กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 447 ประลอง (7)
“เอ่อทำไมเสียงนี่ดูเหมือนจะดังมาจากข้างๆ ข้าเลยล่ะ” หลิวหมิงเจี๋ยคิดด้วยความสงสัยอยู่ในใจ
หลี่เต๋อหยูนั้นก็กำลังมองไปที่ด้านข้างของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อซึ่งนั่นก็คือฮวงเฟิงนั่นเอง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และในเวลานี้นั้นแม้หลิวหมิงเจี๋ยจะรับรู้ได้ค่อนข้างช้า แต่เสียงที่ดังขึ้นมาในตอนนี้ก็คือฮวงเฟิงที่เขาเพิ่งจะพบเจอ!
“พี่ฮวง ทำไมล่ะ?” หลิวหมิงเจี๋ยอ้าปากค้าง ขณะที่เขามองไปที่ ฮวงเฟิงและในตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผู้คนโดยรอบต่างก็มองไปรอบๆตอนนี้บรรยากาศนั้นหนักอึ้งมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดเลยสักคนเดียว จัตุรัสที่กว้างใหญ่แห่งนี้จึงเงียบมาก ดังนั้นหลายคนจึงได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่คนที่พูด และอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใคร
อย่างไรก็ตามสีหน้าของฮวงเฟิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเขาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยที่ต้องเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ด้วยพลังนี้เพียงอย่างเดียวเขาแข็งแกร่งกว่าศิษย์หลายคนในตอนนี้ เขาเพียงยิ้มแค่ให้หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูจากนั้นเขาก็เดินฝ่าฝูงชนและขึ้นไปบนเวที
”ขอให้ข้าได้ลองสัมผัสสุดยอดฝีมือของเจ้า!”ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดินไปที่เจ้าคนหน้าบาก
”คนนี้เป็นใครกัน?”
”ข้าไม่รู้จักเขาข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
”ข้าก็เหมือนกันข้าไม่คิดว่าข้าเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนและข้าก็ไม่รู้ว่าเขามาจากไหนด้วย คิดดูสิว่าเขากล้าขนาดไหนที่กล้าโผล่หัวออกมาในเวลาเช่นนี้”
”ข้าสงสัยว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแล้วเขาจะเป็นคู่ปรับกับเจ้าคนนั้นได้ไหม?”
และในขณะเดียวกันหลี่เต๋อหยูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับฮวงเฟิงเลย เพราะเขาเป็นคนที่เพิ่งถูกโจรปล้นมา แล้วจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของยอดฝีมืออันดับสองได้อย่างไร เขาอยากจะหัวเราะให้ฟันหัก? ถ้าฮวงเฟิงมีความแข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วเขาจะถูกโจรปล้นไปได้อย่างไรกัน? เพราะถึงแม้ว่าจะมีโจรหลายร้อยคนเขาก็คงจะสามารถล่าถอยได้อย่างปลอดภัยเสียด้วยซ้ำ
“นี่พี่ฮวงนี่ช่างผลีผลามเสียเหลือเกินนะ” หลี่เต๋อหยูกล่าวด้วยความกังวล เขาคิดว่าฮวงเฟิงไม่อาจทนต่อการดูถูกของอาณาจักรวายุโชยจึงตัดสินใจที่จะเสนอตัวเข้าไป
“ใช่แล้วล่ะแล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” หลิวหมิงเจี๋ยเองก็เป็นกังวลเช่นกันเนื่องจากเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของฮวงเฟิง เพราะว่าชายหน้าบากคนนั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาก็กังวลว่าหากฮวงเฟิงแพ้ก็หมายความว่าโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของพวกเขาก็จะต้องพ่ายแพ้ไปซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า Aileen-novel
ไม่เพียงแต่บรรดาศิษย์ธรรมดาที่อยู่ด้านล่างกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับฮวงเฟิงแต่พวกเขายังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของฮวงเฟิงเป็นอย่างมากและทั้งเหล่าหัวหน้าสำนักที่อยู่ด้านบนก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
ถ้าพูดอย่างมีเหตุผลแล้วศิษย์ของพวกเขาก็ไม่ได้คิดที่จะก้าวขาขึ้นไปบนเวทีอยู่แล้ว พวกเขาก็มีวิจารณญาณของตัวเองเช่นกันสำหรับยกที่สามนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและหากพวกเขาแพ้พวกเขาอาจกลายเป็นแพะรับบาปและโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะเสี่ยงเนื่องจากบุคคลที่ปรากฏตัวออกมาจากอาณาจักรวายุโชยนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดและไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเอาชนะเขาได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหัวหน้าสำนักเหล่านี้จะถามอยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีใครรู้จักตัวตนของฮวงเฟิงคนนี้เลย
“หรือว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนสันโดษยังงั้นหรือ?”จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น
ทุกคนรู้สึกตกใจและรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นไปได้ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียวและท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้จักเขาและเป็นไปได้ว่าเขาคงจะเป็นผู้ฝึกตนสันโดษจริงๆอย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้งทรัพยากร ระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนแบบสันโดษนั้นนั้นแย่กว่าผู้ฝึกตนจากสำนักเป็นอย่างมาก และท้ายที่สุดหากพวกเขาต้องการฝึกฝนพวกเขาก็สามารถทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น และไม่มีใครจากสำนักใดที่จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ดังนั้นความเร็วในการฝึกตนของพวกเขาจึงไม่เพิ่มขึั้นเป็นธรรมดา
ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คนระดับการฝึกตนขั้นสูงซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถไปถึงอันดับสองแล้วได้นับประสาอะไรกับจุดสูงสุดของอันดับสอง
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดี?จะให้เขาขึ้นมาไหม?” มีคนถามต่อ
นี่มันเป็นปัญหาอย่างแน่นอนเขาควรที่จะมอบความรับผิดชอบนี้ให้แก่ฮวงเฟิงหรือไม่? หากเขาพ่ายแพ้ ผู้คนจากอาณาจักรวายุโชยก็จะไม่ได้คิดว่าเขาเป็นพวกผู้ฝึกตนแบบสันโดษและก็จะเหมามาล้อเลียนได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสำนักเดียวกัน
”พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ?อีกส่งศิษย์ของท่านขึ้นไปงั้นเหรอ?” หนึ่งในหัวหน้าสำนักที่อยู่ข้างๆ โต้กลับ: “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครบางคนจะกล้าออกมา ข้าคิดว่าเราควรจะปล่อยเขาไปไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เพราะพวกเราไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเอาชนะเขาได้ ถ้ามีใครจะต้องโดนตำหนิก็จงอย่าบอกข้าว่าเองอยากจะเป็นคนๆ นั้นที่โดนตำหนิ?”
หัวหน้าสำนักคนอื่นๆเงียบเมื่อได้ยินดังนั้น อันที่จริงแล้วถ้าพวกเขาไม่ปล่อยให้ฮวงเฟิงขึ้นไปแล้วจะยังมีใครอีกล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงจะเอาชนะไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของทุกคนและอาจจะทำลายชื่อเสียงของทั้งสำนัก แล้วจะมีใครเต็มใจทำเรื่องแบบนี้กันล่ะ?
”เจ้าเป็นใครกัน?เจ้าสามารถที่จะเป็นตัวแทนของโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ได้งั้นหรือ?” ชายหน้าบากได้เห็นการถกเถียงกันของฝูงชนอย่างชัดเจนและยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาและพลังงานในการต่อสู้กับคนเหล่านี้ไปเสียครึ่งวัน และในท้ายที่สุดพวกนั้นก็อาจจะบอกว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์
”แน่นอนน้องชายคนนี้สามารถเป็นตัวแทนของโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของเราได้!”
ส่วนฮวงเฟิงนั้นไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรหัวหน้าสำนักคนหนึ่งที่อยู่บนเวทีนั้นได้ตอบเขาเสียงดัง
อันที่จริงแล้วฮวงเฟิงเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นตั้งแต่เริ่มต้นเขาไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์และถ้าจะพูดกันอย่างมีเหตุผลแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยง
เพราะถึงอย่างไรก็ตามเขาก็มีความรู้สึกดีๆให้กับอาณาจักรสำเภาสวรรค์นี้ และเคล็ดวิชาการฝึกตนที่เขาเรียนรู้มานั้นก็เป็นของอาณาจักรสำเภาสวรรค์และสถานที่ที่เขาเคลื่อนย้ายประตูมิติมาก็อยู่ในอาณาจักรสำเภาสวรรค์เช่นกัน
เขาต้องการที่จะเปรียบเทียบอันดับกับผู้มีฝีมือที่แข็งแกร่งเพื่อดูว่าเขาอยู่ในระดับไหนโดยปกติแล้วเขาจะฝึกฝนด้วยตัวเองและแม้ด้วยจำนวนครั้งการต่อสู้ที่จำกัด เขาก็ได้แต่ต่อสู้กับคนธรรมดาเท่านั้น ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่รู้ว่าเขาอยู่ในระดับใด
เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่จะพิสูจน์และก็คงจะเป็นเรื่องดีถ้าเขาจะได้ต่อสู้ไปด้วยเขานั้นไม่ใช่คนของโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ แล้วหัวหน้าสำนักทั้งหลายจะกล้ามอบความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงให้แก่เขาได้ยังไงกันเล่า?
เพียงแต่ว่าฮวงเฟิงนั้นไม่คิดว่าเหล่าหัวหน้าสำนักทั้งหลายอยู่ๆก็จะตกลงให้เขาเป็นตัวแทนในการแข่งขันในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักฮวงเฟิงก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเร่งด่วนฮวงเฟิงที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่เกี่ยวกับเรื่องราวภายในก็กำลังนึกขบขันตัวเองอยู่ในใจ หัวหน้าสำนำเหล่านี้ช่างสะเพร่ากับหน้าที่ของตัวเองที่อยู่ๆ ก็มอบเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ให้กับคนที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
“เอาล่ะถ้างั้นข้าเข้าไปซัดกับเจ้าได้หรือยัง?” ไม่ว่าบรรดาหัวหน้าสำนักเหล่านั้นจะตัดสินใจเช่นไร ฮวงเฟิงก็รู้เพียงแค่ว่าจุดนี้สถานการณ์ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง เขาจะได้เป็นตัวแทนของโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ในการประลองที่ยากลำบากในยกที่สาม
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนักก็อย่าหาว่าข้าไม่ปราณีก็แล้วกัน” เขากล่าวต่อฮวงเฟิง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะยั้งมือตั้งแต่แรก เขาไม่เพียงแต่ต้องการที่จะเอาชนะฮวงเฟิงแต่ต้องการที่จะฆ่าฮวงเฟิงทิ้งเสีย