหรับเส้นทางข้างหน้าที่อันตรายกว่านั้นโดยธรรมชาติแล้วจะมีคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพวกเขาที่จะออกเดินทางไปและพวกเขาจะรออยู่ในเมืองหมังชานเพื่อรอให้กลุ่มพ่อค้ากลับมา ไอรีนโนเวล
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเถ้าแก่เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเถ้าแก่รายย่อยแม้ว่าพวกเขาจะหาเงินได้ แต่ก็ไม่สามารถทำเงินได้มากนัก สำหรับเถ้าแก่รายใหญ่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่เสี่ยงชีวิต พวกเขาจะไม่ติดตามกองคาราวานมายังสถานที่แห่งนี้
”โอ้เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะทำการค้าขาย” เถ้าแก่หลี่มองไปข้างหน้า ห่างออกไปไม่ไกลนักมีกลุ่มคนสองกลุ่มที่ดูเหมือนจะกำลังทะเลาะกันและอยู่ในระหว่างการโต้เถียงกัน
”แน่นอนพวกเขาไม่ได้ทำการค้าขาย พวกเขาเหล่านั้นเป็นนักศิลปะการต่อสู้ แค่มองไปที่เอวของพวกเขาแล้วท่านจะเข้าใจเอง” เถ้าแก่หลี่คงจะตกใจกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วในสถานที่แห่งนี้ทุกคนต่างทำในสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นแม้ว่าจะมีบางอย่างผิดปกติพวกเขาก็จะจงใจไม่ทำให้เกิดความสับสน เพราะท้ายที่สุดนั่นก็ไม่เป็นผลดีสำหรับใครเลย
อย่างไรก็ตามเถ้าแก่เฉียนก็ไม่แปลกใจกับเรื่องแบบนี้ “ดูที่ด้านหน้านั่นสิ นี่เป็นเพียงฉากเล็กๆ เองนะ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีการโต้เถียงหรือทะเลาะกันที่นี่ทุกวัน เมื่อสองวันก่อนตอนที่ข้ากำลังดื่มเหล้าอยู่ในร้านอาหาร ข้าก็เห็นการต่อสู้แบบนี้หลายสิบครั้ง
”คนจากโลกศิลปะการต่อสู้งั้นเหรอ?”ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ล่ะแล้วทำไมถึงมีพวกเขามากมายนัก?” เถ้าแก่หลี่กล่าวด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่กล้าก่อปัญหาในโรงเตี๊ยมเพราะทุกคนรู้ว่าเถ้าแก่ใหญ่ในโรงเตี๊ยมเป็นนายพล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าก่อปัญหา
”ทั้งหมดเป็นเพราะสงครามกับอาณาจักรวายุโชย”ท้ายที่สุดไม่ว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจะดุเดือดแค่ไหนมันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งการต่อสู้ดุเดือดมากขึ้นธุรกิจของพวกเขาก็จะยิ่งดีขึ้น แต่นักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้จะไม่มีเหตุผลใดๆ และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะทำให้พวกนั้นขุ่นเคืองเมื่อใด ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาได้พยายายมที่จะหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้เพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง
”สงครามกับอาณาจักรวายุโชยงั้นรึ?”เถ้าแก่หลี่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย: “นั่นไม่ใช่เรื่องของพวกทหารชั้นผู้ใหญ่หรอกรึ์ มันเกี่ยวข้องอะไรกับนักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ด้วยล่ะ? มันไม่เหมือนกับที่พวกเราที่ไม่เคยต่อสู้มาก่อน พวกเขาคงไม่เหมือนกับพวกเราหรอกมั้ง ที่แค่ยืนดูเฉยๆ?”
“ดูเหมือนว่าเถ้าแก่หลี่หลังจากที่ฟื้นตัวมานี้ดูเหมือนท่านจะไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกเลยนะ” “ ข้าได้ยินมาว่าเหล่านักศิลปะการต่อสู้จากอาณาจักรวายุโชยได้ฝ่าฝืนกฎ พวกเขาจะเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้และเข้าร่วมกับกองกำลังของผู้ที่มาจากอาณาจักรวายุโชยเพื่อต่อสู้และยึดครองดินแดนของนักศิลปะการต่อสู้ในประเทศของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักศิลปะการต่อสู้จากประเทศของเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับคำท้านี้”
”เป็นอย่างนี้นี่เองไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงผู้คนมากมาย” ที่นี่เป็นพื้นที่ชายแดนและเมื่อเกิดสงครามระหว่างสองประเทศสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอันตรายมาก นอกจากนี้เถ้าแก่หลี่และเถ้าแก่เฉียนกำลังเตรียมที่จะถอนตัวออกจากเมืองหมังชานเป็นการชั่วคราว เพราะว่าหากพวกเขาอยู่ที่นี่อีกต่อไปใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามหรือไม่
“เพราะงั้นแม้แต่ท่านนายพลก็ไม่กล้าที่จะคัดค้านคนเหล่านี้เพราะว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นมาที่นี่เพื่อช่วย ดังนั้นพวกเขาจึงปิดหูปิดตาซะถ้าเกิดการทะเลาะวิวาทตามร้านอาหารหรือตามท้องถนนก็ตาม” เถ้าแก่เฉียนยังคงกล่าวต่อ
“แล้วท่านคิดว่าอย่างไรนักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งนัก พวกเขากำลังจะเข้าปะทะกับศัตรูจากอาณาจักรวายุโชยและแต่ในตอนนี้นั้นพวกเขากลับทะเลาะกันเองเสียอีก” เถ้าแก่หลี่ส่ายหัวและถอนหายใจ
“นั่นก็ดีถมไปแล้วคนพวกนี้ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ถึงแม้ว่าความขัดแย้งมีให้เห็นทุกวันแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนหรอกนะที่ทะเลาะกัน แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทะเลาะจนถึงขั้นล้มตาย พวกเขารู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะล้มกระดาน” เถ้าแก่เฉียนกล่าว
ผู้ฝึกตนจากโลกศิลปะการต่อสู้นั้นมักจะอารมณ์ร้อนย่อมมีความไม่พอใจเป็นธรรมดาพวกเขาสามารถที่จะโจมตีโดยไม่ส่งเสียงได้แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงจุดนั้นได้
เถ้าแก่หลี่มองไปที่ฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลในใจของเขาเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีนักเกี่ยวกับการสู้รบที่กำลังจะมาถึง